ลูกน้องต้องการหัวหน้าแบบไหน และหัวหน้าต้องการลูกน้องแบบไหน
7 ก.ย. 2021
ลูกน้องต้องการหัวหน้าแบบไหน และหัวหน้าต้องการลูกน้องแบบไหน | THE BRIEFCASE
หนึ่งในปัญหาคลาสสิกที่ทำให้พนักงานในองค์กรหลายคนลาออกคือ ปัญหาที่เกิดจากความไม่เข้าใจกันระหว่างหัวหน้าและลูกน้อง
ถ้าวันนี้เรากำลังเป็นหัวหน้า เราเคยถามตัวเองไหมว่า ลูกน้องต้องการหัวหน้าแบบไหน
และในทำนองเดียวกัน ถ้าวันนี้เรากำลังทำหน้าที่เป็นลูกน้อง เราเคยสงสัยไหมว่า หัวหน้าต้องการลูกน้องแบบไหน ?
เพราะในการทำงาน หากเรารู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร ต้องการร่วมงานกับคนแบบไหน ก็จะช่วยทำให้การทำงานนั้นราบรื่นและช่วยลดปัญหาที่จะตามมาได้
แล้ว “หัวหน้าที่ลูกน้องต้องการ” กับ “ลูกน้องที่หัวหน้าต้องการ” เป็นแบบไหน ?
THE BRIEFCASE จะสรุปให้ฟัง..
เรามาเริ่มกันที่ลักษณะ “หัวหน้า” ที่ลูกน้องนั้นต้องการกันก่อน
1. หัวหน้าต้องสนับสนุนลูกน้อง
คงไม่มีใครที่อยากทำงานกับหัวหน้าที่ไม่เคยใส่ใจหรือสนใจลูกน้องเลย แม้ว่าเราจะทำงานหนักหรือทำงานดีแค่ไหนก็ไม่เคยอยู่ในสายตา ซึ่งถ้าหัวหน้าไม่เคยแสดงออกว่าใส่ใจทีมงานอยู่ ก็อาจจะทำให้ลูกน้องที่ตั้งใจทำงาน ค่อย ๆ หมดแรงใจในการทำงาน
ดังนั้นหัวหน้าก็ควรแสดงออกว่าตัวเราสนใจและพร้อมสนับสนุนทีมงานอยู่ตลอด
เมื่อลูกน้องทำงานออกมาดี การสนับสนุนก็อาจจะมีตั้งแต่ การโปรโมตลูกน้องให้เลื่อนขั้น ให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม หรือแม้แต่ใช้คำพูดที่ให้กำลังใจพวกเขาเป็นระยะ
หรือแม้แต่ในบางกรณีที่ลูกน้องทำงานผิดพลาดไป ก็ควรจะพูดให้กำลังใจ พร้อมให้คำแนะนำ
และวางตัวให้ลูกน้องรู้สึกว่า เราพร้อมที่จะสนับสนุนและช่วยชี้แนะเมื่อเกิดข้อผิดพลาดในการทำงาน
2. หัวหน้าต้องเป็นคนที่ตัดสินใจเด็ดขาด
สิ่งสำคัญของภาวะผู้นำคือ มีความเด็ดขาด โดยเฉพาะในเรื่องของการตัดสินใจ
หัวหน้าที่ไม่กล้าตัดสินใจเพราะกลัวผิดพลาด ไม่มีความเด็ดขาด หรือมีบุคลิกกล้า ๆ กลัว ๆ
รวมไปถึงหัวหน้าที่ชอบโยนภาระดังกล่าวไปให้ลูกน้องเป็นคนตัดสินใจเรื่องสำคัญ ๆ เอง ซึ่งก็จะทำให้ลูกน้องเริ่มไม่เคารพและค่อย ๆ หมดความเชื่อถือในตัวหัวหน้าคนนั้น
ผู้นำที่ดี ต้องเป็นคนที่กล้าในการตัดสินใจอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะเมื่อถึงคราวที่ต้องตัดสินใจในเรื่องที่มีความสำคัญ โดยการตัดสินใจนั้นก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง
และเมื่อเราตัดสินใจพลาด ก็ต้องกล้าที่จะรับผิดชอบ ไม่ใช่โยนความผิดให้ลูกน้อง และควรรีบหาทางแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่ตามมา จากการตัดสินใจที่ผิดพลาดนั้นด้วย
