เทคนิคการรับมือ กับเจ้านายที่ชอบจู้จี้จุกจิก แบบมืออาชีพ
22 ต.ค. 2021
เทคนิคการรับมือ กับเจ้านายที่ชอบจู้จี้จุกจิก แบบมืออาชีพ | THE BRIEFCASE
..อย่าทำแบบนั้นมันไม่ดี ให้ลองทำแบบนี้ดีกว่า
..ทำงานถึงไหนแล้ว ใกล้เสร็จหรือยัง ?
..ทำไมถึงไม่ถามก่อน เวลาจะตัดสินใจอะไร
คำพูดเหล่านี้คือคำพูดของเจ้านายที่ชอบบริหารแบบ Micromanage หรือ เจ้านายที่ชอบตรวจสอบรายละเอียดทุกอย่างด้วยตัวเอง
เจ้านายประเภทนี้ จะยึดความคิดของตัวเองเป็นหลัก เพราะเขาเชื่อว่าพนักงานไม่มีความสามารถพอ
ส่งผลให้เจ้านายประเภทดังกล่าว ชอบควบคุมทุกอย่างด้วยตนเอง และจะไม่ค่อยไว้ใจใคร
เมื่อเป็นแบบนี้ พนักงานก็จะรู้สึกอึดอัด และนำไปสู่ภาวะเครียดได้ง่ายขึ้น
แล้วเราในฐานะพนักงาน จะมีวิธีรับมือกับเจ้านายนิสัยแบบนี้อย่างไร ?
1. ถ้าหากเราเป็นเขา เราจะทำอย่างไร ?
อันดับแรกเราต้องเข้าใจก่อนว่าถ้าเกิดข้อผิดพลาดในงาน
คนที่จะต้องรับผิดชอบมากที่สุดก็คือ เจ้านายของเรา
ซึ่งสาเหตุด้านความรับผิดชอบนี้ ทำให้ความเครียดของเจ้านายเรามักจะสูงกว่าของเราเสมอ
ดังนั้น การเรียนรู้นิสัยของเจ้านายจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
โดยเราอาจจะลองสังเกตดูว่า เจ้านายเราเครียดเรื่องงานตรงไหน
เราจะทำอย่างไรเพื่อลดความเครียดให้กับพวกเขาได้
ถ้าเราลองคิดมุมกลับ บางทีเราอาจจะเข้าใจเขามากขึ้นก็ได้ว่าทำไมเขาถึงกังวลขนาดนี้
2. ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง และห้ามละเลยการสื่อสาร
เราไม่ต้องรอให้เกิดข้อผิดพลาด แล้วค่อยไปขอคำแนะนำจากเจ้านายของเรา
เราสามารถขอคำแนะนำจากเจ้านายของเราได้เสมอ ถึงแม้ว่าเราจะทำงานดีแล้วก็ตาม
เช่น ไปถามเจ้านายว่า งานตรงไหนที่เราทำดีแล้ว หรือยังมีตรงไหนอีกบ้างที่ควรปรับปรุง
การที่เราถามเช่นนี้ จะทำให้เรารู้ได้ว่าเจ้านายเราชอบการทำงานแบบไหน
การสื่อสารกับเจ้านายอยู่บ่อยครั้งจะทำให้เขาไว้ใจเรามากขึ้น
เขาจะเห็นว่าเราเป็นคนที่ทุ่มเท และพร้อมที่จะปรับปรุงตัวเองอยู่สม่ำเสมอ
3. เราได้ทำให้เจ้านายมั่นใจและวางใจกับเรา ได้จริง ๆ แล้วหรือยัง ?
