ใครเป็นเจ้าของ Budget Hotel ที่ชื่อ “HOP INN”
18 มี.ค. 2022
ใครเป็นเจ้าของ Budget Hotel ที่ชื่อ “HOP INN” | BrandCase
ถ้าพูดถึง Budget Hotel หรือโรงแรมราคาประหยัดในไทย
เชื่อว่า ชื่อ “HOP INN” น่าจะเป็นหนึ่งในชื่อที่หลายคนน่าจะนึกถึง
แล้วใครกัน ที่เป็นเจ้าของโรงแรม HOP INN
และเครือโรงแรมนี้ มีจุดเริ่มต้นอย่างไร ?
หลายคนที่ยังสงสัยว่า Budget Hotel คืออะไร ?
Budget Hotel แปลตรง ๆ ก็คือ โรงแรมราคาประหยัด ซึ่งส่วนใหญ่จะมีเพียงแค่สิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานหลัก ๆ ที่ลูกค้าจำเป็นต้องใช้เท่านั้น
เช่น ที่นอน, เครื่องปรับอากาศ, เครื่องทำน้ำอุ่น, โทรทัศน์, ตู้เย็นขนาดเล็ก, โต๊ะ, เก้าอี้ และสัญญาณอินเทอร์เน็ต
ด้วยความที่ค่าเข้าพักต่อคืนไม่แพง ทำให้โรงแรมลักษณะนี้ จะไม่มีการบริการอาหารและเครื่องดื่ม เช่น อาหารเช้า หรืออย่างมากก็อาจจะบริการแค่กาแฟฟรีให้แก่ลูกค้าเท่านั้น
และถ้าพูดถึง Budget Hotel ที่มีอยู่หลายสาขาในไทย ชื่อ “HOP INN” ก็คือหนึ่งในนั้น
ซึ่งเจ้าของแบรนด์ HOP INN ก็คือ
“ดิ เอราวัณ กรุ๊ป” หนึ่งในผู้บริหารโรงแรมชื่อดังของไทย
จุดเริ่มต้นของ HOP INN เกิดขึ้นมาจาก
ผู้บริหารของ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เล็งเห็นโอกาสของตลาดโรงแรมราคาประหยัด ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง
เพราะกลุ่มผู้เดินทางภายในประเทศ ที่นิยมเข้าพักในโรงแรมระดับนี้ มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งสำหรับ HOP INN เป็นเครือข่ายโรงแรมราคาประหยัด ที่เริ่มเปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2014
โดยปัจจุบัน HOP INN มีทั้งหมด 43 สาขา มีจำนวนห้องพักรวมกันกว่า 3,600 ห้อง กระจายอยู่ในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวและเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย
ที่น่าสนใจคือ นับตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อ 8 ปีที่แล้ว
จำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการ HOP INN นั้นมีมากกว่า 1,000,000 คน
และรู้ไหมว่า ณ สิ้นปี 2021
Occupancy Rate หรือ อัตราส่วนห้องที่มีผู้เข้าพัก เทียบกับ จำนวนห้องที่โรงแรมมีทั้งหมดนั้น HOP INN ฟื้นตัวได้ดีกว่าโรงแรมประเภทอื่น ๆ ของ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป
โดย Occupancy Rate ของ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เป็นดังนี้
- HOP INN เท่ากับ 70%
- โรงแรมประเภทอื่น ๆ เท่ากับ 40%
HOP INN ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับโรงแรมประเภทอื่น ๆ
เนื่องจากการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่ถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของ HOP INN เริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น
ขณะที่ในช่วงระหว่างปี 2022-2023 ดิ เอราวัณ กรุ๊ป มีแผนที่จะเปิด HOP INN อีก 865 ห้อง ซึ่งตั้งอยู่ทั้งในประเทศไทยและฟิลิปปินส์ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ การเพิ่มเครือข่ายจำนวนโรงแรม HOP INN นั้น
เป็นไปตามกลยุทธ์ของ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป ที่ต้องการลดความเสี่ยงจากการพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติ แล้วหันมาให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น
ซึ่ง HOP INN ก็ถือเป็นหัวหอกสำคัญ
ที่จะช่วยให้เป้าหมายของ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย
ซึ่งเราก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า
หมากเกมนี้ของ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป ที่ใช้ HOP INN มาช่วยขับเคลื่อนการเติบโต จะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน..
