สรุปกลยุทธ์สร้างมูลค่าเพิ่ม ที่ทำให้ทองสมิทธ์ ขายก๋วยเตี๋ยวเรือ ได้ชามละ 200 บาท

สรุปกลยุทธ์สร้างมูลค่าเพิ่ม ที่ทำให้ทองสมิทธ์ ขายก๋วยเตี๋ยวเรือ ได้ชามละ 200 บาท

16 ต.ค. 2021
สรุปกลยุทธ์สร้างมูลค่าเพิ่ม ที่ทำให้ทองสมิทธ์ ขายก๋วยเตี๋ยวเรือ ได้ชามละ 200 บาท | THE BRIEFCASE
หากย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว ใครจะไปคิดว่าจะมีก๋วยเตี๋ยวชามละ 200 บาท
หรือบางคนก็รู้สึกว่า ก๋วยเตี๋ยวเรือชามละ 200 บาท ใครจะไปยอมจ่าย
แต่รู้หรือไม่ว่า ก๋วยเตี๋ยวเรือของทองสมิทธ์ ที่ตั้งราคาสูงถึง ชามละ 200-400 บาท นั้นขายดิบขายดี จนคนต้องต่อคิวกันเข้าร้าน
โดยนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2561 ทองสมิทธ์ใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี ก็สามารถทำรายได้แตะหลักร้อยล้านเลยทีเดียว..
และนี่คือรายได้ของ บริษัท ทองสมิทธิ์ สยาม จำกัด
ปี 2561 รายได้ 15 ล้านบาท กำไร 1.1 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 154 ล้านบาท กำไร 35 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 287 ล้านบาท กำไร 39 ล้านบาท
ทองสมิทธ์ มีกลยุทธ์อะไร ถึงสามารถทำให้เมนูก๋วยเตี๋ยวเรือที่ดูธรรมดา มีมูลค่าได้ขนาดนี้
THE BRIEFCASE จะสรุปให้ฟัง..
1. ลงลึกในเรื่องของรสชาติและวัตถุดิบทุกชิ้น
ทองสมิทธ์ นั้นมีจุดเริ่มต้นจากคุณกานต์ กิตติเวช และผู้ก่อตั้งอีก 3 คน คือ
คุณอัจฉรา บุรารักษ์, คุณโรจนินทร์ อรรถยุกติ และคุณอินทิรา แดงจำรูญ
โดยทั้ง 4 คน มีความคิดตรงกันว่า อยากจะเปิดร้านอาหาร แต่ต้องเป็นอาหารที่เข้าถึงคนได้ทุกกลุ่ม และทานได้ง่าย และนั่นก็คือเมนู “ก๋วยเตี๋ยวเรือ”
แต่ถ้าจะสร้างความแตกต่างในตลาด สิ่งสำคัญข้อแรกเลยก็คือเรื่องของ “รสชาติ"
ทั้ง 4 คน ได้ตระเวนชิมร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ จนมาลงความเห็นกลายเป็นสูตรที่ลงตัว
ซึ่งคุณกานต์ กิตติเวช ที่เป็นเชฟอยู่แล้ว ก็ได้ลงลึกในเรื่องของรสชาติ วัตถุดิบ ปรับให้เป็นสูตรเฉพาะของทองสมิทธ์ และให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด ตั้งแต่น้ำซุป จนถึงเครื่องปรุง
เช่น เนื้อวากิว ควรเป็นพันธุ์อะไร และควรคัดส่วนไหน ถึงจะอร่อยเมื่ออยู่ในชามก๋วยเตี๋ยว
เครื่องปรุงทั้งหมดต้องผลิตเองจากครัวกลาง ไม่ว่าจะคั่วพริก ทอดกระเทียม เพราะความสดใหม่มีผลต่อรสชาติ
2. ดึงสิ่งเก่ามาเล่น แต่ต้องเล่าเรื่องใหม่ให้ได้
จากการลงลึกในเรื่องของรสชาติก๋วยเตี๋ยวเรือไปแล้ว ทางผู้ก่อตั้งก็ได้นำเสนอแบรนด์ในรูปแบบใหม่ ตั้งแต่การตั้งชื่อ ไปจนถึงการตกแต่งร้าน