3. หัวหน้าต้องเป็นคนมีเหตุผล และเปิดใจรับฟังความเห็นจากลูกน้อง
หัวหน้าที่ดีนั้นต้องเป็นคนมีเหตุผลและเป็นคนใจกว้าง สามารถฟังความเห็นจากลูกน้องได้เสมอ อย่างเช่น ถ้าเราเป็นหัวหน้า เมื่อลูกน้องไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นของเรา เราก็ควรเปิดใจรับฟังเหตุผลของลูกน้องก่อนว่า ทำไมเขาถึงไม่เห็นด้วยในสิ่งที่เราทำหรือตัดสินใจ
เราไม่ควรรีบด่วนตัดสินเขา หรือรีบปิดโอกาส โดยใช้อารมณ์หรืออำนาจ เพื่อให้ลูกน้องทำตามเราทุกอย่าง
เพราะคงไม่มีลูกน้องคนไหนอยากทำงานกับหัวหน้าที่ไม่มีเหตุผล หรือใช้อารมณ์มาตัดสินในเรื่องงานกับลูกน้องอย่างแน่นอน
4. หัวหน้าต้องมอบหมายงานให้ลูกน้อง ได้อย่างเหมาะสม
หัวหน้าที่ดีคือ คนที่รู้ว่าตนเองไม่สามารถทำทุกอย่างให้สำเร็จได้เพียงคนเดียว ดังนั้นหัวหน้าจะต้องมอบหมายงานต่าง ๆ ให้แต่ละคนช่วยกันทำ เพื่อที่ตนเองจะได้มีเวลามากขึ้นกับงานที่มีความสำคัญและความเสี่ยงสูง งานที่ต้องใช้ความคิดเชิงกลยุทธ์ การตัดสินใจ ความคิดสร้างสรรค์ และการวางแผนระยะยาว
แต่สิ่งที่สำคัญต่อมาก็คือ เราต้องมอบหมายงานให้แก่ลูกน้องอย่างเหมาะสม
เช่น ไม่ควรให้ใครคนใดคนหนึ่งในทีม รับงานมาทำหนัก ๆ อยู่คนเดียว ในขณะที่คนอื่น ๆ กลับไม่ได้รับมอบหมายงานเท่าไร หากการแบ่งงานของหัวหน้านั้นไม่เหมาะสม คนที่ต้องทำงานมากกว่า ไม่เพียงแต่จะเหนื่อยล้า แต่ก็อาจหมดกำลังใจที่จะทำงานอีกด้วย
นอกจากนี้ การมอบหมายงานอย่างเหมาะสม ยังรวมไปถึงการที่หัวหน้าต้องรู้ว่า ลูกน้องคนไหนมีจุดเด่น จุดอ่อนอะไร เพื่อที่จะได้มอบหมายงานที่เหมาะสมให้กับแต่ละคน
เพราะบางคนอาจชอบงานที่ใช้ทักษะการคำนวณ บางคนอาจชอบงานที่ติดต่อพบปะลูกค้า
บางคนชอบงานเอกสาร ดังนั้นการเลือกคนให้เหมาะกับงาน ถือเป็นลักษณะสำคัญที่หัวหน้าจำเป็นต้องมี
ทีนี้เรามาดูอีกมุมกันบ้างว่า “ลูกน้อง” ที่หัวหน้าต้องการเป็นแบบไหน
1. ลูกทีมที่ใฝ่รู้ และเรียนรู้ได้ไว
ลูกทีมที่มีความใฝ่รู้ พยายามที่จะเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่องาน มักเป็นลูกน้องที่หัวหน้ามองหา เพราะความรู้ใหม่ ๆ มีโอกาสช่วยให้การทำงานนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จริงอยู่ที่ว่าไม่มีใครเก่งหรือรู้ไปเสียทุกเรื่องตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน แต่ลูกน้องที่กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้งาน ก็มีโอกาสที่จะสามารถทำงานได้เองในครั้งต่อ ๆ ไป และเมื่อลูกน้องได้ลองฝึกลงสนามบ่อย ๆ ก็มีแนวโน้มว่า ความผิดพลาดในการทำงานจะน้อยลง ซึ่งแน่นอนว่าคนเป็นหัวหน้าก็จะต้องชื่นชอบ
