The Little Car บริษัทผลิต รถคลาสสิกจำลอง ที่ขับได้จริง
13 พ.ค. 2021
The Little Car บริษัทผลิต รถคลาสสิกจำลอง ที่ขับได้จริง | THE BRIEFCASE
หลาย ๆ คนที่เป็นนักสะสมรถยนต์รุ่นคลาสสิกที่แสนมีค่า
คงไม่อยากจะนำรถที่สะสมไว้ออกมาใช้งาน
แต่จะเป็นอย่างไร ถ้าเราสามารถชุบชีวิตรถยนต์เหล่านั้น
ให้สามารถใช้งานได้จริง เหมือนได้ย้อนวันเวลาไปในอดีต
โดยที่ไม่ต้องนำของจริงออกมาใช้งาน
แต่เป็นการสร้างรถรุ่นคลาสสิกออกมาใหม่ จากแบบจำลองของเดิม
วันนี้ THE BRIEFCASE จะพามารู้จักบริษัท The Little Car
ผู้ผลิตรถยนต์ขนาดจิ๋วจากแบรนด์หรูอย่าง Bugatti และ Aston Martin
ที่สามารถใช้งานได้จริง
บริษัท Little Car ก่อตั้งเมื่อ 3 ปีที่แล้ว โดยคุณ Ben Hedley ผู้หลงใหลรถยนต์แบรนด์หรูอย่าง Bugatti โดยเฉพาะรุ่นในตำนานอย่าง Bugatti Type 35 ที่ผลิตขึ้นในปี 1924
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมารถคลาสสิกมีราคาแพงขึ้น
และมีค่าเกินกว่าที่จะนำไปขับบนท้องถนน
ทำให้ผู้ที่สะสมรถหรูสุดคลาสสิก นิยมเก็บไว้ในโรงรถ ไม่นำออกไปขับตามท้องถนนแล้ว เพื่อคงความสวยงามในอดีตเอาไว้ให้มากที่สุด
เขาจึงเกิดไอเดียขึ้นมาว่า จะเป็นอย่างไรถ้าหากนำรถหรูเหล่านั้น มาผลิตใหม่จากแบบจำลองของเดิม
และยังสามารถใช้งานได้จริง นำความคลาสสิกเหล่านั้นกลับคืนสู่ท้องถนน
ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้สร้าง Bugatti Type 35 ขึ้นมาใหม่ เรียกว่า Bugatti Baby II ซึ่งผลิตด้วยมืออย่างประณีต โดยใช้เทคนิคการสแกนดิจิทัลอย่างแม่นยำ โดยภายนอกของรถ ยังคงความคลาสสิกแบบดั้งเดิมเอาไว้ แต่ตัวรถที่ผลิตขึ้นมาใหม่นี้มีขนาดเพียง 75% ของตัวจริง
ซึ่งทางบริษัทได้ผลิตออกมา 3 รุ่นด้วยกัน คือ
- Base รุ่นที่มีแบตเตอรี่ 1.4 กิโลวัตต์
- Vitesse ตัวรถทำมาจาก Carbon Fiber มีแบตเตอรี่ 2.8 กิโลวัตต์
- Pur Sang ตัวถังอะลูมิเนียมที่ใช้เทคนิคการสร้างเหมือน Bugatti Type 35 ดั้งเดิม มีแบตเตอรี่ 2.8 กิโลวัตต์ ใช้ระยะเวลาในการผลิตด้วยมืออย่างประณีต มากกว่า 200 ชั่วโมง
ตัว Bugatti Baby II นี้ สามารถวิ่งได้ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง
และทำความเร็วได้สูงสุดที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โดย Bugatti Baby II นี้มีเพียง 500 คันเท่านั้น และแต่ละคันจะมีหมายเลขตัวเครื่องที่ไม่ซ้ำกัน
ซึ่งมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1,000,000 บาท และปัจจุบันรถ Bugatti ขนาดจิ๋วคันนี้ถูกขายไปแล้วมากกว่า 90%
กลุ่มลูกค้าของบริษัทแห่งนี้ก็คือ คนที่ต้องการสนุกกับการขับรถคลาสสิกเหล่านั้น
โดยไม่ต้องวิตกกังวลกับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับรถคลาสสิกของจริง
นอกจากนี้ผู้ที่เป็นเจ้าของ Bugatti Baby II ทุกคนจะได้รับการเป็นสมาชิก The Little Car Club และ Bugatti Owners' Club โดยสามารถเข้าร่วมกิจกรรมขับรถในสนามแข่งรถที่มีชื่อเสียงได้อีกด้วย
เมื่อการสร้าง Bugatti ขนาดจิ๋วในครั้งนั้นประสบความสำเร็จอย่างมาก
The Little Car จึงได้ก้าวไปอีกขั้นด้วยการไปร่วมมือกับ Aston Martin
ด้วยการผลิต Aston Martin DB5 Junior
หรือรถยนต์คลาสสิกรุ่น เจมส์ บอนด์ ในช่วงทศวรรษ 1960 ขึ้นมาใหม่
โดยมีขนาดประมาณ 66% ของขนาดจริง และออกแบบใหม่ให้เป็นรุ่นแบบเปิดประทุนแทน
Aston Martin DB5 Junior ถูกสร้างขึ้นด้วยมืออย่างประณีตเช่นกัน
ซึ่งในแต่ละคันที่ผลิตออกมา จะมีตราสัญลักษณ์ Aston Martin แบบดั้งเดิม