สำหรับการตั้งชื่อแบรนด์ว่า ทองสมิทธ์ ซึ่งคำนี้มาจากคำว่า “ทอง” กับคำว่า “สมิทธ์”
คำว่า ทอง เป็นคำที่คุณปลา อัจฉรา บุรารักษ์ ชื่นชอบและดูมีความเป็นไทย
ส่วนคำว่า สมิทธ์ ในภาษาบาลีที่พ้องกับคำว่า สัมฤทธิ์ ที่แปลว่า การเดินทางไปสู่ความสำเร็จ
และยังเป็นคำที่นำเสนอได้ทั้งภาษาอังกฤษและไทย
ซึ่งทุกคนมองว่า ชื่อนี้มีทั้งความเป็นไทยและทันสมัย ซึ่งตรงกับสิ่งที่ทางร้านต้องการนำเสนอ
พอได้มาซึ่งชื่อ ทองสมิทธ์ แล้ว ก็กลายเป็นว่า คอนเซปต์การตกแต่ง และสิ่งต่าง ๆ ภายในร้าน
ก็ถูกปรับให้ล้อไปกับชื่อของร้านได้อย่างลงตัว
โดยตัวร้านถูกออกแบบให้เป็นบ้านไทยสีเข้ม ไม่มีการวางตัวเรือไว้หน้าร้านเหมือนร้านก๋วยเตี๋ยวเรือทั่วไป แต่เปลี่ยนไปเป็นลายกราฟิกบนผนังแทน
และมีการตกแต่งด้วยเส้นสีทอง แม้กระทั่งช้อนในชาม ก็ยังเป็นสีทอง เพื่อให้ดีไซน์สอดคล้องกับชื่อร้าน และดูหรูหรา ทันสมัย
3. วางคอนเซปต์ของตัวเองให้ชัด
ทองสมิทธ์ วางคอนเซปต์ของตัวเองไว้ว่า เป็นก๋วยเตี๋ยวเรือ ที่อร่อยโดยไม่ต้องปรุง แต่ยังให้ลูกค้าสามารถปรับรสชาติให้เข้ากับตัวเองได้ โดยมีความเผ็ดให้เลือก 4 ระดับ ตามความชื่นชอบของแต่ละคน
ดังนั้นคอนเซปต์นี้ คือการสร้างตรงกลาง ระหว่างสิ่งที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ และรสชาติ ความเป็นเอกลักษณ์ของร้าน ก็จะยังคงอยู่
4. ตั้งทำเลร้านให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
ทองสมิทธ์ เน้นเปิดสาขาในพื้นที่ที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้า ที่เป็นทั้งนักศึกษา และคนทำงาน
โดยเปิดสาขาแรก ในเดือนกันยายน ปี 2561 ที่เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ซึ่งได้รับเสียงตอบรับที่ดีตั้งแต่วันแรก ๆ เพราะสินค้าตรงกับกลุ่มเป้าหมาย และมีการบอกแบบ “ปากต่อปาก” ลงโซเชียล
จนในปัจจุบัน ผ่านไป 3 ปี ทองสมิทธ์ มีสาขาทั้งหมด 10 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี, เอ็มควอเทียร์, สยามพารากอน, เซ็นทรัล ลาดพร้าว, เซ็นทรัลเวิลด์, อารีย์, ทองหล่อ, ทาวน์อินทาวน์, เย็นอากาศ และเลียบด่วน
จากทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า สิ่งที่ทำให้ทองสมิทธ์แตกต่างนั้น คงเป็นเรื่องของความเอาใจใส่ในรายละเอียด
ใครจะไปรู้ว่าการเอาใจใส่ในเรื่องบางเรื่องขึ้นมาอีกนิด กลับกลายเป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่หลายคนมองหา
ทั้งเรื่อง รสชาติ คุณภาพ ความสดใหม่ ความอนามัย
จนทำให้หลายคนยอมจ่ายให้กับก๋วยเตี๋ยวเรือชามละ 200 นี้นั่นเอง..
References
-บทสัมภาษณ์คุณกานต์ กิตติเวช โดย MarketThink
-กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.