2. ลูกทีมที่เป็นคนมีความรับผิดชอบ
ถ้าเราเป็นลูกน้อง และได้รับมอบหมายงานจากหัวหน้าแล้ว เราต้องใช้ความสามารถและความพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จตามกำหนด
การตกปากรับคำ แต่กลับทำไม่สำเร็จบ่อย ๆ จะทำให้เราถูกมองว่าเป็นคนที่ขาดความรับผิดชอบ และถ้าเกิดขึ้นบ่อยครั้ง มันไม่ได้ส่งผลกระทบแค่กับทีม แต่มันอาจส่งผลต่อหน้าที่การงานของเราในอนาคตด้วยเช่นกัน
3. ลูกน้องที่พูดความจริง
หัวหน้าหลายคนต้องการลูกน้องที่สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา มีเรื่องอะไรให้บอกตามความเป็นจริง ไม่ต้องปกปิดหรือซ่อนปัญหาเอาไว้ เพราะเกรงว่าหัวหน้าจะตำหนิ
หากเราเป็นลูกน้องที่กำลังพบปัญหาบางอย่างที่สำคัญ ๆ ในระหว่างการทำงาน เราควรบอกความจริงให้หัวหน้ารู้ เพื่อที่หัวหน้าจะมีโอกาสแก้ปัญหา ก่อนที่มันจะบานปลาย หรือลุกลามจนแก้ไม่ทัน
4. ลูกน้องที่สามารถทำงานเป็นทีมและเข้ากับคนอื่นได้ง่าย
เมื่อหัวหน้ามอบหมายงานให้ทำกันเป็นทีม เราก็ควรที่จะปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้
และไม่ควรนำปัญหาส่วนตัวมาปะปนในเวลาทำงาน
เพราะคงไม่มีหัวหน้าคนไหน อยากได้ลูกน้องคนที่ไม่สามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้ หรือคนที่มีปัญหาด้านมนุษยสัมพันธ์ ถึงแม้ว่าคนนั้นจะทำงานได้เก่งกาจแค่ไหน แต่ถ้าปรับจูนกับคนอื่น ๆ ในทีมไม่ได้ ภาพรวมในการทำงานก็อาจจะออกมาไม่ดี
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ เราก็คงจะพอได้ไอเดียแล้วว่า ถ้าวันนี้เรากำลังเป็นลูกน้อง เราควรปรับตัวแบบไหน หรือถ้าเราเป็นหัวหน้า คุณสมบัติแบบไหนที่จำเป็นต่อการดูแลทีม
ถ้าลูกทีมได้หัวหน้าที่ดี คอยสนับสนุนลูกน้อง มีความเด็ดขาด มีเหตุผล และมอบหมายงานอย่างเหมาะสม ลูกน้องก็จะทำงานอย่างมีความสุข พร้อมที่จะร่วมหัวจมท้ายกับหัวหน้า ช่วยหาทางออกเมื่อเกิดปัญหา และพร้อมที่จะร่วมยินดีเมื่อหัวหน้าประสบความสำเร็จ
ในทำนองเดียวกัน ถ้าหัวหน้าได้ลูกน้องที่กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ พัฒนาตัวเอง มีความรับผิดชอบ และไม่ปกปิดความผิด สามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้
หากทั้งสองฝ่ายได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสมบูรณ์ และตั้งใจปรับจูนกันอย่างจริงจัง หัวหน้าก็จะเป็นที่รักของทีมงาน ส่วนทีมงานก็จะได้พัฒนาอย่างเต็มที่ และช่วยทำให้กลยุทธ์และเป้าหมายต่าง ๆ ขององค์กรสำเร็จ ได้ไม่ยาก..
