ทำไมสามีภรรยาหลายคู่ พอทำธุรกิจร่วมกัน ถึงไปไม่รอด ?
21 ส.ค. 2021
ทำไมสามีภรรยาหลายคู่ พอทำธุรกิจร่วมกัน ถึงไปไม่รอด ? | THE BRIEFCASE
หลายคนเมื่อแต่งงานกัน ก็จะรู้สึกว่าเราเป็นหุ้นส่วนชีวิตของกันและกันไปแล้ว
แล้วยิ่งเมื่อความสัมพันธ์เป็นไปอย่างราบรื่น บางคนก็เริ่มคิดว่าอยากจะเพิ่มเติมสถานะ
จากหุ้นส่วนชีวิตให้กลายไปเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจไปด้วย
ซึ่งแน่นอนว่าหุ้นส่วนทางธุรกิจนั้นไม่ง่าย และทำลายความสัมพันธ์ชีวิตคู่ของใครหลาย ๆ คนมาไม่น้อย
แล้วอะไรเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไปไม่รอด และพอจะมีวิธีไหนบ้างหรือไม่ ที่ทำให้การทำธุรกิจร่วมกัน ไม่จบแบบต้องแยกทาง ?
หนึ่งในสาเหตุหลักของการที่คู่รัก ทำธุรกิจด้วยกันไม่รอด นั่นก็คือ “การไม่แยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน” ทั้งเรื่องความรู้สึกส่วนตัว และค่าใช้จ่ายส่วนตัว
เมื่อคนรู้พื้นฐานนิสัยหรือภูมิหลังของกันและกันมาก ๆ พอเกิดปัญหาในการทำงาน ก็อาจจะเผลอนำอีโกหรือความเข้าใจแบบเดิม ๆ มาตัดสินกันและกัน ไม่ยอมรับความคิดเห็นของอีกฝ่าย ทำให้นำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ จนลืมมองปัญหาจริงที่เกิดขึ้น หรือในเรื่องของค่าใช้จ่าย เมื่อมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เริ่มดึงเงินจากธุรกิจมาใช้เป็นการส่วนตัว ก็เป็นจุดสำคัญที่ทำให้ไปไม่รอดเช่นกัน
และอีกสาเหตุหลักก็คือ “ทัศนคติและความมุ่งมั่นที่ต่างกัน”
โดยจุดเริ่มต้นนั้น ทั้งคู่อาจจะมีไฟแรงที่อยากทำธุรกิจเหมือนกัน 100% แต่เมื่อทำงานร่วมกันไปสักพัก
กลับมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหมดไฟ ไม่พร้อมที่จะไปต่อ หรือมองไม่เห็นเป้าหมายเดียวกันแล้ว
ซึ่งถ้าคิดไปถึงสถานการณ์ Worst Case คือ ทำธุรกิจไม่รอด มีสาเหตุทะเลาะ แล้วต้องหย่าร้างกัน
ปัญหาต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ มันจะรบกวนการทำงานในแต่ละวัน คุณอาจจะต้องไปทำเรื่องทางกฎหมายต่าง ๆ, ปัญหาที่ว่าคุณจะจ่ายเงินให้คู่สมรสอย่างไร ? สัญญาทางธุรกิจและข้อผูกมัดทางการเงินที่ผ่านมาแฟร์แล้วหรือไม่ ?
หรือถ้าคู่สมรสของคุณ เป็นหัวหอกสำคัญของบริษัทและทีมงาน คุณจะวุ่นวายแค่ไหน ถ้าจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ทำให้คู่สมรสทั่วไป เมื่อจบเรื่องชีวิตคู่กันแล้ว ก็มักจะจบที่การเลิกกิจการไปด้วย..
