เรียนรู้ 3 กลยุทธ์ “ตัวเล็กสู้ยักษ์” จากผู้บริหาร พีทีจี
24 ก.ย. 2021
เรียนรู้ 3 กลยุทธ์ “ตัวเล็กสู้ยักษ์” จากผู้บริหาร พีทีจี | THE BRIEFCASE
ถ้าพูดถึงยักษ์ใหญ่ด้านสถานีผู้ให้บริการน้ำมัน หลายคนอาจจะคิดถึงชื่อ “OR” ขึ้นมาเป็นอันดับแรก
และ พีทีจี เป็นบริษัทตัวเล็กที่ต้องต่อสู้กับยักษ์ใหญ่อย่าง OR
แต่รู้หรือไม่ว่า บริษัทเล็ก ๆ นี้กลับเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว เป็นคนตัวเล็กที่ยักษ์ใหญ่ยังต้องระวัง เพราะรู้หรือไม่ว่าปัจจุบัน พีทีจี จากม้านอกสายตา ได้กลายมาเป็น เบอร์ 2 ในธุรกิจพลังงานในไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แล้ว พีทีจี มีกลยุทธ์ในการบริหารอย่างไร THE BRIEFCASE จะสรุปให้ฟัง
1. “คิดแบบกบฏ” คือ คิดและทำ ในแบบที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
พีทีจีเลือกขยายสถานีให้บริการน้ำมันในถนนสายรอง ในขณะที่ผู้ให้บริการน้ำมันรายอื่น ๆ เลือกสร้างสถานีบริการน้ำมันในถนนสายหลัก
ซึ่งกลยุทธ์นี้เองที่ทำให้ พีทีจี กระทบน้อยสุดในช่วงวิกฤติโควิด 19 ขณะที่สถานีบริการน้ำมันในกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ได้รับผลกระทบหนัก
โดยเหตุผลที่ พีทีจี ได้รับผลกระทบน้อยกว่า ก็เพราะมีสถานีบริการน้ำมันอยู่ใน 4 จังหวัดนี้ แค่ 8% จากทั้งหมด ขณะที่เจ้าอื่นมี 30-40% นั่นเอง
นอกจากนี้ ยังใช้โมเดลการทำธุรกิจที่แตกต่างออกไป ด้วยการลงทุนเองและบริหารจัดการเองทั้งหมด แทนการขยายสาขาแบบขายแฟรนไชส์แล้วให้ไปบริหารเอง
ซึ่งข้อดีก็คือเกิดความคล่องตัวในการบริหาร และสามารถควบคุมมาตรฐานทุกสาขาให้อยู่ในระดับเดียวกัน
นอกจากนี้ พีทีจี ยังเน้นการเติบโตด้วยการยืนบนลำแข้งตัวเอง แทนที่จะอาศัยคลังน้ำมันร่วมกับผู้ค้าน้ำมันรายอื่น
โดยพีทีจีเลือกจะขยายคลังน้ำมันของตัวเอง โดยกระจายอยู่ตามภูมิภาคต่าง ๆ
ทำให้การบริหารสต็อกมีประสิทธิภาพขึ้น และยังมีรถขนน้ำมันของตัวเอง จึงสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดี
2. เห็นโอกาสแล้วต้องลงมือทำให้ไว
การขยายสาขาของพีที คือ รีโนเวตสถานีบริการน้ำมันเก่าที่ใช้เวลาเพียง 45 วัน แทนที่จะใช้เวลาเป็นปี ๆ ในการสร้างสถานีใหม่
ซึ่งข้อดีก็คือ ใช้เงินลงทุนน้อยกว่าหลายเท่าตัว แถมยังใช้เวลาน้อยกว่า
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ พีที ขยายสาขาจนมีประมาณ 1,900 สาขา ภายใน 33 ปี
3. ทำธุรกิจให้เหมือนลงทุน อย่าเก็บไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียว
พีทีจีต้องการเป็นมากกว่าสถานีน้ำมัน จึงได้กระจายความเสี่ยงธุรกิจไปสู่ธุรกิจ Non-Oil
เช่น ธุรกิจจำหน่ายแก๊ส LPG, ธุรกิจพลังงานทดแทน, ธุรกิจผลิตจำหน่ายไบโอดีเซลและน้ำมันปาล์มบริโภค, ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม, ธุรกิจศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์และรถเชิงพาณิชย์, ธุรกิจให้ศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์ และรถเชิงพาณิชย์
ทั้งหมดนี้คือเคล็ดลับการบริหารของคุณพิทักษ์ ที่ทำให้ธุรกิจเล็ก ๆ สามารถสู้กับยักษ์ใหญ่ในวงการได้
และยังกลับช่วยให้ธุรกิจก้าวผ่านวิกฤติที่แสนสาหัสอีกด้วย
นอกจากนี้ คุณพิทักษ์ผู้บริหาร พีทีจี ยังทิ้งท้ายไว้ว่า “คนตัวเล็ก ใช่ว่าจะฝันไม่ได้ เพียงแต่จะฝันทั้งทีต้องฝันให้ใหญ่ และถ้าฝันแล้วก็ต้องไปให้ถึง”
