
วิธีซ่อมหัวใจ เมื่อต้องทำงานที่ ตัวเองไม่ชอบ
18 ต.ค. 2021
วิธีซ่อมหัวใจ เมื่อต้องทำงานที่ ตัวเองไม่ชอบ | THE BRIEFCASE
ใครที่กำลังรู้สึกไม่ชอบงานที่ตัวเองกำลังทำอยู่ ขอให้ลองอ่านบทความนี้กันดูก่อน..
จากการวิจัยประจำปีของกลุ่ม Conference Board พบว่า ชาวอเมริกันเกินครึ่ง รู้สึกไม่ชอบงานที่ตัวเองกำลังทำอยู่ ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้นมายาวนาน ตั้งแต่ปี 2000 ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในยุคโควิด 19
จากการวิจัยประจำปีของกลุ่ม Conference Board พบว่า ชาวอเมริกันเกินครึ่ง รู้สึกไม่ชอบงานที่ตัวเองกำลังทำอยู่ ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้นมายาวนาน ตั้งแต่ปี 2000 ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในยุคโควิด 19
ซึ่งอาจบอกได้ว่า ชาวอเมริกันเหล่านี้กำลังเผชิญกับภาวะที่เรียกว่า Quiet Desperation หรือ ภาวะที่เกิดความรู้สึกจนตรอก และไม่สามารถบอกกับใครได้ มาเป็นเวลานาน
และเนื่องจากหลายคน เอาคุณค่าของตัวเองไปผูกกับอาชีพการงาน ทำให้เมื่อไม่มีความสุขในการทำงาน ก็รู้สึกเหมือนว่าความสุขในชีวิต มันหายไปด้วย..
ทำให้หลายคนพยายามหาทางออกต่าง ๆ และมักจะเจอกับทางออกประมาณว่า
ต้องขึ้นเงินเดือน ต้องเลื่อนตำแหน่ง ต้องเปลี่ยนเจ้านาย หรือต้องเปลี่ยนทีมงาน
แต่หลายคนมักลืมนึกถึง ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรามีความสุขในการทำงานไป
ต้องขึ้นเงินเดือน ต้องเลื่อนตำแหน่ง ต้องเปลี่ยนเจ้านาย หรือต้องเปลี่ยนทีมงาน
แต่หลายคนมักลืมนึกถึง ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรามีความสุขในการทำงานไป
ซึ่งงานวิจัยจาก University of Southern California เรื่อง Over Long Haul, Money Doesn’t Buy Happiness พบว่า
การเปลี่ยนเจ้านาย หรือขึ้นเงินเดือนในทันทีนั้น มีผลต่อความสุขของคนเราเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น
การเปลี่ยนเจ้านาย หรือขึ้นเงินเดือนในทันทีนั้น มีผลต่อความสุขของคนเราเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น
แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้พนักงาน มีความสุขในการทำงานระยะยาวก็คือ
1. ความสามารถในการควบคุมหรือตัดสินใจเอง
2. มีความสัมพันธ์ในเชิงบวกกับเพื่อนร่วมงานในแต่ละวัน
3. งานที่ทำมีความหมาย ทำให้อยากตื่นขึ้นมาในทุก ๆ เช้า
1. ความสามารถในการควบคุมหรือตัดสินใจเอง
2. มีความสัมพันธ์ในเชิงบวกกับเพื่อนร่วมงานในแต่ละวัน
3. งานที่ทำมีความหมาย ทำให้อยากตื่นขึ้นมาในทุก ๆ เช้า
แล้วในฐานะพนักงาน เราจะสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้อย่างไร ?
THE BRIEFCASE จะสรุปให้ฟัง..
THE BRIEFCASE จะสรุปให้ฟัง..
