
6 วิธีรับมือ เพื่อนร่วมงาน ที่ไม่ยอมทำงาน ในช่วง Work from Home
5 ต.ค. 2021
6 วิธีรับมือ เพื่อนร่วมงาน ที่ไม่ยอมทำงาน ในช่วง Work from Home | THE BRIEFCASE
เชื่อว่าบริษัทส่วนใหญ่ในตอนนี้ยังคงเป็นการทำงานแบบ Work from Home กันอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเราทำงานที่บ้าน ย่อมเกิดปัญหาหนึ่งคือ ไม่ค่อยมีใครมาพิสูจน์ตรวจสอบ ว่าเราทำงานจริงหรือไม่ ?
ซึ่งก็จะมีคนอยู่ 2 ประเภท คือ คนที่ทำงานจริง ๆ และ คนที่ไม่ทำงาน
ถ้าหากว่าทั้งบริษัทนั้นมีแต่คนที่ทำงานก็ถือว่าโชคดี สำหรับเพื่อนร่วมงานและหัวหน้างาน ที่ไม่ต้องมานั่งกังวลว่า วันนี้ลูกทีมหรือเพื่อนร่วมทีมของเราทำงานหรือยัง
แต่ถ้าหากต้องเจอกับพนักงานประเภทที่สอง ที่ไม่ยอมทำงาน หรือทำได้น้อยกว่าตอนที่ทำอยู่ที่บริษัท
เราจะมีวิธีรับมือกับคนกลุ่มนี้อย่างไร ?
เราจะมีวิธีรับมือกับคนกลุ่มนี้อย่างไร ?
1. ลองพูดคุยอย่างตรงไปตรงมาภายในก่อน
วิธีที่ง่ายที่สุด เมื่อเรารู้ว่าพนักงานของเรา หรือเพื่อนร่วมงานของเราไม่ยอมทำงานช่วง Work from Home คงหนีไม่พ้นการพูดคุยกันว่า เขาติดปัญหาอะไรในการทำงานหรือเปล่า
หรืออะไรคือสาเหตุที่ทำให้เขาทำงานได้ไม่ตรงตามเป้า และลองหาวิธีแก้ไขไปด้วยกัน
หรืออะไรคือสาเหตุที่ทำให้เขาทำงานได้ไม่ตรงตามเป้า และลองหาวิธีแก้ไขไปด้วยกัน
2. จัดประชุมเล็ก ๆ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
ถึงแม้การประชุมจะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อสำหรับใครหลายคน แต่ในอีกด้านหนึ่ง การประชุมก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้เราสามารถเช็กงานกับคนที่เราสงสัยในการทำงานได้เหมือนกัน
เพราะในที่ประชุมนั้นจะเปิดโอกาสให้เราได้ถามถึงงานที่กำลังคืบหน้าได้ในทันที โดยที่ไม่ต้องไปคุยกันเป็นส่วนตัว หรือมีคนช่วยสร้างความกดดันให้กับคนที่ไม่ทำงานได้
3. ทักไปลองขอให้เขาช่วยงานดู
การทักทายไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงานนั้น สามารถช่วยให้เราพิสูจน์อะไรได้หลายอย่าง
เช่น หากเราสงสัยว่าเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งไม่ทำงาน ก็ให้ลองขอความช่วยเหลือจากเขาดู หากเขาปฏิเสธ เขาก็ต้องชี้แจงว่า เขาติดงานส่วนไหนอยู่ และทำไมถึงไม่มีเวลามาช่วยงานในส่วนนี้
เช่น หากเราสงสัยว่าเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งไม่ทำงาน ก็ให้ลองขอความช่วยเหลือจากเขาดู หากเขาปฏิเสธ เขาก็ต้องชี้แจงว่า เขาติดงานส่วนไหนอยู่ และทำไมถึงไม่มีเวลามาช่วยงานในส่วนนี้
