คนรวยสุด ในไอซ์แลนด์ ทำธุรกิจอะไร ?

คนรวยสุด ในไอซ์แลนด์ ทำธุรกิจอะไร ?

8 มิ.ย. 2021
คนรวยสุด ในไอซ์แลนด์ ทำธุรกิจอะไร ? | THE BRIEFCASE
ไอซ์แลนด์ ถือเป็นประเทศที่มีขนาดเล็ก
มีพื้นที่ประมาณ 102,775 กิโลเมตร หรือแค่ 1 ใน 5 ของพื้นที่ประเทศไทยเท่านั้น
แต่กลับมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากร สูงถึง 148,000 บาทต่อเดือน
หรือคิดเป็นเกือบ 6 เท่า ของรายได้เฉลี่ยต่อเดือนของคนไทย
โดยอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้หลักให้กับคนในประเทศไอซ์แลนด์
คือ อุตสาหกรรมการประมง, อุตสาหกรรมเกี่ยวกับพลังงาน และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ที่น่าสนใจคือ บุคคลที่รวยที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์
กลับไม่ได้ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเหล่านี้เลย
แล้วเขาประกอบอาชีพอะไร ?
วันนี้ THE BRIEFCASE ขอพาทุกท่าน ไปรู้จักกับชายวัย 54 ปี ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในไอซ์แลนด์กัน..
เขาคนนี้มีชื่อว่า Thor Björgólfsson
เป็นชาวไอซ์แลนด์โดยกำเนิด ที่เกิดในปี ค.ศ. 1967
ปัจจุบัน อาชีพที่สร้างรายได้หลักของคุณ Thor
คือการเป็นเจ้าของบริษัทด้านการลงทุนแบบ Private Equity
หรือบริษัทที่เน้นลงทุนในบริษัทที่ยังไม่จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์
โดยบริษัทของเขามีชื่อว่า “Novator Partners”
ก่อนจะเรียนรู้ความสำเร็จในปัจจุบัน
ลองเรียนรู้ความเป็นมาในอดีตของเขากันเสียก่อน..
คุณ Thor ในวัยเด็ก ก็เป็นเหมือนคนปกติทั่วไป ต้องการที่จะมีการศึกษาในระดับที่สูง
โดยเขาต้องการเรียนสาขาการเงินการบัญชี
เพราะมีความเชื่อว่า “การหาเงิน” คือทางเดียวที่จะทำให้เขาร่ำรวย
ด้วยวัยเพียงแค่ 10 ปี คุณ Thor เริ่มต้นการหาเงินครั้งแรก
ด้วยการยืมเงินจำนวนหนึ่งจากครอบครัว เพื่อไปซื้อหนังสือการ์ตูน แล้วรวมเป็นชุดสะสมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มแล้วนำไปขาย จนได้กำไรก้อนเล็ก ๆ หักส่วนที่เป็นเงินทุน นำไปคืนครอบครัว
เด็กน้อยในวันนั้น ได้ฉายแววของนักธุรกิจ ที่ใครจะเชื่อว่าจะกลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศ
คุณ Thor ในวัยเรียน นอกจากการเรียนหนังสือแล้ว ยังทำงานหารายได้เสริมอีกมากมาย เช่น
- เป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ในช่วงเช้าตรู่ ก่อนมาเรียนหนังสือ
- เป็นผู้จัดหาอีเวนต์ของไนต์คลับเล็ก ๆ ที่นำคอนเซปต์วัฒนธรรมการดื่มเบียร์แบบเยอรมันอย่าง Oktoberfest มาเปิดในตัวเมืองเรคยาวิก ในประเทศไอซ์แลนด์
และเมื่อคุณ Thor เรียนจบปริญญาตรีสาขาการเงิน จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก
เขาเริ่มต้นทำงานเป็น พนักงานด้านการตลาด ในบริษัทผลิตเบียร์แบรนด์หนึ่ง ในประเทศรัสเซีย
หลังจากนั้น เพียง 4 ปี เขาก็ได้เริ่มต้นธุรกิจแรกในชีวิต
นั่นคือ โรงงานผลิตเบียร์ ที่มีชื่อว่า “Bravo Brewery Group”
ซึ่งต่อมาธุรกิจแรกของเขา ก็มีบริษัทเบียร์ยักษ์ใหญ่อย่าง Heineken ซื้อกิจการไป
เงินทุนจากการขายกิจการครั้งนั้น ทำให้เขาตัดสินใจเดินทางกลับประเทศบ้านเกิด
เพื่อสร้างธุรกิจใหม่ในปี ค.ศ. 2004 นั่นคือ บริษัทลงทุนแบบ Private Equity ที่เน้นลงทุนในบริษัทที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ ที่มีชื่อว่า “Novator Partners”
และธุรกิจนี้เอง ที่ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่มีสินทรัพย์ที่มากที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ ในเวลาต่อมา
Novator Partners ในช่วงแรก
จะเน้นการเข้าไปลงทุนในบริษัทโทรคมนาคมสื่อสารในประเทศต่าง ๆ
และการเข้าไปลงทุนในบริษัทยา ที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์
เพราะคุณ Thor มองว่า สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นของมนุษย์ไม่ต่างไปจากปัจจัย 4
ธุรกิจของเขากำลังเดินหน้าไปได้สวย กลับต้องสะดุด..