วิธีที่ 1: ลองเขียนลิสต์ว่าเราชอบหรือไม่ชอบอะไร เกี่ยวกับตัวงาน แล้วเราจะมีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้าง
โดยมีวิธีการดังนี้คือ
1. เขียนสิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับงาน ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่
2. เขียนถึงความยุ่งยากและความน่าปวดหัวเกี่ยวกับงานของเรา
3. เขียนสิ่งที่เราต้องการจะทำ (แต่ในขณะนี้ยังไม่ได้ทำ) โดยที่เรื่องนั้นอาจจะไม่เกี่ยวกับตำแหน่งของเรา
1. เขียนสิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับงาน ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่
2. เขียนถึงความยุ่งยากและความน่าปวดหัวเกี่ยวกับงานของเรา
3. เขียนสิ่งที่เราต้องการจะทำ (แต่ในขณะนี้ยังไม่ได้ทำ) โดยที่เรื่องนั้นอาจจะไม่เกี่ยวกับตำแหน่งของเรา
ในแต่ละข้อ คุณสามารถเขียนเพิ่ม หรือลบเอาบางสิ่งออกได้ตลอดเวลา
และการเขียนรายการทั้ง 3 ข้อนี้ สามารถทำได้ทุกวัน ทุกสัปดาห์ หรือทุกเดือน
และการเขียนรายการทั้ง 3 ข้อนี้ สามารถทำได้ทุกวัน ทุกสัปดาห์ หรือทุกเดือน
ซึ่งการเขียนรูปแบบนี้ จะช่วยให้เราทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมีสติ
และบางครั้งก็ช่วยให้หลาย ๆ คนเริ่มเห็น “ช่องทาง” ที่จะเพิ่มความหมายให้กับงานของตัวเอง
และบางครั้งก็ช่วยให้หลาย ๆ คนเริ่มเห็น “ช่องทาง” ที่จะเพิ่มความหมายให้กับงานของตัวเอง
และเมื่อเวลาผ่านไป รายการเหล่านี้ก็จะมีการเปลี่ยนแปลง
สำหรับบางคน รายการที่เคยไม่ชอบ ก็อาจจะค่อย ๆ ลดน้อยลง หรือมีสิ่งที่ชอบเกี่ยวกับงานมากขึ้นเรื่อย ๆ
ซึ่งนี่คือสัญญาณแรกที่กำลังบอกว่า เราได้เริ่มเจอบันไดของความสุขขั้นแรกในการทำงาน
เพราะตัวคุณจะได้เห็นว่า ตัวเองกำลังเติบโตมากขึ้นจริง ๆ จากการทำงานนี้
สำหรับบางคน รายการที่เคยไม่ชอบ ก็อาจจะค่อย ๆ ลดน้อยลง หรือมีสิ่งที่ชอบเกี่ยวกับงานมากขึ้นเรื่อย ๆ
ซึ่งนี่คือสัญญาณแรกที่กำลังบอกว่า เราได้เริ่มเจอบันไดของความสุขขั้นแรกในการทำงาน
เพราะตัวคุณจะได้เห็นว่า ตัวเองกำลังเติบโตมากขึ้นจริง ๆ จากการทำงานนี้
วิธีที่ 2: ตั้งใจสร้างความสัมพันธ์ที่ดี กับเพื่อนร่วมงาน
เราอาจจะไม่สามารถเปลี่ยนตัวละครในที่ทำงานได้ แต่เรายังพอที่จะปรับปรุงความสัมพันธ์กับพวกเขาได้
โดยเราต้องค่อย ๆ เรียนรู้และทำการบ้านเพิ่มเติมว่า คนอื่นต้องการอะไร และเราจะช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายได้อย่างไรบ้าง ?
โดยเราต้องค่อย ๆ เรียนรู้และทำการบ้านเพิ่มเติมว่า คนอื่นต้องการอะไร และเราจะช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายได้อย่างไรบ้าง ?
และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการทักทาย ด้วยการถามคำถามกับเพื่อนร่วมงาน เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เรากับคนอื่นเชื่อมโยงถึงกันได้ และมันก็จะทำให้ความสัมพันธ์ของเรากับเพื่อนร่วมงานนั้นดีขึ้นได้
เพราะในบางวันเราอาจจะไม่ชอบงานที่เราต้องเจอ แต่อย่างน้อยการที่เราเข้าบริษัทในวันนี้ ก็จะได้พูดคุยกับเพื่อนร่วมงานดี ๆ เหล่านั้น
พูดง่าย ๆ ก็คือ แม้วันนี้จะเจอลูกค้าที่น่าหงุดหงิดใจ แต่เมื่อมีเพื่อนร่วมงานดี ๆ คอยให้กำลังใจ เราก็จะผ่านวันนี้ไปได้อีกวัน ดังนั้นอย่ามองข้ามการสร้างมิตรภาพกับเพื่อนร่วมทีม
วิธีที่ 3: สร้างตำแหน่งงานของเราใหม่ ในจินตนาการของเรา
บางคนอาจจะรู้สึกว่างานที่ทำอยู่ไม่มีความหมาย หรือเป็นตำแหน่งเล็กน้อย ที่แสนน่าเบื่อหน่าย
และนี่เองจึงเกิดเป็นงานวิจัย ที่ได้มีการไปสำรวจ “กลุ่มพนักงานทำความสะอาด ในโรงพยาบาล”
และนี่เองจึงเกิดเป็นงานวิจัย ที่ได้มีการไปสำรวจ “กลุ่มพนักงานทำความสะอาด ในโรงพยาบาล”
บางคนอาจมองว่า การเป็นพนักงานทำความสะอาดในโรงพยาบาล เป็นงานที่ไม่น่าพอใจและคงไม่ใช่งานในฝันของใครหลาย ๆ คน เพราะตำแหน่งนี้มีหน้าที่ที่ต้องทำความสะอาดถาดรองสิ่งปฏิกูล หรือมีปฏิสัมพันธ์กับคนป่วย หรือคนที่ใกล้เสียชีวิต
แต่ในงานวิจัยนี้พบว่า ปัจจัยสำคัญในกลุ่มของคนที่ยังรักงานนี้ก็คือ “พวกเขาปรับกรอบความคิดใหม่”
พวกเขามองว่า ตัวเองมีบทบาทสำคัญในการช่วยรักษาผู้ป่วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลคนหนึ่งก็ถือว่าตัวเองเป็น "ทูตคนสำคัญ" เลยทีเดียว
และเมื่อเขามีความคิดเช่นนี้ พฤติกรรมการทำงานของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ตัวอย่างเช่น ในขณะที่คุณกำลังทำความสะอาดถาดรองบนที่นอน
ถ้าคุณคิดว่าตัวเองเป็นผู้ดูแลหรือเป็นทูต คุณจะมองหาสัญญาณของปัญหาสุขภาพในถาดรองที่นอน เพื่อเตือนให้พยาบาลทราบ ซึ่งมันมีผลต่อการช่วยชีวิตคนได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ถ้าคุณคิดว่าตัวเองเป็นผู้ดูแลหรือเป็นทูต คุณจะมองหาสัญญาณของปัญหาสุขภาพในถาดรองที่นอน เพื่อเตือนให้พยาบาลทราบ ซึ่งมันมีผลต่อการช่วยชีวิตคนได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่ถ้าคุณคิดว่านี่เป็นงานที่น่ารังเกียจ คุณจะไม่มีแรง แม้แต่จะตื่นขึ้นมา และรู้สึกเวลามันช่างยาวนาน เพราะต้องผ่านแต่ละวันไป ด้วยความทุกข์ทรมานใจ
ดังนั้น การเห็นว่าตัวเองเป็นทูตคนสำคัญ ที่มีส่วนในการช่วยเหลือผู้คนนี้เอง ทำให้เขามองว่าสิ่งที่ทำอยู่มีความหมาย
ทำให้สิ่งที่ยากหรือสิ่งที่คนอื่นรังเกียจ ไม่ใช่อุปสรรคของเขา และเขาได้กลายเป็นคนที่มีพลังบวกเต็มเปี่ยม จนทำให้เขาเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อให้ตัวเองไปถึงเป้าหมายที่ต้องการช่วยเหลือผู้คนให้ได้ นั่นเอง
อ่านมาถึงตรงนี้.. สำหรับบางคนแล้ว การเปลี่ยนงานมันอาจจะดูง่ายกว่า แต่สำหรับบางคนที่ไม่สามารถเปลี่ยนงานได้ บางคนเปลี่ยนงานมาหลายสิบที่ ก็ยังไม่เจองานที่ชอบเสียที หรือบางคนมีเงินเดือนที่สูงมากแล้ว แต่ก็ไม่อยากตื่นขึ้นมาทำงานเลย
เราอาจจะต้องลองทำสิ่งเหล่านี้ เพื่อหาสาเหตุให้เจอว่า ที่เราไม่ชอบงาน เป็นเพราะปัญหาจากหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน ตัวงาน หรือจริง ๆ เป็นที่ตัวเรากันแน่..