References
-https://www.thriveyard.com/15-qualities-of-a-good-boss/
-https://www.themuse.com/advice/12-ways-to-stand-out-to-your-boss-and-get-all-the-good-assignments-fun-projects-and-big-promotions
-https://www.inc.com/joel-trammell/6-things-every-manager-wants-from-employees.html
หนึ่งในปัญหาคลาสสิกที่ทำให้พนักงานในองค์กรหลายคนลาออกคือ ปัญหาที่เกิดจากความไม่เข้าใจกันระหว่างหัวหน้าและลูกน้อง
ถ้าวันนี้เรากำลังเป็นหัวหน้า เราเคยถามตัวเองไหมว่า ลูกน้องต้องการหัวหน้าแบบไหน
และในทำนองเดียวกัน ถ้าวันนี้เรากำลังทำหน้าที่เป็นลูกน้อง เราเคยสงสัยไหมว่า หัวหน้าต้องการลูกน้องแบบไหน ?
เพราะในการทำงาน หากเรารู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร ต้องการร่วมงานกับคนแบบไหน ก็จะช่วยทำให้การทำงานนั้นราบรื่นและช่วยลดปัญหาที่จะตามมาได้
แล้ว “หัวหน้าที่ลูกน้องต้องการ” กับ “ลูกน้องที่หัวหน้าต้องการ” เป็นแบบไหน ?
THE BRIEFCASE จะสรุปให้ฟัง..
เรามาเริ่มกันที่ลักษณะ “หัวหน้า” ที่ลูกน้องนั้นต้องการกันก่อน
1. หัวหน้าต้องสนับสนุนลูกน้อง
คงไม่มีใครที่อยากทำงานกับหัวหน้าที่ไม่เคยใส่ใจหรือสนใจลูกน้องเลย แม้ว่าเราจะทำงานหนักหรือทำงานดีแค่ไหนก็ไม่เคยอยู่ในสายตา ซึ่งถ้าหัวหน้าไม่เคยแสดงออกว่าใส่ใจทีมงานอยู่ ก็อาจจะทำให้ลูกน้องที่ตั้งใจทำงาน ค่อย ๆ หมดแรงใจในการทำงาน
ดังนั้นหัวหน้าก็ควรแสดงออกว่าตัวเราสนใจและพร้อมสนับสนุนทีมงานอยู่ตลอด
เมื่อลูกน้องทำงานออกมาดี การสนับสนุนก็อาจจะมีตั้งแต่ การโปรโมตลูกน้องให้เลื่อนขั้น ให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม หรือแม้แต่ใช้คำพูดที่ให้กำลังใจพวกเขาเป็นระยะ
หรือแม้แต่ในบางกรณีที่ลูกน้องทำงานผิดพลาดไป ก็ควรจะพูดให้กำลังใจ พร้อมให้คำแนะนำ
และวางตัวให้ลูกน้องรู้สึกว่า เราพร้อมที่จะสนับสนุนและช่วยชี้แนะเมื่อเกิดข้อผิดพลาดในการทำงาน
2. หัวหน้าต้องเป็นคนที่ตัดสินใจเด็ดขาด
สิ่งสำคัญของภาวะผู้นำคือ มีความเด็ดขาด โดยเฉพาะในเรื่องของการตัดสินใจ
หัวหน้าที่ไม่กล้าตัดสินใจเพราะกลัวผิดพลาด ไม่มีความเด็ดขาด หรือมีบุคลิกกล้า ๆ กลัว ๆ
รวมไปถึงหัวหน้าที่ชอบโยนภาระดังกล่าวไปให้ลูกน้องเป็นคนตัดสินใจเรื่องสำคัญ ๆ เอง ซึ่งก็จะทำให้ลูกน้องเริ่มไม่เคารพและค่อย ๆ หมดความเชื่อถือในตัวหัวหน้าคนนั้น
ผู้นำที่ดี ต้องเป็นคนที่กล้าในการตัดสินใจอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะเมื่อถึงคราวที่ต้องตัดสินใจในเรื่องที่มีความสำคัญ โดยการตัดสินใจนั้นก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง
และเมื่อเราตัดสินใจพลาด ก็ต้องกล้าที่จะรับผิดชอบ ไม่ใช่โยนความผิดให้ลูกน้อง และควรรีบหาทางแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่ตามมา จากการตัดสินใจที่ผิดพลาดนั้นด้วย