Reference
-บทสัมภาษณ์ คุณพิทักษ์ รัชกิจประการ โดย ลงทุนแมน
ถ้าพูดถึงยักษ์ใหญ่ด้านสถานีผู้ให้บริการน้ำมัน หลายคนอาจจะคิดถึงชื่อ “OR” ขึ้นมาเป็นอันดับแรก
และ พีทีจี เป็นบริษัทตัวเล็กที่ต้องต่อสู้กับยักษ์ใหญ่อย่าง OR
แต่รู้หรือไม่ว่า บริษัทเล็ก ๆ นี้กลับเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว เป็นคนตัวเล็กที่ยักษ์ใหญ่ยังต้องระวัง เพราะรู้หรือไม่ว่าปัจจุบัน พีทีจี จากม้านอกสายตา ได้กลายมาเป็น เบอร์ 2 ในธุรกิจพลังงานในไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แล้ว พีทีจี มีกลยุทธ์ในการบริหารอย่างไร THE BRIEFCASE จะสรุปให้ฟัง
1. “คิดแบบกบฏ” คือ คิดและทำ ในแบบที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
พีทีจีเลือกขยายสถานีให้บริการน้ำมันในถนนสายรอง ในขณะที่ผู้ให้บริการน้ำมันรายอื่น ๆ เลือกสร้างสถานีบริการน้ำมันในถนนสายหลัก
ซึ่งกลยุทธ์นี้เองที่ทำให้ พีทีจี กระทบน้อยสุดในช่วงวิกฤติโควิด 19 ขณะที่สถานีบริการน้ำมันในกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ได้รับผลกระทบหนัก
โดยเหตุผลที่ พีทีจี ได้รับผลกระทบน้อยกว่า ก็เพราะมีสถานีบริการน้ำมันอยู่ใน 4 จังหวัดนี้ แค่ 8% จากทั้งหมด ขณะที่เจ้าอื่นมี 30-40% นั่นเอง
นอกจากนี้ ยังใช้โมเดลการทำธุรกิจที่แตกต่างออกไป ด้วยการลงทุนเองและบริหารจัดการเองทั้งหมด แทนการขยายสาขาแบบขายแฟรนไชส์แล้วให้ไปบริหารเอง
ซึ่งข้อดีก็คือเกิดความคล่องตัวในการบริหาร และสามารถควบคุมมาตรฐานทุกสาขาให้อยู่ในระดับเดียวกัน
นอกจากนี้ พีทีจี ยังเน้นการเติบโตด้วยการยืนบนลำแข้งตัวเอง แทนที่จะอาศัยคลังน้ำมันร่วมกับผู้ค้าน้ำมันรายอื่น
โดยพีทีจีเลือกจะขยายคลังน้ำมันของตัวเอง โดยกระจายอยู่ตามภูมิภาคต่าง ๆ
ทำให้การบริหารสต็อกมีประสิทธิภาพขึ้น และยังมีรถขนน้ำมันของตัวเอง จึงสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดี
2. เห็นโอกาสแล้วต้องลงมือทำให้ไว
การขยายสาขาของพีที คือ รีโนเวตสถานีบริการน้ำมันเก่าที่ใช้เวลาเพียง 45 วัน แทนที่จะใช้เวลาเป็นปี ๆ ในการสร้างสถานีใหม่
ซึ่งข้อดีก็คือ ใช้เงินลงทุนน้อยกว่าหลายเท่าตัว แถมยังใช้เวลาน้อยกว่า
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ พีที ขยายสาขาจนมีประมาณ 1,900 สาขา ภายใน 33 ปี
3. ทำธุรกิจให้เหมือนลงทุน อย่าเก็บไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียว
พีทีจีต้องการเป็นมากกว่าสถานีน้ำมัน จึงได้กระจายความเสี่ยงธุรกิจไปสู่ธุรกิจ Non-Oil
เช่น ธุรกิจจำหน่ายแก๊ส LPG, ธุรกิจพลังงานทดแทน, ธุรกิจผลิตจำหน่ายไบโอดีเซลและน้ำมันปาล์มบริโภค, ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม, ธุรกิจศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์และรถเชิงพาณิชย์, ธุรกิจให้ศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์ และรถเชิงพาณิชย์
ทั้งหมดนี้คือเคล็ดลับการบริหารของคุณพิทักษ์ ที่ทำให้ธุรกิจเล็ก ๆ สามารถสู้กับยักษ์ใหญ่ในวงการได้
และยังกลับช่วยให้ธุรกิจก้าวผ่านวิกฤติที่แสนสาหัสอีกด้วย
นอกจากนี้ คุณพิทักษ์ผู้บริหาร พีทีจี ยังทิ้งท้ายไว้ว่า “คนตัวเล็ก ใช่ว่าจะฝันไม่ได้ เพียงแต่จะฝันทั้งทีต้องฝันให้ใหญ่ และถ้าฝันแล้วก็ต้องไปให้ถึง”
Reference
-บทสัมภาษณ์ คุณพิทักษ์ รัชกิจประการ โดย ลงทุนแมน