รู้จักแนวคิด Living Wheel ที่พฤกษานำมาใช้ พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์

รู้จักแนวคิด Living Wheel ที่พฤกษานำมาใช้ พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์

5 ธ.ค. 2021
รู้จักแนวคิด Living Wheel ที่พฤกษานำมาใช้ พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ | THE BRIEFCASE
ถ้าพูดถึงเจ้าของแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ทั้งประเภท บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม และอาคารชุด ที่มีชื่อเสียง เชื่อว่าแบรนด์ที่คนส่วนใหญ่นึกถึงน่าจะมีชื่อของ “พฤกษา” รวมอยู่ด้วย
แม้ว่าวันนี้ รายได้ของพฤกษาจะมาจากทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจโรงพยาบาลหลังจากที่บริษัทขยายธุรกิจเข้าสู่การลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาลและศูนย์บริการสุขภาพ เมื่อหลายปีก่อน
แต่อย่างไรก็ตาม รายได้หลักของบริษัทก็ยังมาจาก ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นธุรกิจตั้งต้นเดิมของบริษัทอยู่
ซึ่งในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์สักแห่ง พฤกษาได้นำแนวคิดที่มีชื่อว่า “Living Wheel” มาใช้
แล้วแนวคิดนี้มีความน่าสนใจอย่างไร
THE BRIEFCASE จะสรุปให้ฟัง
หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า ลูกค้าคือคนสำคัญในการทำให้ธุรกิจเติบโต พอเรื่องเป็นแบบนี้ หลายธุรกิจจึงใช้กลยุทธ์ในการขายสินค้าและบริการผ่านกลยุทธ์ “Customer Centric” รวมทั้งกลุ่มพฤกษาเองที่ใช้แนวคิดนี้มาเป็นหัวใจหลักในการทำการตลาด
พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ หาความต้องการของลูกค้าให้เจอ แล้วนำเสนอสินค้าและบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้นั่นเอง โดยพฤกษาได้นำแนวคิดนี้มาใช้ควบคู่กับแนวคิดที่ชื่อว่า “Living Wheel”
Living Wheel คือ ปัจจัยหลักที่ลูกค้าใช้ในการตัดสินใจ เมื่อต้องการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย
ซึ่งประกอบไปด้วย 8 ปัจจัย คือ
1. ทำเลที่ตั้งโครงการ (Location)
ทำเลที่ตั้งโครงการ นับเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สามารถตัดสินได้ว่า โครงการอสังหาริมทรัพย์ไหนบ้างจะประสบความสำเร็จ ซึ่งโครงการที่ประสบความสำเร็จควรมีทำเลที่ดี การคมนาคมสะดวก อยู่ใกล้แหล่งทำงาน โรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล หรือถ้าเป็นในเมืองนั้น ควรอยู่ใกล้กับระบบขนส่งสาธารณะอย่างสถานีรถไฟฟ้า ทางด่วน เป็นต้น
เพราะไม่ว่าโครงการ จะนำเสนอโปรโมชันมากน้อยแค่ไหน อสังหาริมทรัพย์จะสวยงามอย่างไร มันก็อาจไม่ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ ถ้าพวกเขาไม่สามารถสัญจรไปมาได้อย่างสะดวกหรือทำเลไม่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกค้า
2. พื้นที่ใช้สอยที่เหมาะสม (Home Function)
บ้านสมัยใหม่ ควรถูกออกแบบมาให้มีพื้นที่ใช้สอยที่เหมาะสม ที่มีทั้งพื้นที่สำหรับส่วนรวมหรือพื้นที่ส่วนตัว อย่างกรณีพื้นที่ส่วนรวม เช่น พื้นที่ส่วนรับประทานอาหาร พื้นที่รับแขก ทั้งนี้เพื่อให้คนในครอบครัวสามารถเจอกันได้ง่าย มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีและทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันได้สะดวก
รวมไปถึงการจัดให้มีพื้นที่ส่วนตัว เพื่อทำกิจกรรมส่วนตัวของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นการนอนพักผ่อน การทำงานหรืออ่านหนังสือ เป็นต้น
3. สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง (Project Facility)
สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง เช่น สระว่ายน้ำ สนามเด็กเล่น ห้องกิจกรรมส่วนกลาง เป็นหนึ่งในสิ่งที่ผู้พัฒนาโครงการบางรายอาจไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่าไร เนื่องจากไม่ต้องการเพิ่มงบประมาณในการทำโครงการ