3. หัวหน้าต้องเป็นคนมีเหตุผล และเปิดใจรับฟังความเห็นจากลูกน้อง
หัวหน้าที่ดีนั้นต้องเป็นคนมีเหตุผลและเป็นคนใจกว้าง สามารถฟังความเห็นจากลูกน้องได้เสมอ อย่างเช่น ถ้าเราเป็นหัวหน้า เมื่อลูกน้องไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นของเรา เราก็ควรเปิดใจรับฟังเหตุผลของลูกน้องก่อนว่า ทำไมเขาถึงไม่เห็นด้วยในสิ่งที่เราทำหรือตัดสินใจ
เราไม่ควรรีบด่วนตัดสินเขา หรือรีบปิดโอกาส โดยใช้อารมณ์หรืออำนาจ เพื่อให้ลูกน้องทำตามเราทุกอย่าง
เพราะคงไม่มีลูกน้องคนไหนอยากทำงานกับหัวหน้าที่ไม่มีเหตุผล หรือใช้อารมณ์มาตัดสินในเรื่องงานกับลูกน้องอย่างแน่นอน
4. หัวหน้าต้องมอบหมายงานให้ลูกน้อง ได้อย่างเหมาะสม
หัวหน้าที่ดีคือ คนที่รู้ว่าตนเองไม่สามารถทำทุกอย่างให้สำเร็จได้เพียงคนเดียว ดังนั้นหัวหน้าจะต้องมอบหมายงานต่าง ๆ ให้แต่ละคนช่วยกันทำ เพื่อที่ตนเองจะได้มีเวลามากขึ้นกับงานที่มีความสำคัญและความเสี่ยงสูง งานที่ต้องใช้ความคิดเชิงกลยุทธ์ การตัดสินใจ ความคิดสร้างสรรค์ และการวางแผนระยะยาว
แต่สิ่งที่สำคัญต่อมาก็คือ เราต้องมอบหมายงานให้แก่ลูกน้องอย่างเหมาะสม
เช่น ไม่ควรให้ใครคนใดคนหนึ่งในทีม รับงานมาทำหนัก ๆ อยู่คนเดียว ในขณะที่คนอื่น ๆ กลับไม่ได้รับมอบหมายงานเท่าไร หากการแบ่งงานของหัวหน้านั้นไม่เหมาะสม คนที่ต้องทำงานมากกว่า ไม่เพียงแต่จะเหนื่อยล้า แต่ก็อาจหมดกำลังใจที่จะทำงานอีกด้วย
นอกจากนี้ การมอบหมายงานอย่างเหมาะสม ยังรวมไปถึงการที่หัวหน้าต้องรู้ว่า ลูกน้องคนไหนมีจุดเด่น จุดอ่อนอะไร เพื่อที่จะได้มอบหมายงานที่เหมาะสมให้กับแต่ละคน
เพราะบางคนอาจชอบงานที่ใช้ทักษะการคำนวณ บางคนอาจชอบงานที่ติดต่อพบปะลูกค้า
บางคนชอบงานเอกสาร ดังนั้นการเลือกคนให้เหมาะกับงาน ถือเป็นลักษณะสำคัญที่หัวหน้าจำเป็นต้องมี
ทีนี้เรามาดูอีกมุมกันบ้างว่า “ลูกน้อง” ที่หัวหน้าต้องการเป็นแบบไหน
1. ลูกทีมที่ใฝ่รู้ และเรียนรู้ได้ไว
ลูกทีมที่มีความใฝ่รู้ พยายามที่จะเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่องาน มักเป็นลูกน้องที่หัวหน้ามองหา เพราะความรู้ใหม่ ๆ มีโอกาสช่วยให้การทำงานนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จริงอยู่ที่ว่าไม่มีใครเก่งหรือรู้ไปเสียทุกเรื่องตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน แต่ลูกน้องที่กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้งาน ก็มีโอกาสที่จะสามารถทำงานได้เองในครั้งต่อ ๆ ไป และเมื่อลูกน้องได้ลองฝึกลงสนามบ่อย ๆ ก็มีแนวโน้มว่า ความผิดพลาดในการทำงานจะน้อยลง ซึ่งแน่นอนว่าคนเป็นหัวหน้าก็จะต้องชื่นชอบ
2. ลูกทีมที่เป็นคนมีความรับผิดชอบ