References:
-https://www.theerawan.com/th/portfolio/hotels-and-resorts/187/%E0%B8%AE%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%9B-%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2
-http://www.56-1.com/reports/ERW/ERW_13AR_th.pdf
-https://hub.optiwise.io/en/documents/42735/20220223-erw-analystmeeting-4q2021.pdf
ถ้าพูดถึง Budget Hotel หรือโรงแรมราคาประหยัดในไทย
เชื่อว่า ชื่อ “HOP INN” น่าจะเป็นหนึ่งในชื่อที่หลายคนน่าจะนึกถึง
แล้วใครกัน ที่เป็นเจ้าของโรงแรม HOP INN
และเครือโรงแรมนี้ มีจุดเริ่มต้นอย่างไร ?
หลายคนที่ยังสงสัยว่า Budget Hotel คืออะไร ?
Budget Hotel แปลตรง ๆ ก็คือ โรงแรมราคาประหยัด ซึ่งส่วนใหญ่จะมีเพียงแค่สิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานหลัก ๆ ที่ลูกค้าจำเป็นต้องใช้เท่านั้น
เช่น ที่นอน, เครื่องปรับอากาศ, เครื่องทำน้ำอุ่น, โทรทัศน์, ตู้เย็นขนาดเล็ก, โต๊ะ, เก้าอี้ และสัญญาณอินเทอร์เน็ต
ด้วยความที่ค่าเข้าพักต่อคืนไม่แพง ทำให้โรงแรมลักษณะนี้ จะไม่มีการบริการอาหารและเครื่องดื่ม เช่น อาหารเช้า หรืออย่างมากก็อาจจะบริการแค่กาแฟฟรีให้แก่ลูกค้าเท่านั้น
และถ้าพูดถึง Budget Hotel ที่มีอยู่หลายสาขาในไทย ชื่อ “HOP INN” ก็คือหนึ่งในนั้น
ซึ่งเจ้าของแบรนด์ HOP INN ก็คือ
“ดิ เอราวัณ กรุ๊ป” หนึ่งในผู้บริหารโรงแรมชื่อดังของไทย
จุดเริ่มต้นของ HOP INN เกิดขึ้นมาจาก
ผู้บริหารของ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เล็งเห็นโอกาสของตลาดโรงแรมราคาประหยัด ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง
เพราะกลุ่มผู้เดินทางภายในประเทศ ที่นิยมเข้าพักในโรงแรมระดับนี้ มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งสำหรับ HOP INN เป็นเครือข่ายโรงแรมราคาประหยัด ที่เริ่มเปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2014
โดยปัจจุบัน HOP INN มีทั้งหมด 43 สาขา มีจำนวนห้องพักรวมกันกว่า 3,600 ห้อง กระจายอยู่ในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวและเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย
ที่น่าสนใจคือ นับตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อ 8 ปีที่แล้ว
จำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการ HOP INN นั้นมีมากกว่า 1,000,000 คน
และรู้ไหมว่า ณ สิ้นปี 2021
Occupancy Rate หรือ อัตราส่วนห้องที่มีผู้เข้าพัก เทียบกับ จำนวนห้องที่โรงแรมมีทั้งหมดนั้น HOP INN ฟื้นตัวได้ดีกว่าโรงแรมประเภทอื่น ๆ ของ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป
โดย Occupancy Rate ของ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เป็นดังนี้
- HOP INN เท่ากับ 70%
- โรงแรมประเภทอื่น ๆ เท่ากับ 40%
HOP INN ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับโรงแรมประเภทอื่น ๆ
เนื่องจากการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่ถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของ HOP INN เริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น
ขณะที่ในช่วงระหว่างปี 2022-2023 ดิ เอราวัณ กรุ๊ป มีแผนที่จะเปิด HOP INN อีก 865 ห้อง ซึ่งตั้งอยู่ทั้งในประเทศไทยและฟิลิปปินส์ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ การเพิ่มเครือข่ายจำนวนโรงแรม HOP INN นั้น
เป็นไปตามกลยุทธ์ของ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป ที่ต้องการลดความเสี่ยงจากการพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติ แล้วหันมาให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น
ซึ่ง HOP INN ก็ถือเป็นหัวหอกสำคัญ
ที่จะช่วยให้เป้าหมายของ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย
ซึ่งเราก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า
หมากเกมนี้ของ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป ที่ใช้ HOP INN มาช่วยขับเคลื่อนการเติบโต จะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน..
References:
-https://www.theerawan.com/th/portfolio/hotels-and-resorts/187/%E0%B8%AE%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%9B-%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2
-http://www.56-1.com/reports/ERW/ERW_13AR_th.pdf
-https://hub.optiwise.io/en/documents/42735/20220223-erw-analystmeeting-4q2021.pdf