
วิธีแก้ปัญหา การทำงานแบบ ตัวใครตัวมัน
26 ม.ค. 2022
วิธีแก้ปัญหา การทำงานแบบ ตัวใครตัวมัน | THE BRIEFCASE
เมื่อธุรกิจนั้นเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนว่าก็ต้องมีการขยายงาน มีจำนวนคน และฝ่ายต่าง ๆ ในบริษัทเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
ประเด็นคือ ถ้าจำนวนคนและฝ่ายที่เพิ่มขึ้นนั้น มีการทำงานอย่างร่วมมือกัน ประสานงานกัน เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ทุกอย่างก็คงจะราบรื่นหรือเกิดปัญหาได้น้อย
แต่ในความเป็นจริง หลายครั้งเราอาจพบว่า ยิ่งมีคน ยิ่งมีฝ่าย มากขึ้นในบริษัท ยิ่งทำให้ขาดการติดต่อ ประสานงาน ขาดการให้ความร่วมมือกัน จนสุดท้ายกลายเป็นอุปสรรคของการทำงาน
แต่ในความเป็นจริง หลายครั้งเราอาจพบว่า ยิ่งมีคน ยิ่งมีฝ่าย มากขึ้นในบริษัท ยิ่งทำให้ขาดการติดต่อ ประสานงาน ขาดการให้ความร่วมมือกัน จนสุดท้ายกลายเป็นอุปสรรคของการทำงาน
ถ้าให้พูดเป็นคำศัพท์ของคนทำงานสมัยนี้
วิธีการทำงานแบบนี้ เรียกว่า “SILO”
ซึ่งสถานการณ์แบบนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อคน หรือฝ่ายเหล่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบไปถึงภาพรวมของบริษัทด้วย
วิธีการทำงานแบบนี้ เรียกว่า “SILO”
ซึ่งสถานการณ์แบบนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อคน หรือฝ่ายเหล่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบไปถึงภาพรวมของบริษัทด้วย
แล้วมีวิธีไหนบ้างที่จะแก้ปัญหาที่เกิดจากการทำงานแบบนี้ ?
THE BRIEFCASE จะสรุปให้ฟัง
THE BRIEFCASE จะสรุปให้ฟัง
การทำงานแบบ SILO หรือ “Work as SILO”
พูดง่าย ๆ คือ ทำงานแบบตัวใครตัวมัน เกี่ยงงาน แบ่งแยกงาน ไม่ค่อยสื่อสาร หรือช่วยกันทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
พูดง่าย ๆ คือ ทำงานแบบตัวใครตัวมัน เกี่ยงงาน แบ่งแยกงาน ไม่ค่อยสื่อสาร หรือช่วยกันทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
ผลเสียของการทำงานแบบ SILO มีหลายอย่าง เช่น
- เกิดการทำงานที่ซ้ำซ้อนในฝ่าย เพราะต่างคนต่างไม่รู้ ว่าใครทำอะไรอยู่
- เกิดการแข่งขันกันเองของคนภายในทีม
- ทำให้คนในบริษัทขาดความเชื่อมั่น และความสามัคคีภายในองค์กร
- อาจขาดแนวคิดสร้างสรรค์หรือนวัตกรรมใหม่ ๆ เพราะเอาแต่โฟกัสเรื่องผลงานของตัวเอง
- เกิดการทำงานที่ซ้ำซ้อนในฝ่าย เพราะต่างคนต่างไม่รู้ ว่าใครทำอะไรอยู่
- เกิดการแข่งขันกันเองของคนภายในทีม
- ทำให้คนในบริษัทขาดความเชื่อมั่น และความสามัคคีภายในองค์กร
- อาจขาดแนวคิดสร้างสรรค์หรือนวัตกรรมใหม่ ๆ เพราะเอาแต่โฟกัสเรื่องผลงานของตัวเอง
พูดง่าย ๆ คือ การทำงานแบบ SILO นั้นจะตรงข้ามกับคำว่า “Teamwork” ที่เน้นการทำงานร่วมกัน โดยมีเป้าหมายในการทำงานอย่างเดียวกัน
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่น
สมมติว่า ทีมที่ดูแลการออกแบบการวิจัยและพัฒนา กำลังคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และอีกไม่นานผลิตภัณฑ์นี้ก็น่าจะสามารถนำไปผลิตและขายให้แก่ลูกค้าได้
แต่ทีมที่ดูแลการออกแบบการวิจัยและพัฒนา ไม่ได้แจ้งข้อมูลทั้งหมด หรือแจ้งแค่บางส่วนแก่ฝ่ายการตลาด จนทำให้ฝ่ายการตลาดไม่รู้รายละเอียดของผลิตภัณฑ์ใหม่มากนัก
สมมติว่า ทีมที่ดูแลการออกแบบการวิจัยและพัฒนา กำลังคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และอีกไม่นานผลิตภัณฑ์นี้ก็น่าจะสามารถนำไปผลิตและขายให้แก่ลูกค้าได้
แต่ทีมที่ดูแลการออกแบบการวิจัยและพัฒนา ไม่ได้แจ้งข้อมูลทั้งหมด หรือแจ้งแค่บางส่วนแก่ฝ่ายการตลาด จนทำให้ฝ่ายการตลาดไม่รู้รายละเอียดของผลิตภัณฑ์ใหม่มากนัก
ผลที่เกิดขึ้นคือ ฝ่ายการตลาด ก็ขาดการวางแผนในการโปรโมตหรือนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ได้อย่างเหมาะสม เพราะไม่รู้ว่าฝ่ายพัฒนากำลังทำอะไรอยู่
ทีนี้คำถามคือ แล้วจะแก้ปัญหาการทำงานแบบ SILO ได้อย่างไรบ้าง ?
