Sisu ปรัชญาของชาวฟินแลนด์ ที่แนะนำให้ ใช้ชีวิตให้ยากขึ้น
14 ก.ค. 2021
Sisu ปรัชญาของชาวฟินแลนด์ ที่แนะนำให้ ใช้ชีวิตให้ยากขึ้น | THE BRIEFCASE
เมื่อพูดถึงฟินแลนด์ คนมักจะจดจำว่าเป็นประเทศที่มีความสุขมากสุดในโลก
ซึ่งรู้หรือไม่ว่า เบื้องหลังของความสุขเหล่านั้น นอกจากเกิดขึ้นด้วยสวัสดิการภาครัฐที่ดีแล้ว ส่วนหนึ่งเกิดจากปรัชญาการใช้ชีวิตของผู้คนที่ชื่อว่า Sisu อีกด้วย
Sisu คือความสามารถในการกล้าก้าวเดินต่อไป แม้ว่าจะมีอุปสรรคมากเพียงใดก็ตาม และก้าวข้ามผ่านสิ่งที่เคยคิดว่าเป็นข้อจำกัด
ซึ่งปรัชญานี้ไม่ได้มีเป้าหมายที่มุ่งเน้นความสำเร็จ แต่เป็นการทำให้เรารู้สึกกล้าเผชิญหน้าและยอมรับกับความท้าทายต่าง ๆ ที่ต้องเจอ แม้ว่าความสามารถทางร่างกายและจิตใจกำลังจะถึงขีดสุดแล้ว
สาเหตุที่ชาวฟินแลนด์ต้องสร้างปรัชญา Sisu ในการดำเนินชีวิต คงต้องย้อนกลับไปสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
เมื่อจู่ ๆ วันหนึ่งประเทศฟินแลนด์ถูกลอบโจมตีจากกลุ่มทหารโซเวียต ทำให้บ้านเรือนและทรัพยากรของชาวฟินแลนด์มีอยู่อย่างจำกัด ซ้ำร้ายยังเจอกับสภาพอากาศอันหนาวเหน็บอีกด้วย
เพื่อเป็นการอยู่รอดท่ามกลางสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ทั้งร่างกายและจิตใจ จึงทำให้ผู้คนสมัยนั้นเกิดการสร้างแนวคิดเรื่องความอดทนและไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค และพัฒนาต่อยอดจนกลายเป็น Sisu ปรัชญาประจำชาติในที่สุด
ทำให้สุดท้ายชาวฟินแลนด์มีแรงฮึด สามารถต่อสู้และต้านทานยืดเยื้อการรุกรานของสหภาพโซเวียตได้เป็นเวลานาน แม้ว่ากำลังพลและทรัพยากรจะน้อยกว่าฝ่ายตรงข้ามอย่างมากก็ตาม
Sisu จึงกลายเป็นสิ่งที่ปลูกฝังลงไปในการใช้ชีวิตของชาวฟินแลนด์ในเวลาต่อมา และเป็นสิ่งที่ผู้คนยังคงพัฒนาปรัชญานี้อยู่ตลอดเวลาเสมอด้วย
และจากปรัชญานี้ก็นำไปสู่การเป็นประเทศชาติที่ไม่ท้อถอย แม้ว่าจะเสียเปรียบทั้งกำลังคนและข้อจำกัดทางทรัพยากรอย่างมากมาย
แต่ปัจจุบันนี้ประเทศฟินแลนด์กลายเป็นประเทศที่มีสวัสดิการรัฐที่ดีเยี่ยมติดอันดับต้นของโลก ทั้งระบบสาธารณสุข ระบบสาธารณูปโภค และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ ระบบการศึกษา
แม้กระทั่งตัวการ์ตูนสุดน่ารักอย่าง Moomin เองก็เกิดจากอิทธิพลของ Sisu เช่นกัน ซึ่งหากใครเคยได้ดูเนื้อเรื่องแล้ว ก็จะเห็นว่า การดำเนินเรื่องล้วนแฝงไปด้วยปรัชญา Sisu ทั้งสิ้น
พูดถึงตรงนี้แล้ว หลายคนคงอยากนำ Sisu มาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตของไทยบ้าง แต่จะทำอย่างไร คงต้องดูกรณีของชาวฟินแลนด์เป็นตัวอย่าง
โดยการพัฒนา Sisu ของชาวฟินแลนด์ให้เกิดความพร้อมในร่างกายและจิตใจ จะทำด้วยวิธีการเพิ่มความยากขึ้นอีกนิดในการใช้ชีวิต แทนการเลือกหนทางที่สะดวกสบาย
เพื่อฝึกฝนร่างกายและจิตใจ ให้ค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้นทีละนิดทีละหน่อย และไม่ให้ตัวเองเคยชินกับความเป็นอยู่แบบเดิม ๆ