ถ้าเราเป็นลูกน้อง และได้รับมอบหมายงานจากหัวหน้าแล้ว เราต้องใช้ความสามารถและความพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จตามกำหนด
การตกปากรับคำ แต่กลับทำไม่สำเร็จบ่อย ๆ จะทำให้เราถูกมองว่าเป็นคนที่ขาดความรับผิดชอบ และถ้าเกิดขึ้นบ่อยครั้ง มันไม่ได้ส่งผลกระทบแค่กับทีม แต่มันอาจส่งผลต่อหน้าที่การงานของเราในอนาคตด้วยเช่นกัน
3. ลูกน้องที่พูดความจริง
หัวหน้าหลายคนต้องการลูกน้องที่สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา มีเรื่องอะไรให้บอกตามความเป็นจริง ไม่ต้องปกปิดหรือซ่อนปัญหาเอาไว้ เพราะเกรงว่าหัวหน้าจะตำหนิ
หากเราเป็นลูกน้องที่กำลังพบปัญหาบางอย่างที่สำคัญ ๆ ในระหว่างการทำงาน เราควรบอกความจริงให้หัวหน้ารู้ เพื่อที่หัวหน้าจะมีโอกาสแก้ปัญหา ก่อนที่มันจะบานปลาย หรือลุกลามจนแก้ไม่ทัน
4. ลูกน้องที่สามารถทำงานเป็นทีมและเข้ากับคนอื่นได้ง่าย
เมื่อหัวหน้ามอบหมายงานให้ทำกันเป็นทีม เราก็ควรที่จะปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้
และไม่ควรนำปัญหาส่วนตัวมาปะปนในเวลาทำงาน
เพราะคงไม่มีหัวหน้าคนไหน อยากได้ลูกน้องคนที่ไม่สามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้ หรือคนที่มีปัญหาด้านมนุษยสัมพันธ์ ถึงแม้ว่าคนนั้นจะทำงานได้เก่งกาจแค่ไหน แต่ถ้าปรับจูนกับคนอื่น ๆ ในทีมไม่ได้ ภาพรวมในการทำงานก็อาจจะออกมาไม่ดี
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ เราก็คงจะพอได้ไอเดียแล้วว่า ถ้าวันนี้เรากำลังเป็นลูกน้อง เราควรปรับตัวแบบไหน หรือถ้าเราเป็นหัวหน้า คุณสมบัติแบบไหนที่จำเป็นต่อการดูแลทีม
ถ้าลูกทีมได้หัวหน้าที่ดี คอยสนับสนุนลูกน้อง มีความเด็ดขาด มีเหตุผล และมอบหมายงานอย่างเหมาะสม ลูกน้องก็จะทำงานอย่างมีความสุข พร้อมที่จะร่วมหัวจมท้ายกับหัวหน้า ช่วยหาทางออกเมื่อเกิดปัญหา และพร้อมที่จะร่วมยินดีเมื่อหัวหน้าประสบความสำเร็จ
ในทำนองเดียวกัน ถ้าหัวหน้าได้ลูกน้องที่กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ พัฒนาตัวเอง มีความรับผิดชอบ และไม่ปกปิดความผิด สามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้
หากทั้งสองฝ่ายได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสมบูรณ์ และตั้งใจปรับจูนกันอย่างจริงจัง หัวหน้าก็จะเป็นที่รักของทีมงาน ส่วนทีมงานก็จะได้พัฒนาอย่างเต็มที่ และช่วยทำให้กลยุทธ์และเป้าหมายต่าง ๆ ขององค์กรสำเร็จ ได้ไม่ยาก..
References
-https://www.thriveyard.com/15-qualities-of-a-good-boss/
-https://www.themuse.com/advice/12-ways-to-stand-out-to-your-boss-and-get-all-the-good-assignments-fun-projects-and-big-promotions
-https://www.inc.com/joel-trammell/6-things-every-manager-wants-from-employees.html