และใช้สี Silver Birch เพื่อคงความคลาสสิกเอาไว้ มีระบบขับเคลื่อนล้อหลังด้วยระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 48 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โดยผลิตมาเพียง 1,059 คันเท่านั้น และมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1,500,000 บาท
ซึ่งมีให้เลือก 2 รุ่น คือ
- DB5 Junior ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับผู้โดยสารได้ 2 คน คือผู้ใหญ่ 1 คนและเด็กอีก 1 คน
มีตราสัญลักษณ์ของ Aston Martin เช่นเดียวกับรุ่นเดิมในปี 1963
มาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้รับการแปลงเป็นมาตรวัดแบตเตอรี่
นาฬิกา Smiths แบบเดียวกับที่เห็นในรถยนต์ยุค 60 ดั้งเดิม ตั้งอยู่ด้านหน้าที่นั่งผู้โดยสาร
- DB5 Vantage Junior เป็นรุ่นที่อัปเกรดขึ้นมาจากรุ่น DB5 Junior
ด้วยการเพิ่มกำลังในการขับเคลื่อนขึ้น 2 เท่า ทำให้รถมีความแรงและขับได้สนุกมากขึ้น
ซึ่ง The Little Car ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทผลิตรถยนต์ที่น่าสนใจ
จากการสร้างสรรค์รถยนต์รุ่นคลาสสิกในตำนานขึ้นมาใหม่
ที่เหมือนพาผู้ขับขี่ย้อนเวลากลับไปในช่วงเวลาในประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อว่า ธุรกิจที่ผลิตรถยนต์จำลองอย่าง The Little Car
สามารถตอบโจทย์ Pain Point ของกลุ่มคนเฉพาะกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี
และก็ได้รับความสนใจ ไม่น้อยเลยทีเดียว..
References:
-https://thelittlecar.co/
-https://www.bloomberg.com/features/2021-little-car-company/
-https://www.autofutures.tv/2020/09/21/big-plans-for-the-little-car-company/
-https://www.forbes.com/sites/alistaircharlton/2020/11/08/fancy-an-electric-34-scale-bugatti-for-parent-and-child-alike-meet-the-little-car-company/?sh=68acb1d74146
หลาย ๆ คนที่เป็นนักสะสมรถยนต์รุ่นคลาสสิกที่แสนมีค่า
คงไม่อยากจะนำรถที่สะสมไว้ออกมาใช้งาน
แต่จะเป็นอย่างไร ถ้าเราสามารถชุบชีวิตรถยนต์เหล่านั้น
ให้สามารถใช้งานได้จริง เหมือนได้ย้อนวันเวลาไปในอดีต
โดยที่ไม่ต้องนำของจริงออกมาใช้งาน
แต่เป็นการสร้างรถรุ่นคลาสสิกออกมาใหม่ จากแบบจำลองของเดิม
วันนี้ THE BRIEFCASE จะพามารู้จักบริษัท The Little Car
ผู้ผลิตรถยนต์ขนาดจิ๋วจากแบรนด์หรูอย่าง Bugatti และ Aston Martin
ที่สามารถใช้งานได้จริง
บริษัท Little Car ก่อตั้งเมื่อ 3 ปีที่แล้ว โดยคุณ Ben Hedley ผู้หลงใหลรถยนต์แบรนด์หรูอย่าง Bugatti โดยเฉพาะรุ่นในตำนานอย่าง Bugatti Type 35 ที่ผลิตขึ้นในปี 1924
อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมารถคลาสสิกมีราคาแพงขึ้น
และมีค่าเกินกว่าที่จะนำไปขับบนท้องถนน
ทำให้ผู้ที่สะสมรถหรูสุดคลาสสิก นิยมเก็บไว้ในโรงรถ ไม่นำออกไปขับตามท้องถนนแล้ว เพื่อคงความสวยงามในอดีตเอาไว้ให้มากที่สุด
เขาจึงเกิดไอเดียขึ้นมาว่า จะเป็นอย่างไรถ้าหากนำรถหรูเหล่านั้น มาผลิตใหม่จากแบบจำลองของเดิม
และยังสามารถใช้งานได้จริง นำความคลาสสิกเหล่านั้นกลับคืนสู่ท้องถนน
ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้สร้าง Bugatti Type 35 ขึ้นมาใหม่ เรียกว่า Bugatti Baby II ซึ่งผลิตด้วยมืออย่างประณีต โดยใช้เทคนิคการสแกนดิจิทัลอย่างแม่นยำ โดยภายนอกของรถ ยังคงความคลาสสิกแบบดั้งเดิมเอาไว้ แต่ตัวรถที่ผลิตขึ้นมาใหม่นี้มีขนาดเพียง 75% ของตัวจริง
ซึ่งทางบริษัทได้ผลิตออกมา 3 รุ่นด้วยกัน คือ
- Base รุ่นที่มีแบตเตอรี่ 1.4 กิโลวัตต์
- Vitesse ตัวรถทำมาจาก Carbon Fiber มีแบตเตอรี่ 2.8 กิโลวัตต์