แต่ถ้าเราอยากจะลองทำธุรกิจร่วมกันจริง ๆ วิธีอะไรบ้างที่พอจะทำให้ประคับประคองกันไปต่อได้
1. มีความมุ่งมั่นเท่าเทียมกัน
สามีภรรยาต้องทุ่มเทให้กับธุรกิจของตัวเองอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งเวลา พลังกายและพลังใจ
ถ้ามีใครสักคนพยายามทำให้ธุรกิจเติบโตตลอดเวลา ในขณะที่อีกคนพอใจกับความสำเร็จรูปแบบเดิม
ความไม่พอใจก็จะค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น และนำไปสู่ความล้มเหลวด้านธุรกิจ หรืออาจจะรวมถึงเรื่องความสัมพันธ์ด้วย
2. วางตำแหน่งให้เหมาะสมกับความสามารถตัวเอง
ในช่วงเริ่มต้นทั้งคู่อาจจะทำงานตำแหน่ง A แต่เมื่อทำธุรกิจไปสักพัก จะเริ่มรู้ว่าบางตำแหน่งก็อาจจะยังไม่เหมาะสมกับตัวเอง ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญบางอย่าง
ดังนั้นเมื่อเจอปัญหานี้ ทั้งคู่ควรที่จะรีบตัดสินใจสลับตำแหน่ง หรือหาทางออกอื่น เพื่อไม่ให้การอยู่ในตำแหน่งของเรา เป็นอันตรายต่อบริษัทในอนาคต
การที่ใครคนใดคนหนึ่ง จำเป็นต้องถูกลดตำแหน่ง แน่นอนว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนที่แต่งงานกันแล้ว แต่ให้ลองมองอีกมุมหนึ่งว่า ถ้าทั้งคู่มีเป้าหมายที่เหมือนกันคือ “อยากเห็นธุรกิจนี้ ประสบความสำเร็จ” การสละตำแหน่งของเรา แล้วดึงผู้ที่เหมาะสมมาทำแทน มันอาจจะสร้างความภาคภูมิใจได้เช่นกัน
3. เคารพกันและกัน
เมื่อแต่งงานกันสักพัก คู่สมรสมักจะสูญเสียความเคารพซึ่งกันและกัน จนเผลอต่อว่าหรือดูหมิ่นกัน
ดังนั้นวิธีที่เราจะรู้ได้ว่า คู่ของเรายังเคารพกันในการทำงานอยู่หรือไม่ ? ให้ลองไปถามพนักงานดูว่าเป็นอย่างไร เพราะเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่จะสัมผัสได้ หากมีอะไรเปลี่ยนแปลง และอาจจะได้ความคิดเห็นที่มีประโยชน์กลับมา
4. รู้วิธีที่จะหยุดพูดเรื่องงานและโฟกัสกับเวลาส่วนตัวได้จริง ๆ
ทุกการทำธุรกิจเต็มไปด้วยเรื่องยากและความเครียด ยิ่งเมื่อมีเรื่องของคู่แต่งงานเข้ามาด้วย ดังนั้นนี่จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างท้าทาย หากทั้งสองฝ่ายไม่เรียนรู้วิธีหยุดพัก
ฉะนั้น การหยุดคิดจากเรื่องธุรกิจไปสนุกกับชีวิตส่วนตัวบ้าง ลองแบ่งการใช้ชีวิตทั้งสองมิติให้ดี ทั้งมิติเรื่องงานและความสัมพันธ์ ก็จะช่วยลดปัญหาที่ตามมาได้
แต่ที่น่าเสียดายก็คือ คู่รักจำนวนไม่น้อยที่ทำธุรกิจร่วมกัน ไม่สามารถแยกเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานออกจากกันได้
เช่น ช่วงเวลารับประทานอาหารเย็น กลับเอาเรื่องปัญหาทางธุรกิจมาคุยกัน โดยที่อีกฝ่ายอาจจะไม่อยากคุยเรื่องนี้ก็ได้ และก็คงทำให้บรรยากาศในบ้านเต็มไปด้วยความตึงเครียด
หลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะรู้สึกเหนื่อยแล้ว แต่ถ้าลงมือทำจริงก็คงเหนื่อยกว่าอีกหลายเท่า เพราะชีวิตคู่ไม่ได้มีแค่มุมที่ดีเพียงอย่างเดียว แต่ยังเต็มไปด้วยช่วงเวลาที่ยากลำบาก เช่นกันกับการทำธุรกิจ
ถ้ายังนึกไม่ออกว่าการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ พร้อมกับการมีคู่ชีวิตที่ดี มันท้าทายมากแค่ไหน ก็ให้ลองนึกถึงนักธุรกิจหรือซีอีโอระดับโลกที่เราพอจะรู้จัก
แล้วเราก็คงจะเห็นว่า คงมีไม่มากเท่าไรนัก ที่พวกเขาจะได้ใช้ชีวิตคู่ อย่างสุขสบาย..
