สรุปกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้โต 200% ในปีเดียว ของ Glamnetic แบรนด์คนไทยในสหรัฐฯ

สรุปกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้โต 200% ในปีเดียว ของ Glamnetic แบรนด์คนไทยในสหรัฐฯ

16 ธ.ค. 2021
สรุปกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้โต 200% ในปีเดียว ของ Glamnetic แบรนด์คนไทยในสหรัฐฯ | THE BRIEFCASE
รู้หรือไม่ว่า แบรนด์ขนตาและเล็บปลอมที่ชื่อว่า Glamnetic นั้นกวาดรายได้กว่า 1,500 ล้านบาท ใน 2 ปี และเป็นของคนไทยที่หนีชีวิตยากจนจากกรุงเทพมหานคร ไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา นั่นก็คือ คุณ Ann McFerran
โดยเธอเป็นผู้หญิงไทย ที่ครอบครัวยากจน แต่ภายหลังจากที่คุณแม่ของเธอแต่งงานใหม่ ก็ได้พาเธอย้ายจากกรุงเทพมหานคร ไปยังสหรัฐอเมริกา
เพื่อแสวงหาโอกาสใหม่ในการดำเนินชีวิต ตอนที่เธออายุได้เพียง 7 ปี
เรื่องราวของเธอมีอะไรที่น่าสนใจอีกบ้าง ?
และทำไมสินค้าของเธอถึงขายดี ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี ?
THE BRIEFCASE จะสรุปให้ฟัง..
1. เปลี่ยนพลังของการถูกบุลลี ให้เป็นธุรกิจศิลปะที่สร้างรายได้
การที่คุณ Ann เป็นชาวเอเชียในสหรัฐอเมริกา ทำให้เธอมักถูกบุลลีด้วยหน้าตาที่แตกต่างจากคนอื่น แต่ในช่วงนั้นเอง สิ่งเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกสวยและมั่นใจคือ ตอนที่เธอได้ติดขนตาปลอม
ซึ่งใครที่เคยติดขนตาปลอมจะรู้ดีว่ามันเปลี่ยนดวงตาและองค์ประกอบของใบหน้าไปได้อย่างมหัศจรรย์ และในสายตาของเธอ การแต่งหน้า ก็เหมือนกับการทำงานศิลป์ชิ้นหนึ่ง
นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นไอเดีย ให้เธอก่อตั้งแบรนด์ Glamnetic ที่ทำธุรกิจผลิตขนตาปลอมขึ้นมา
2. ศึกษาตลาดอย่างจริงจัง หาช่องโหว่ และทำสินค้าให้ตรงความต้องการของลูกค้ามากที่สุด
ในช่วงเวลาที่เธอกำลังก่อตั้งแบรนด์อยู่นั้น ก็มีแบรนด์ขนตาปลอมอยู่ในท้องตลาดมากมาย
แต่เธอเห็นว่าการจะติดขนตาปลอมแต่ละครั้ง ทำได้ยากลำบาก ทั้งการติดกาวที่เลอะเทอะและยังต้องใช้แหนบค่อย ๆ ติดขนตาทีละช่อ
เธอจึงคิดว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ น่าจะประสบปัญหาแบบเดียวกัน เธอจึงเริ่มลงมือศึกษาแผนธุรกิจและการตลาดต่าง ๆ ด้วยตัวเองจากในอินเทอร์เน็ตเป็นเวลาถึง 1 ปีเต็ม จนในที่สุดเธอก็เลือกที่จะทำขนตาปลอมแบบแม่เหล็กขึ้นมานั่นเอง
แต่อย่างไรก็ตาม เธอไม่ใช่เจ้าแรกที่ทำขนตาปลอมแบบแม่เหล็กขึ้นมา
โดยขนตาปลอมแบบแม่เหล็กในท้องตลาดที่มีอยู่นั้น มีขนาดใหญ่ และดูปลอมเกินไป