ตัวอย่างของการพัฒนาปรัชญา Sisu จากการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเลือกเดินขึ้นบันไดแทนการขึ้นลิฟต์, ทำงานบ้านด้วยตัวเองแทนการจ้างคนทำความสะอาด ไปจนถึงการว่ายน้ำหรือปั่นจักรยานในช่วงหน้าหนาว
ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีกิจกรรมมากมายที่ทำให้เราสามารถเริ่มต้นสร้าง Sisu ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่เราลองหาสิ่งที่เราทำจนเคยชิน แล้วเพิ่มความยากขึ้นอีกนิดแทน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้าหากเรามีจิตใจที่พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหม่
ต้องบอกว่า การพัฒนา Sisu ของฟินแลนด์ไม่ได้ทำเพียงเฉพาะกลุ่มคนวัยรุ่นและวัยทำงานเท่านั้น แต่รวมถึงเด็กและผู้สูงอายุก็ทำเช่นเดียวกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใจว่า ทำไม Sisu ถึงยังคงอยู่มาได้อย่างยาวนาน
ดังนั้นหากใครกำลังเจอสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกอ่อนแอหรือท้อแท้อยู่บ่อยครั้ง ก็สามารถลองนำปรัชญา Sisu ไปปรับใช้กันได้
เพราะปรัชญานี้ ก็น่าจะช่วยให้เราค่อย ๆ อดทนขึ้น และเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นได้ ในวันข้างหน้า..
References:
-https://jamesclear.com/sisu-mental-toughness
-https://en.wikipedia.org/wiki/Sisu
-https://www.longtunman.com/11399
-https://www.tripsavvy.com/finland-moomins-history-4845064
เมื่อพูดถึงฟินแลนด์ คนมักจะจดจำว่าเป็นประเทศที่มีความสุขมากสุดในโลก
ซึ่งรู้หรือไม่ว่า เบื้องหลังของความสุขเหล่านั้น นอกจากเกิดขึ้นด้วยสวัสดิการภาครัฐที่ดีแล้ว ส่วนหนึ่งเกิดจากปรัชญาการใช้ชีวิตของผู้คนที่ชื่อว่า Sisu อีกด้วย
Sisu คือความสามารถในการกล้าก้าวเดินต่อไป แม้ว่าจะมีอุปสรรคมากเพียงใดก็ตาม และก้าวข้ามผ่านสิ่งที่เคยคิดว่าเป็นข้อจำกัด
ซึ่งปรัชญานี้ไม่ได้มีเป้าหมายที่มุ่งเน้นความสำเร็จ แต่เป็นการทำให้เรารู้สึกกล้าเผชิญหน้าและยอมรับกับความท้าทายต่าง ๆ ที่ต้องเจอ แม้ว่าความสามารถทางร่างกายและจิตใจกำลังจะถึงขีดสุดแล้ว
สาเหตุที่ชาวฟินแลนด์ต้องสร้างปรัชญา Sisu ในการดำเนินชีวิต คงต้องย้อนกลับไปสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
เมื่อจู่ ๆ วันหนึ่งประเทศฟินแลนด์ถูกลอบโจมตีจากกลุ่มทหารโซเวียต ทำให้บ้านเรือนและทรัพยากรของชาวฟินแลนด์มีอยู่อย่างจำกัด ซ้ำร้ายยังเจอกับสภาพอากาศอันหนาวเหน็บอีกด้วย
เพื่อเป็นการอยู่รอดท่ามกลางสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ทั้งร่างกายและจิตใจ จึงทำให้ผู้คนสมัยนั้นเกิดการสร้างแนวคิดเรื่องความอดทนและไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค และพัฒนาต่อยอดจนกลายเป็น Sisu ปรัชญาประจำชาติในที่สุด