References:
-https://www.businesssuccesssolution.com/running-a-business-with-your-spouse/
-https://www.fastcompany.com/90405961/4-lessons-from-being-business-partners-with-your-spuse
-https://www.forbes.com/sites/hannylerner/2013/04/25/working-with-your-spouse-dream-or-disaster
หลายคนเมื่อแต่งงานกัน ก็จะรู้สึกว่าเราเป็นหุ้นส่วนชีวิตของกันและกันไปแล้ว
แล้วยิ่งเมื่อความสัมพันธ์เป็นไปอย่างราบรื่น บางคนก็เริ่มคิดว่าอยากจะเพิ่มเติมสถานะ
จากหุ้นส่วนชีวิตให้กลายไปเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจไปด้วย
ซึ่งแน่นอนว่าหุ้นส่วนทางธุรกิจนั้นไม่ง่าย และทำลายความสัมพันธ์ชีวิตคู่ของใครหลาย ๆ คนมาไม่น้อย
แล้วอะไรเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไปไม่รอด และพอจะมีวิธีไหนบ้างหรือไม่ ที่ทำให้การทำธุรกิจร่วมกัน ไม่จบแบบต้องแยกทาง ?
หนึ่งในสาเหตุหลักของการที่คู่รัก ทำธุรกิจด้วยกันไม่รอด นั่นก็คือ “การไม่แยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน” ทั้งเรื่องความรู้สึกส่วนตัว และค่าใช้จ่ายส่วนตัว
เมื่อคนรู้พื้นฐานนิสัยหรือภูมิหลังของกันและกันมาก ๆ พอเกิดปัญหาในการทำงาน ก็อาจจะเผลอนำอีโกหรือความเข้าใจแบบเดิม ๆ มาตัดสินกันและกัน ไม่ยอมรับความคิดเห็นของอีกฝ่าย ทำให้นำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ จนลืมมองปัญหาจริงที่เกิดขึ้น หรือในเรื่องของค่าใช้จ่าย เมื่อมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เริ่มดึงเงินจากธุรกิจมาใช้เป็นการส่วนตัว ก็เป็นจุดสำคัญที่ทำให้ไปไม่รอดเช่นกัน
และอีกสาเหตุหลักก็คือ “ทัศนคติและความมุ่งมั่นที่ต่างกัน”
โดยจุดเริ่มต้นนั้น ทั้งคู่อาจจะมีไฟแรงที่อยากทำธุรกิจเหมือนกัน 100% แต่เมื่อทำงานร่วมกันไปสักพัก
กลับมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหมดไฟ ไม่พร้อมที่จะไปต่อ หรือมองไม่เห็นเป้าหมายเดียวกันแล้ว
ซึ่งถ้าคิดไปถึงสถานการณ์ Worst Case คือ ทำธุรกิจไม่รอด มีสาเหตุทะเลาะ แล้วต้องหย่าร้างกัน
ปัญหาต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ มันจะรบกวนการทำงานในแต่ละวัน คุณอาจจะต้องไปทำเรื่องทางกฎหมายต่าง ๆ, ปัญหาที่ว่าคุณจะจ่ายเงินให้คู่สมรสอย่างไร ? สัญญาทางธุรกิจและข้อผูกมัดทางการเงินที่ผ่านมาแฟร์แล้วหรือไม่ ?
หรือถ้าคู่สมรสของคุณ เป็นหัวหอกสำคัญของบริษัทและทีมงาน คุณจะวุ่นวายแค่ไหน ถ้าจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ทำให้คู่สมรสทั่วไป เมื่อจบเรื่องชีวิตคู่กันแล้ว ก็มักจะจบที่การเลิกกิจการไปด้วย..