การที่หัวหน้าจะมอบหมายงานให้เรา โดยที่ไม่ต้องคอยตรวจสอบทุกขั้นตอน
แปลว่าเขาไว้ใจในความสามารถของเรา และเชื่อมั่นในผลงานที่เราจะผลิตให้กับองค์กร
ซึ่งการที่จะทำให้เขาไว้ใจได้นั้น เราก็ต้องตรวจสอบตัวเองให้ดีว่า เราทำงานได้อย่างรอบคอบจริง ๆ แล้วหรือยัง หรือเรามีความสามารถในการมองเห็นปัญหาได้อย่างครบถ้วนแล้วหรือไม่
และวิธีที่จะทำให้เจ้านายไว้เนื้อเชื่อใจ ก็อย่างเช่น ถ้ามีปัญหาอะไรให้รีบแจ้งต่อเจ้านายของเรา อย่ารอให้สายเกินไป
หรือถ้าไม่รู้อะไรหรือสงสัยข้อไหนก็ให้ถามจนกว่าจะเข้าใจ อย่าเดา หรือคิดเอาเองแบบไม่มีเหตุผลมาสนับสนุน
ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยให้เราเข้าใจภาพในการทำงานมากขึ้น ลดข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นต่องานของเรา และส่งผลให้เจ้านายไว้ใจเรามากขึ้นนั่นเอง
จริง ๆ แล้วการมีเจ้านายที่ชอบตรวจสอบรายละเอียดก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดีคือ องค์กรจะลดความเสี่ยงจากการทำผิดพลาดของพนักงานที่ขาดประสบการณ์
ส่วนข้อเสียคือ พนักงานจะไม่มีความสุขในการทำงาน
เพราะพนักงานจะรู้สึกว่ามีคนกำลังเฝ้ามองเขาอยู่ตลอด ทำให้ไม่มั่นใจในการทำงาน และอย่างเลวร้ายที่สุดก็คือ ทีมงานอาจจะไม่กล้าคิดหรือกล้าทำอะไรเลย เพราะรู้สึกเหมือนมีคนคอยจ้องจับผิด
จริง ๆ แล้วปัญหานี้ ในมุมมองของคนเป็นหัวหน้า
ก็อาจคิดว่าต้องจู้จี้ เพราะงานจะได้ออกมาเพอร์เฟกต์ที่สุด
แต่ในมุมของลูกน้อง หลายคนก็มั่นใจว่าตัวเองทำได้ดี
โดยไม่ต้องให้คนเป็นหัวหน้ามาชี้แนะตลอดเวลาก็ได้
เพราะฉะนั้น จะทำให้ปัญหานี้หมดไป
ก็คงต้องหาสมดุลระหว่างสองฝ่ายกันให้ดี
ที่สำคัญคือ ต่างฝ่ายต่างต้องมีความเป็น “มืออาชีพ”
และไม่ใช้อารมณ์ มาเป็นตัวนำ ในการปรับตัวเข้าหากัน..
References
-https://www.indeed.com/career-advice/career-development/how-to-deal-with-a-difficult-boss
-https://www.indeed.com/career-advice/career-development/micromanager
-https://www.indeed.com/career-advice/career-development/micromanagement
..อย่าทำแบบนั้นมันไม่ดี ให้ลองทำแบบนี้ดีกว่า
..ทำงานถึงไหนแล้ว ใกล้เสร็จหรือยัง ?
..ทำไมถึงไม่ถามก่อน เวลาจะตัดสินใจอะไร
คำพูดเหล่านี้คือคำพูดของเจ้านายที่ชอบบริหารแบบ Micromanage หรือ เจ้านายที่ชอบตรวจสอบรายละเอียดทุกอย่างด้วยตัวเอง
เจ้านายประเภทนี้ จะยึดความคิดของตัวเองเป็นหลัก เพราะเขาเชื่อว่าพนักงานไม่มีความสามารถพอ
ส่งผลให้เจ้านายประเภทดังกล่าว ชอบควบคุมทุกอย่างด้วยตนเอง และจะไม่ค่อยไว้ใจใคร
เมื่อเป็นแบบนี้ พนักงานก็จะรู้สึกอึดอัด และนำไปสู่ภาวะเครียดได้ง่ายขึ้น
แล้วเราในฐานะพนักงาน จะมีวิธีรับมือกับเจ้านายนิสัยแบบนี้อย่างไร ?
1. ถ้าหากเราเป็นเขา เราจะทำอย่างไร ?