4. จดบันทึกรายละเอียดการทำงาน
ในส่วนนี้แต่ละบริษัทก็มีวิธีการบันทึกที่แตกต่างกันไป
หากเป็นการทำงานที่แต่ละคนรับผิดชอบกันคนละหัวข้อ ก็คงเช็กได้ไม่ยากว่าหัวข้อไหนบ้างที่ใช้เวลานานเกินไป
หากเป็นการทำงานที่แต่ละคนรับผิดชอบกันคนละหัวข้อ ก็คงเช็กได้ไม่ยากว่าหัวข้อไหนบ้างที่ใช้เวลานานเกินไป
บางบริษัทก็ใช้วิธีลงโปรแกรมเพื่อบันทึกการเข้าสู่ระบบของพนักงานเป็นตัวบันทึก หรือบางบริษัทก็ใช้วิธีให้พนักงานคอยเช็กอินกับระบบตามเวลาที่กำหนดก็ได้
แต่ถ้าหากบริษัทไม่ได้มีนโยบายข้างต้น และปัญหาการไม่ทำงานนี้กำลังเป็นเรื่องใหญ่ เราอาจต้องลองติดตามงานและจดบันทึกการทำงานของคนที่เราสงสัยว่าอู้งานเอาไว้
เผื่อในกรณีที่ต้องนำเรื่องนี้ไปรายงาน ก็จะเป็นตัวช่วยให้เราสามารถเจรจาได้ด้วยหลักฐาน
เผื่อในกรณีที่ต้องนำเรื่องนี้ไปรายงาน ก็จะเป็นตัวช่วยให้เราสามารถเจรจาได้ด้วยหลักฐาน
5. ระบายให้เพื่อนร่วมงานฟังดู
บางครั้งสิ่งที่เรารู้สึกว่า เพื่อนคนนี้ไม่ได้ทำงาน อาจเป็นความรู้สึกของเราคนเดียว
ดังนั้น การได้พูดคุยกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น อาจทำให้เรามองเห็นอีกมุมของคนที่เรามองว่าเขาไม่ทำงานได้
เช่น เขาอาจจะติดงานส่วนอื่นอยู่ หรือเขาอาจมีปัญหาอะไรที่ไม่สามารถพูดกับเราได้ตรง ๆ แต่พูดกับคนอื่นได้
เช่น เขาอาจจะติดงานส่วนอื่นอยู่ หรือเขาอาจมีปัญหาอะไรที่ไม่สามารถพูดกับเราได้ตรง ๆ แต่พูดกับคนอื่นได้
แต่ถ้าหากว่าเราไม่ได้รู้สึกไปเองคนเดียว ก็จะเป็นการช่วยเพิ่มสายตา และแรงกดดัน ให้เพื่อนร่วมงานคนนั้นได้มากยิ่งขึ้นไปในตัว
6. บอกเจ้านาย
ถ้าหากลองทำทุกวิถีทางที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น อาจต้องลองแจ้งเจ้านายถึงปัญหา เพื่อให้เจ้านายทราบและไปพูดคุยกับคนที่ไม่ทำงานดู
เพราะแรงกดดันจากเจ้านาย ย่อมมากกว่า การพูดกันแค่เพื่อนร่วมงาน
เพราะแรงกดดันจากเจ้านาย ย่อมมากกว่า การพูดกันแค่เพื่อนร่วมงาน
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เราก็ต้องคิดอีกแง่หนึ่งว่า
การที่คนอื่นดูว่าง และเราดูยุ่ง อาจหมายความว่าภาระงานของเราไม่เท่ากัน หรือคนที่มองว่าเขาไม่ทำงาน เขาอาจทำงานในช่วงเวลาอื่น แทนที่จะทำในเวลางานของเราก็ได้..
การที่คนอื่นดูว่าง และเราดูยุ่ง อาจหมายความว่าภาระงานของเราไม่เท่ากัน หรือคนที่มองว่าเขาไม่ทำงาน เขาอาจทำงานในช่วงเวลาอื่น แทนที่จะทำในเวลางานของเราก็ได้..