แต่ถ้าเราอยากจะลองทำธุรกิจร่วมกันจริง ๆ วิธีอะไรบ้างที่พอจะทำให้ประคับประคองกันไปต่อได้
1. มีความมุ่งมั่นเท่าเทียมกัน
สามีภรรยาต้องทุ่มเทให้กับธุรกิจของตัวเองอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งเวลา พลังกายและพลังใจ
ถ้ามีใครสักคนพยายามทำให้ธุรกิจเติบโตตลอดเวลา ในขณะที่อีกคนพอใจกับความสำเร็จรูปแบบเดิม
ความไม่พอใจก็จะค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น และนำไปสู่ความล้มเหลวด้านธุรกิจ หรืออาจจะรวมถึงเรื่องความสัมพันธ์ด้วย
2. วางตำแหน่งให้เหมาะสมกับความสามารถตัวเอง
ในช่วงเริ่มต้นทั้งคู่อาจจะทำงานตำแหน่ง A แต่เมื่อทำธุรกิจไปสักพัก จะเริ่มรู้ว่าบางตำแหน่งก็อาจจะยังไม่เหมาะสมกับตัวเอง ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญบางอย่าง
ดังนั้นเมื่อเจอปัญหานี้ ทั้งคู่ควรที่จะรีบตัดสินใจสลับตำแหน่ง หรือหาทางออกอื่น เพื่อไม่ให้การอยู่ในตำแหน่งของเรา เป็นอันตรายต่อบริษัทในอนาคต
การที่ใครคนใดคนหนึ่ง จำเป็นต้องถูกลดตำแหน่ง แน่นอนว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนที่แต่งงานกันแล้ว แต่ให้ลองมองอีกมุมหนึ่งว่า ถ้าทั้งคู่มีเป้าหมายที่เหมือนกันคือ “อยากเห็นธุรกิจนี้ ประสบความสำเร็จ” การสละตำแหน่งของเรา แล้วดึงผู้ที่เหมาะสมมาทำแทน มันอาจจะสร้างความภาคภูมิใจได้เช่นกัน
3. เคารพกันและกัน
เมื่อแต่งงานกันสักพัก คู่สมรสมักจะสูญเสียความเคารพซึ่งกันและกัน จนเผลอต่อว่าหรือดูหมิ่นกัน
ดังนั้นวิธีที่เราจะรู้ได้ว่า คู่ของเรายังเคารพกันในการทำงานอยู่หรือไม่ ? ให้ลองไปถามพนักงานดูว่าเป็นอย่างไร เพราะเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่จะสัมผัสได้ หากมีอะไรเปลี่ยนแปลง และอาจจะได้ความคิดเห็นที่มีประโยชน์กลับมา
4. รู้วิธีที่จะหยุดพูดเรื่องงานและโฟกัสกับเวลาส่วนตัวได้จริง ๆ
ทุกการทำธุรกิจเต็มไปด้วยเรื่องยากและความเครียด ยิ่งเมื่อมีเรื่องของคู่แต่งงานเข้ามาด้วย ดังนั้นนี่จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างท้าทาย หากทั้งสองฝ่ายไม่เรียนรู้วิธีหยุดพัก
ฉะนั้น การหยุดคิดจากเรื่องธุรกิจไปสนุกกับชีวิตส่วนตัวบ้าง ลองแบ่งการใช้ชีวิตทั้งสองมิติให้ดี ทั้งมิติเรื่องงานและความสัมพันธ์ ก็จะช่วยลดปัญหาที่ตามมาได้
แต่ที่น่าเสียดายก็คือ คู่รักจำนวนไม่น้อยที่ทำธุรกิจร่วมกัน ไม่สามารถแยกเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานออกจากกันได้
เช่น ช่วงเวลารับประทานอาหารเย็น กลับเอาเรื่องปัญหาทางธุรกิจมาคุยกัน โดยที่อีกฝ่ายอาจจะไม่อยากคุยเรื่องนี้ก็ได้ และก็คงทำให้บรรยากาศในบ้านเต็มไปด้วยความตึงเครียด
หลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะรู้สึกเหนื่อยแล้ว แต่ถ้าลงมือทำจริงก็คงเหนื่อยกว่าอีกหลายเท่า เพราะชีวิตคู่ไม่ได้มีแค่มุมที่ดีเพียงอย่างเดียว แต่ยังเต็มไปด้วยช่วงเวลาที่ยากลำบาก เช่นกันกับการทำธุรกิจ
ถ้ายังนึกไม่ออกว่าการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ พร้อมกับการมีคู่ชีวิตที่ดี มันท้าทายมากแค่ไหน ก็ให้ลองนึกถึงนักธุรกิจหรือซีอีโอระดับโลกที่เราพอจะรู้จัก
แล้วเราก็คงจะเห็นว่า คงมีไม่มากเท่าไรนัก ที่พวกเขาจะได้ใช้ชีวิตคู่ อย่างสุขสบาย..
References:
-https://www.businesssuccesssolution.com/running-a-business-with-your-spouse/
-https://www.fastcompany.com/90405961/4-lessons-from-being-business-partners-with-your-spuse
-https://www.forbes.com/sites/hannylerner/2013/04/25/working-with-your-spouse-dream-or-disaster