เมื่อพบกับวิกฤติทางการเงินของประเทศไอซ์แลนด์ ในช่วงปี ค.ศ. 2007-2011
ธุรกิจของเขาล้มพังไม่เป็นท่า ขาดทุนจนเป็นหนี้มหาศาล 3 หมื่นล้านบาท
ความล้มเหลวครั้งนี้ของคุณ Thor ยังส่งผลกระทบไปจนถึงระดับประเทศ..
สาเหตุหลักส่วนหนึ่งเป็นเพราะ Straumur Investment Bank
ซึ่งเป็นธนาคารเพื่อการลงทุนในไอซ์แลนด์ ที่บริษัทของเขาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในตอนนั้น ได้รับผลกระทบเข้าไปอย่างเต็ม ๆ ทำให้ประชาชนไอซ์แลนด์หลายคน ที่มีเงินฝากก้อนใหญ่กับธนาคาร ต้องตกอยู่ในสภาวะเสี่ยงที่จะสูญเสียเงิน
นอกจากนั้น พนักงานของธนาคารแห่งนี้ ก็ตกงานในทันทีหลายคน
ทำให้คุณ Thor ต้องหาวิธีเจรจากับทั้งเจ้าหนี้ ลูกหนี้ ของธนาคาร เพื่อหาวิธีรักษาผลประโยชน์ของทุกฝ่ายให้ได้มากที่สุด
ไอซ์แลนด์ กลายเป็นประเทศเกือบล้มละลาย สกุลเงินของประเทศด้อยค่าลงอย่างหนัก
ตลาดหุ้นต้องปิดตัวลง ในระยะเวลาหนึ่ง
ถึงตรงนี้ คุณ Thor ที่เคยเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ จากการจัดอันดับจากนิตยสาร Forbes และ World Economic Forum ในปี ค.ศ. 2005
กลับกำลังจะต้องกลายเป็นบุคคลล้มละลาย..
ถึงแม้จะเป็นหนี้มหาศาล แต่คุณ Thor กลับไม่ย่อท้อ
การประกาศตัวเองว่าเป็นบุคคลล้มละลาย นั่นเท่ากับว่า เขายอมรับในการเป็นผู้พ่ายแพ้
แต่เขากลับรู้สึกว่า จะต้องไม่ทำให้ชาวไอซ์แลนด์ที่เคยเชื่อมั่นในตัวเขา ได้รับความเสียหายมากไปกว่านี้
เขาจึงกัดฟันสู้ต่อ..