ทำให้สุดท้ายชาวฟินแลนด์มีแรงฮึด สามารถต่อสู้และต้านทานยืดเยื้อการรุกรานของสหภาพโซเวียตได้เป็นเวลานาน แม้ว่ากำลังพลและทรัพยากรจะน้อยกว่าฝ่ายตรงข้ามอย่างมากก็ตาม
Sisu จึงกลายเป็นสิ่งที่ปลูกฝังลงไปในการใช้ชีวิตของชาวฟินแลนด์ในเวลาต่อมา และเป็นสิ่งที่ผู้คนยังคงพัฒนาปรัชญานี้อยู่ตลอดเวลาเสมอด้วย
และจากปรัชญานี้ก็นำไปสู่การเป็นประเทศชาติที่ไม่ท้อถอย แม้ว่าจะเสียเปรียบทั้งกำลังคนและข้อจำกัดทางทรัพยากรอย่างมากมาย
แต่ปัจจุบันนี้ประเทศฟินแลนด์กลายเป็นประเทศที่มีสวัสดิการรัฐที่ดีเยี่ยมติดอันดับต้นของโลก ทั้งระบบสาธารณสุข ระบบสาธารณูปโภค และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ ระบบการศึกษา
แม้กระทั่งตัวการ์ตูนสุดน่ารักอย่าง Moomin เองก็เกิดจากอิทธิพลของ Sisu เช่นกัน ซึ่งหากใครเคยได้ดูเนื้อเรื่องแล้ว ก็จะเห็นว่า การดำเนินเรื่องล้วนแฝงไปด้วยปรัชญา Sisu ทั้งสิ้น
พูดถึงตรงนี้แล้ว หลายคนคงอยากนำ Sisu มาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตของไทยบ้าง แต่จะทำอย่างไร คงต้องดูกรณีของชาวฟินแลนด์เป็นตัวอย่าง
โดยการพัฒนา Sisu ของชาวฟินแลนด์ให้เกิดความพร้อมในร่างกายและจิตใจ จะทำด้วยวิธีการเพิ่มความยากขึ้นอีกนิดในการใช้ชีวิต แทนการเลือกหนทางที่สะดวกสบาย
เพื่อฝึกฝนร่างกายและจิตใจ ให้ค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้นทีละนิดทีละหน่อย และไม่ให้ตัวเองเคยชินกับความเป็นอยู่แบบเดิม ๆ
ตัวอย่างของการพัฒนาปรัชญา Sisu จากการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเลือกเดินขึ้นบันไดแทนการขึ้นลิฟต์, ทำงานบ้านด้วยตัวเองแทนการจ้างคนทำความสะอาด ไปจนถึงการว่ายน้ำหรือปั่นจักรยานในช่วงหน้าหนาว
ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีกิจกรรมมากมายที่ทำให้เราสามารถเริ่มต้นสร้าง Sisu ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่เราลองหาสิ่งที่เราทำจนเคยชิน แล้วเพิ่มความยากขึ้นอีกนิดแทน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้าหากเรามีจิตใจที่พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหม่
ต้องบอกว่า การพัฒนา Sisu ของฟินแลนด์ไม่ได้ทำเพียงเฉพาะกลุ่มคนวัยรุ่นและวัยทำงานเท่านั้น แต่รวมถึงเด็กและผู้สูงอายุก็ทำเช่นเดียวกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใจว่า ทำไม Sisu ถึงยังคงอยู่มาได้อย่างยาวนาน
ดังนั้นหากใครกำลังเจอสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกอ่อนแอหรือท้อแท้อยู่บ่อยครั้ง ก็สามารถลองนำปรัชญา Sisu ไปปรับใช้กันได้
เพราะปรัชญานี้ ก็น่าจะช่วยให้เราค่อย ๆ อดทนขึ้น และเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นได้ ในวันข้างหน้า..
References:
-https://jamesclear.com/sisu-mental-toughness
-https://en.wikipedia.org/wiki/Sisu
-https://www.longtunman.com/11399
-https://www.tripsavvy.com/finland-moomins-history-4845064