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ให้ดี มีคุณภาพ จะช่วยโน้มน้าวให้ลูกค้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ของโครงการได้ง่ายกว่ากรณีที่ไม่มี โดยเฉพาะสำหรับลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้
4. ความปลอดภัยในการอยู่อาศัย (Security)
ความปลอดภัยนับเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ลูกค้าให้ความสำคัญ ไม่เพียงแต่ตัวลูกค้าเอง แต่ยังรวมไปถึงคนในครอบครัว เพราะไม่ว่าใครก็ตาม คงไม่อยากไปอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
ดังนั้น ความปลอดภัย จึงถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ต้องนำมาพิจารณาเมื่อเริ่มพัฒนาโครงการด้วย
5. การออกแบบบ้านและการตกแต่งภายใน (Design)
นอกจากบ้านจะถูกออกแบบมาให้มีพื้นที่ใช้สอยที่เหมาะสมกับผู้อยู่อาศัยแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญคือ การออกแบบบ้านและการตกแต่งภายในที่สวยงาม เรียบร้อย พร้อมกับความทันสมัย พูดง่าย ๆ ก็คือ แต่ละโครงการอสังหาริมทรัพย์ต้องมีทั้งความสวยงามควบคู่ไปกับประโยชน์ใช้สอยของงานนั่นเอง
6. สภาพแวดล้อมของโครงการ (Living Environment)
สภาพแวดล้อมของโครงการ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ลูกค้าให้ความสำคัญ เช่น ถ้าภายในโครงการมีเพื่อนบ้านไม่เป็นมิตร ชอบส่งเสียงดังบ่อย ๆ ก็อาจทำให้ผู้อยู่อาศัยคนอื่น ๆ รำคาญ หรืออยากย้ายออก
หรือแม้ว่าสภาพแวดล้อมภายในโครงการจะดี แต่รอบนอกโครงการกลับมีกลิ่นขยะล้อมรอบ มีเสียงดังบ่อย ๆ หรือฝุ่นละอองจำนวนมาก ถ้าเป็นแบบนี้คงไม่มีใครอยากมาอยู่ ส่งผลให้ความต้องการซื้อลดลง ซึ่งสุดท้ายจะทำให้การพัฒนาโครงการไม่ประสบความสำเร็จก็เป็นได้
7. ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ (Brand)
ต้องยอมรับว่า ความน่าเชื่อถือของบริษัทผู้พัฒนาโครงการ ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ลูกค้าให้ความสำคัญไม่แพ้เรื่องทำเล ความปลอดภัย สภาพแวดล้อม การออกแบบบ้าน เป็นต้น
เพราะแบรนด์ที่มีประวัติการพัฒนาบ้าน คอนโดฯ และอสังหาริมทรัพย์มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ที่มาพร้อมประสบการณ์และชื่อเสียงในทางที่ดี ก็มีโอกาสที่จะได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากกว่าแบรนด์อื่น ๆ ที่อาจไม่ค่อยมีชื่อเสียงมากนักหรือยังเป็นที่รู้จักมาไม่นาน
8. บริการทั้งก่อนและหลังการขาย (Sale Service)
การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้ประสบความสำเร็จ คงไม่ใช่แค่ว่า เมื่อขายให้ลูกค้าแล้วจบกัน หรือทอดทิ้งลูกบ้านเอาไว้โดยไม่สนใจพวกเขาเลย
ดังนั้น ผู้พัฒนาโครงการที่ดีจึงยังต้องใส่ใจ และรับฟังปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากลูกค้า เพื่อเป็นการช่วยแก้ปัญหา หรือแม้แต่อำนวยความสะดวกในบางเรื่องให้กับลูกค้าแม้จะขายสินค้าไปแล้ว ซึ่งสิ่งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า แต่ยังเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าไปบอกต่อให้กับคนอื่นที่อาจกลายมาเป็นลูกค้าของเราในอนาคตก็เป็นได้
และนี่คือ 8 ปัจจัยสำคัญ ที่ถูกเรียกว่า “Living Wheel” ที่กลุ่มพฤกษานำมาใช้สำหรับพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ตลอดมานั่นเอง..
References
-รายงานประจำปี 2563, บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)
-แบบฟอร์ม 56-1 ปี 2563, บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)
-https://www.set.or.th/set/companyhighlight.do?symbol=PSH&ssoPageId=5&language=th&country=TH
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.