เริ่มต้นจากการต่อรองไม่ให้รัฐบาลไอซ์แลนด์ยึดธุรกิจของเขา
โดยนำทรัพย์สินทั้งหมดของตัวเอง ไปค้ำประกันกับรัฐบาล
รวมทั้งวางแผนปรับโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้
และขอกู้เงินเพิ่มเติม เพื่อนำมาลงทุนอย่างมีแบบแผน
จุดเปลี่ยนที่สำคัญต่อมา คือ การปรับพอร์ตลงทุนของบริษัท Novator Partners
ที่จะไม่จำกัดอยู่แค่บริษัทใหญ่ ๆ ประเภทธุรกิจปัจจัย 4 ของมนุษย์
แต่เริ่มลงทุนในบริษัทสตาร์ตอัปเทคโนโลยี
ที่มีลักษณะดำเนินกิจการมาสักระยะ ยังไม่ทำกำไร และยังขาดสภาพคล่องทางการเงิน แต่มีโอกาสเติบโตภายใน 10 ปีข้างหน้า
การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ทำให้ Novator Partners ยึดหลักในการลงทุนใหม่
นั่นคือ “We invest in disruptive businesses” หรือประมาณว่า “เราลงทุนในธุรกิจที่จะมาปฏิวัติธุรกิจเดิม ๆ”
การปรับกลยุทธ์การลงทุนในครั้งนั้น ทำให้ในปี ค.ศ. 2014 คุณ Thor สามารถนำกำไรที่ได้จากการลงทุน ไปชำระหนี้สินของเขาได้ทั้งหมด กลับมาครองตำแหน่งผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ได้อีกครั้ง หลังจากที่เกือบต้องกลายเป็นคนล้มละลาย
คุณ Thor ได้รับบทเรียนในครั้งนี้ จนเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า
“การลงทุน” คือการมองเทรนด์ในอนาคต
รวมทั้งการตั้งเป้าหมายและบริหารทรัพย์สิน แบบมั่นคงยั่งยืนในระยะยาว
จะสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า การลงทุนที่เน้นผลตอบแทนระยะสั้นแบบในอดีตที่ผ่านมา
ปัจจุบัน Novator Partners ลงทุนและเข้าซื้อบริษัทไปแล้วกว่า 40 บริษัท
มีทั้งบริษัทใหญ่ และสตาร์ตอัปเทคโนโลยีขนาดย่อม
ตัวอย่างธุรกิจที่ Novator Partners ไปลงทุน เช่น
- Stripe บริษัทประมวลผลธุรกรรมออนไลน์ และระบบตัวกลางรับเงินผ่านบัตรเครดิต
- Deliveroo ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มบริการรับส่งอาหาร
- Zwift บริษัทผลิตเกมจำลองการออกกำลังกายเสมือนจริง
- Disruptional บริษัทที่วิจัยพัฒนาเกี่ยวกับเทคโนโลยี Deep-learning AI
- Vivacom ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือเจ้าใหญ่ของประเทศบัลแกเรีย
- PLAY ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือในประเทศโปแลนด์
- NOVA ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ และนำเทคโนโลยี 4G เข้ามาเป็นเจ้าแรกในประเทศไอซ์แลนด์
มาถึงตรงนี้ เส้นทางชีวิตของคุณ Thor กำลังจะบอกอะไรกับเราบ้าง ?
“ชีวิตของคนเรา แม้จะตัวใหญ่แค่ไหน ก็สามารถล้มได้เสมอ
แต่ที่สำคัญคือ หากเราล้มด้วยตัวเอง เราก็ต้องรู้จักการลุกขึ้นยืนได้ด้วย.. ตัวเอง”
เรื่องราวของเด็กวัย 10 ขวบ ที่เริ่มต้นรู้จักหาเงิน ด้วยการขายหนังสือการ์ตูนมือสอง
จนมาถึงการล้มละลายระดับประเทศ และการพลิกชีวิตกลับมาเดินหน้าทำธุรกิจ
ด้วยแนวคิดมั่นคงยั่งยืนในระยะยาว
ปัจจุบันคุณ Thor Björgólfsson มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ทั้งหมดประมาณ 6.9 หมื่นล้านบาท
ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลที่มีทรัพย์สินมากที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ..
คุณ Thor ได้เขียนชีวประวัติของเขา ออกมาเป็นหนังสือที่ชื่อว่า “Billions to Bust - and Back” ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 2014 บอกเล่าเรื่องราวที่เขาต้องเผชิญในขณะที่เขากำลังจะล้มละลาย จนพลิกชีวิตกลับมาประสบความสำเร็จได้ใหม่อีกครั้ง..
References
-https://novator.co.uk/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Bj%C3%B6rg%C3%B3lfur_Thor_Bj%C3%B6rg%C3%B3lfsson
-https://www.forbes.com/profile/thor-bjorgolfsson/?sh=63b1a72a3527
-https://thorbjorgolfsson.com
-https://statisticstimes.com/economy/projected-world-gdp-capita-ranking.php
-https://www.forbes.com/sites/andrewcave/2014/12/18/how-to-lose-4-billion-in-eight-months-and--build-it-back-again-a-biographers-story/?sh=5e10f4791acc
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.