1. ทำให้ทุกคนโฟกัสเป้าหมายที่ใหญ่กว่า
สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ การสื่อสารให้แก่ทุกคน ทุกฝ่ายในองค์กรทราบว่า เป้าหมายที่สำคัญของบริษัทคืออะไร
เช่น ถ้าบริษัทตั้งเป้าที่จะขายสินค้าให้มาก เพื่อทำให้กำไรเติบโตปีละ 10% ก็ต้องใช้ความร่วมมือจากหลายฝ่าย ไม่ใช่อาศัยแต่ความพยายามของฝ่ายขาย ในการขายสินค้าให้ได้มากที่สุด
ฝ่ายอื่น ๆ ก็มีความสำคัญ ที่สามารถช่วยสร้างการเติบโตได้
เช่น ฝ่ายผลิตอาจนำเสนอวิธีการผลิตสินค้า ที่สามารถช่วยควบคุมต้นทุนได้เหมาะสม ฝ่ายจัดซื้อจะจัดหาวัตถุดิบอย่างไร ที่มีราคาเหมาะสม ฝ่ายการเงินจะมีวิธีช่วยประหยัดต้นทุนทางการเงินอย่างไร
เช่น ฝ่ายผลิตอาจนำเสนอวิธีการผลิตสินค้า ที่สามารถช่วยควบคุมต้นทุนได้เหมาะสม ฝ่ายจัดซื้อจะจัดหาวัตถุดิบอย่างไร ที่มีราคาเหมาะสม ฝ่ายการเงินจะมีวิธีช่วยประหยัดต้นทุนทางการเงินอย่างไร
ซึ่งการสื่อสารเพื่อให้ทุกคนเข้าใจถึงเป้าหมายที่ใหญ่ขององค์กรว่าคืออะไร และพวกเขาจะมีส่วนร่วมกับเป้าหมายนี้อย่างไร จะช่วยทำให้ปัญหาการทำงานแบบ SILO ลดลงไปได้
2. สร้างความสามัคคีและร่วมมือกันระหว่างคนในทีมเอง และฝ่ายต่าง ๆ
บางองค์กรอย่าว่าแต่คนแต่ละฝ่ายจะไม่คุยกัน คนในฝ่ายเดียวกันอาจจะยังไม่เคยคุยกันก็มี
ถ้าเป็นแบบนี้ คงเป็นเรื่องยากที่จะสร้างบรรยากาศการทำงานแบบร่วมมือกัน จนเกิดความสามัคคีอย่างที่องค์กรอยากจะเห็น
เช่น การที่คนในฝ่ายเดียวกันนั้น ไม่เคยคุยกัน นอกจากอาจทำให้มีการทำงานซ้ำซ้อนกัน หรือเข้าใจผิดคิดว่าอีกคนหนึ่งจะทำ ยังทำให้งานที่ทำนั้นมีข้อมูลไม่สมบูรณ์หรือไม่ครบถ้วน ซึ่งไม่เพียงแต่เสียเวลาในการทำงาน แต่อาจทำให้เสียอารมณ์กับทุกคนที่เกี่ยวข้อง
สิ่งสำคัญที่ผู้บริหารหรือเจ้าของธุรกิจควรทำคือ
ต้องพยายามสร้างความสามัคคี และร่วมมือกันระหว่างคนในทีมเอง รวมถึงฝ่ายต่าง ๆ ในองค์กร เพื่อให้เกิดการสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน จะช่วยทำให้แต่ละคนมีข้อมูลที่ครบถ้วน เพียงพอ จนทำให้งานที่ทำนั้นออกมาดี
ต้องพยายามสร้างความสามัคคี และร่วมมือกันระหว่างคนในทีมเอง รวมถึงฝ่ายต่าง ๆ ในองค์กร เพื่อให้เกิดการสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน จะช่วยทำให้แต่ละคนมีข้อมูลที่ครบถ้วน เพียงพอ จนทำให้งานที่ทำนั้นออกมาดี
3. ส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ทำให้คนในองค์กรมีปฏิสัมพันธ์กัน
การส่งเสริมให้เกิดการสื่อสารกันมากขึ้นระหว่างคนภายในองค์กร
โดยเฉพาะคนที่อาจไม่รู้จักกัน หรือสนิทกันมาก่อน จะช่วยทำให้ทำลายเส้นแบ่งระหว่างคนแต่ละคนหรือแต่ละฝ่ายได้ ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาคุ้นเคย กล้า และเต็มใจที่จะติดต่อสื่อสารกันภายในองค์กรมากขึ้น
โดยเฉพาะคนที่อาจไม่รู้จักกัน หรือสนิทกันมาก่อน จะช่วยทำให้ทำลายเส้นแบ่งระหว่างคนแต่ละคนหรือแต่ละฝ่ายได้ ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาคุ้นเคย กล้า และเต็มใจที่จะติดต่อสื่อสารกันภายในองค์กรมากขึ้น
และนี่คือ แนวทางเบื้องต้น ที่จะช่วยลดปัญหาการทำงานแบบ SILO ได้
ซึ่งก็น่าจะช่วยให้ปัญหาการทำงานแบบ “ตัวใครตัวมัน” ลดลงไปบ้าง ไม่มากก็น้อย..
ซึ่งก็น่าจะช่วยให้ปัญหาการทำงานแบบ “ตัวใครตัวมัน” ลดลงไปบ้าง ไม่มากก็น้อย..