นอกจากนี้ยังมีแม่เหล็กยึดมากสุดแค่ 3 อัน จึงทำให้ติดได้ไม่แน่นหนา
คุณ Ann เห็นช่องโหว่ตรงนี้ จึงนำมาพัฒนาเป็นสินค้าของตัวเอง
ด้วยการผลิตขนตาปลอมที่มีแม่เหล็กยึดถึง 6 อัน เป็นชิ้นแรกในโลก
ที่สามารถติดแน่นได้เหมือนกับการใช้กาว และใช้งานได้แบบไม่ยุ่งยาก
เพียงแค่ 6 เดือน ธุรกิจของเธอก็เริ่มขายดี จนทำรายได้หลักสิบล้านบาทต่อเดือน
3. ไม่หยุดหาโอกาสในการพัฒนาธุรกิจ
คุณ Ann เห็นว่าธุรกิจที่เพิ่มความสะดวกในการตกแต่งใบหน้าและร่างกายน่าจะยังไปต่อได้อีกไกล จากการที่คนรุ่นใหม่ได้รับอิทธิพลจากกระแสโซเชียลมีเดีย
อย่างใน Instagram ที่มีผู้ใช้งานมาโพสต์ภาพการแต่งหน้าลงในโซเชียลกว่า 75 ล้านโพสต์โดยใช้แฮชแท็ก #MUA ที่ย่อมาจาก Makeup Artist
ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่า ตลาดคนรักการแต่งหน้านั้นมีขนาดที่ใหญ่มาก และมีโอกาสที่ธุรกิจของเธอจะเติบโตได้อีก
เรื่องนี้ก็ทำให้คุณ Ann ตัดสินใจขยายธุรกิจไปทำสินค้าเล็บปลอมด้วย
เพราะเธอเห็นว่า การเข้าร้านทำเล็บในแต่ละครั้งก็มีราคาแพง
เธอจึงอยากทำเล็บปลอม ที่ให้คนสามารถเลือกไปติดกันเองได้ และมีราคาที่ไม่สูงจนเกินไป
แน่นอนว่าธุรกิจเล็บปลอมของเธอประสบความสำเร็จอีกครั้ง
ด้วยการเติบโตกว่า 200% ภายใน 1 ปี
ปัจจุบันแบรนด์ของคุณ Ann ก็ได้ก้าวไปอีกขั้น
ด้วยการร่วมมือกับ Sanrio เจ้าของตัวการ์ตูนอย่าง Hello Kitty
ในคอลเลกชัน 25 SKU ที่หวังว่าจะเป็นการขยายฐานผู้บริโภคให้มากขึ้น
ซึ่งจะเป็นการออกแบบกล่องใส่ขนตาปลอม ในรูปทรงกระเป๋าเดินทางที่เต็มไปด้วยขนตาปลอมและอายไลเนอร์ พร้อมตกแต่งด้วยลวดลายตัวละคร Sanrio แต่ละตัว เช่น Hello Kitty, Chococat, My Melody นั่นเอง
อ่านมาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่า คุณ Ann McFerran ได้ทำธุรกิจด้วยการใช้ความคิดสร้างสรรค์ไปกับการแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้า
เพราะการทำสิ่งที่ไม่เหมือนใคร แถมยังสร้างประโยชน์ และมาพร้อมกับความสะดวกสบายนี่เอง
จึงเป็นสิ่งที่ทำให้คนพร้อมที่จะจ่าย และทำให้ Glamnetic ทำรายได้แตะพันล้านได้ ภายในปีเดียว..
References
-บทความจากเพจลงทุนเกิร์ล
-https://glamnetic.com/
-https://www.forbes.com/sites/alexandrasternlicht/2021/05/21/how-this-27-year-old-grew-false-eyelash-startup-glamnetic-to-50-million-in-yearly-revenue/?sh=3c6c22674f9f
-https://www.forbes.com/sites/karineldor/2020/09/15/how-eyelash-brand-glamnetic-became-a-multimillion-dollar-beauty-startup-in-one-year/?sh=14f168a52cc0
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.