- Pur Sang ตัวถังอะลูมิเนียมที่ใช้เทคนิคการสร้างเหมือน Bugatti Type 35 ดั้งเดิม มีแบตเตอรี่ 2.8 กิโลวัตต์ ใช้ระยะเวลาในการผลิตด้วยมืออย่างประณีต มากกว่า 200 ชั่วโมง
ตัว Bugatti Baby II นี้ สามารถวิ่งได้ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง
และทำความเร็วได้สูงสุดที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โดย Bugatti Baby II นี้มีเพียง 500 คันเท่านั้น และแต่ละคันจะมีหมายเลขตัวเครื่องที่ไม่ซ้ำกัน
ซึ่งมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1,000,000 บาท และปัจจุบันรถ Bugatti ขนาดจิ๋วคันนี้ถูกขายไปแล้วมากกว่า 90%
กลุ่มลูกค้าของบริษัทแห่งนี้ก็คือ คนที่ต้องการสนุกกับการขับรถคลาสสิกเหล่านั้น
โดยไม่ต้องวิตกกังวลกับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับรถคลาสสิกของจริง
นอกจากนี้ผู้ที่เป็นเจ้าของ Bugatti Baby II ทุกคนจะได้รับการเป็นสมาชิก The Little Car Club และ Bugatti Owners' Club โดยสามารถเข้าร่วมกิจกรรมขับรถในสนามแข่งรถที่มีชื่อเสียงได้อีกด้วย
เมื่อการสร้าง Bugatti ขนาดจิ๋วในครั้งนั้นประสบความสำเร็จอย่างมาก
The Little Car จึงได้ก้าวไปอีกขั้นด้วยการไปร่วมมือกับ Aston Martin
ด้วยการผลิต Aston Martin DB5 Junior
หรือรถยนต์คลาสสิกรุ่น เจมส์ บอนด์ ในช่วงทศวรรษ 1960 ขึ้นมาใหม่
โดยมีขนาดประมาณ 66% ของขนาดจริง และออกแบบใหม่ให้เป็นรุ่นแบบเปิดประทุนแทน
Aston Martin DB5 Junior ถูกสร้างขึ้นด้วยมืออย่างประณีตเช่นกัน
ซึ่งในแต่ละคันที่ผลิตออกมา จะมีตราสัญลักษณ์ Aston Martin แบบดั้งเดิม
และใช้สี Silver Birch เพื่อคงความคลาสสิกเอาไว้ มีระบบขับเคลื่อนล้อหลังด้วยระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 48 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โดยผลิตมาเพียง 1,059 คันเท่านั้น และมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1,500,000 บาท
ซึ่งมีให้เลือก 2 รุ่น คือ
- DB5 Junior ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับผู้โดยสารได้ 2 คน คือผู้ใหญ่ 1 คนและเด็กอีก 1 คน
มีตราสัญลักษณ์ของ Aston Martin เช่นเดียวกับรุ่นเดิมในปี 1963
มาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้รับการแปลงเป็นมาตรวัดแบตเตอรี่
นาฬิกา Smiths แบบเดียวกับที่เห็นในรถยนต์ยุค 60 ดั้งเดิม ตั้งอยู่ด้านหน้าที่นั่งผู้โดยสาร
- DB5 Vantage Junior เป็นรุ่นที่อัปเกรดขึ้นมาจากรุ่น DB5 Junior
ด้วยการเพิ่มกำลังในการขับเคลื่อนขึ้น 2 เท่า ทำให้รถมีความแรงและขับได้สนุกมากขึ้น
ซึ่ง The Little Car ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทผลิตรถยนต์ที่น่าสนใจ
จากการสร้างสรรค์รถยนต์รุ่นคลาสสิกในตำนานขึ้นมาใหม่
ที่เหมือนพาผู้ขับขี่ย้อนเวลากลับไปในช่วงเวลาในประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อว่า ธุรกิจที่ผลิตรถยนต์จำลองอย่าง The Little Car
สามารถตอบโจทย์ Pain Point ของกลุ่มคนเฉพาะกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี
และก็ได้รับความสนใจ ไม่น้อยเลยทีเดียว..
References:
-https://thelittlecar.co/
-https://www.bloomberg.com/features/2021-little-car-company/
-https://www.autofutures.tv/2020/09/21/big-plans-for-the-little-car-company/
-https://www.forbes.com/sites/alistaircharlton/2020/11/08/fancy-an-electric-34-scale-bugatti-for-parent-and-child-alike-meet-the-little-car-company/?sh=68acb1d74146