อันดับแรกเราต้องเข้าใจก่อนว่าถ้าเกิดข้อผิดพลาดในงาน
คนที่จะต้องรับผิดชอบมากที่สุดก็คือ เจ้านายของเรา
ซึ่งสาเหตุด้านความรับผิดชอบนี้ ทำให้ความเครียดของเจ้านายเรามักจะสูงกว่าของเราเสมอ
ดังนั้น การเรียนรู้นิสัยของเจ้านายจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
โดยเราอาจจะลองสังเกตดูว่า เจ้านายเราเครียดเรื่องงานตรงไหน
เราจะทำอย่างไรเพื่อลดความเครียดให้กับพวกเขาได้
ถ้าเราลองคิดมุมกลับ บางทีเราอาจจะเข้าใจเขามากขึ้นก็ได้ว่าทำไมเขาถึงกังวลขนาดนี้
2. ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง และห้ามละเลยการสื่อสาร
เราไม่ต้องรอให้เกิดข้อผิดพลาด แล้วค่อยไปขอคำแนะนำจากเจ้านายของเรา
เราสามารถขอคำแนะนำจากเจ้านายของเราได้เสมอ ถึงแม้ว่าเราจะทำงานดีแล้วก็ตาม
เช่น ไปถามเจ้านายว่า งานตรงไหนที่เราทำดีแล้ว หรือยังมีตรงไหนอีกบ้างที่ควรปรับปรุง
การที่เราถามเช่นนี้ จะทำให้เรารู้ได้ว่าเจ้านายเราชอบการทำงานแบบไหน
การสื่อสารกับเจ้านายอยู่บ่อยครั้งจะทำให้เขาไว้ใจเรามากขึ้น
เขาจะเห็นว่าเราเป็นคนที่ทุ่มเท และพร้อมที่จะปรับปรุงตัวเองอยู่สม่ำเสมอ
3. เราได้ทำให้เจ้านายมั่นใจและวางใจกับเรา ได้จริง ๆ แล้วหรือยัง ?
การที่หัวหน้าจะมอบหมายงานให้เรา โดยที่ไม่ต้องคอยตรวจสอบทุกขั้นตอน
แปลว่าเขาไว้ใจในความสามารถของเรา และเชื่อมั่นในผลงานที่เราจะผลิตให้กับองค์กร
ซึ่งการที่จะทำให้เขาไว้ใจได้นั้น เราก็ต้องตรวจสอบตัวเองให้ดีว่า เราทำงานได้อย่างรอบคอบจริง ๆ แล้วหรือยัง หรือเรามีความสามารถในการมองเห็นปัญหาได้อย่างครบถ้วนแล้วหรือไม่
และวิธีที่จะทำให้เจ้านายไว้เนื้อเชื่อใจ ก็อย่างเช่น ถ้ามีปัญหาอะไรให้รีบแจ้งต่อเจ้านายของเรา อย่ารอให้สายเกินไป
หรือถ้าไม่รู้อะไรหรือสงสัยข้อไหนก็ให้ถามจนกว่าจะเข้าใจ อย่าเดา หรือคิดเอาเองแบบไม่มีเหตุผลมาสนับสนุน
ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยให้เราเข้าใจภาพในการทำงานมากขึ้น ลดข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นต่องานของเรา และส่งผลให้เจ้านายไว้ใจเรามากขึ้นนั่นเอง
จริง ๆ แล้วการมีเจ้านายที่ชอบตรวจสอบรายละเอียดก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดีคือ องค์กรจะลดความเสี่ยงจากการทำผิดพลาดของพนักงานที่ขาดประสบการณ์
ส่วนข้อเสียคือ พนักงานจะไม่มีความสุขในการทำงาน
เพราะพนักงานจะรู้สึกว่ามีคนกำลังเฝ้ามองเขาอยู่ตลอด ทำให้ไม่มั่นใจในการทำงาน และอย่างเลวร้ายที่สุดก็คือ ทีมงานอาจจะไม่กล้าคิดหรือกล้าทำอะไรเลย เพราะรู้สึกเหมือนมีคนคอยจ้องจับผิด
จริง ๆ แล้วปัญหานี้ ในมุมมองของคนเป็นหัวหน้า
ก็อาจคิดว่าต้องจู้จี้ เพราะงานจะได้ออกมาเพอร์เฟกต์ที่สุด
แต่ในมุมของลูกน้อง หลายคนก็มั่นใจว่าตัวเองทำได้ดี
โดยไม่ต้องให้คนเป็นหัวหน้ามาชี้แนะตลอดเวลาก็ได้
เพราะฉะนั้น จะทำให้ปัญหานี้หมดไป
ก็คงต้องหาสมดุลระหว่างสองฝ่ายกันให้ดี
ที่สำคัญคือ ต่างฝ่ายต่างต้องมีความเป็น “มืออาชีพ”
และไม่ใช้อารมณ์ มาเป็นตัวนำ ในการปรับตัวเข้าหากัน..
References
-https://www.indeed.com/career-advice/career-development/how-to-deal-with-a-difficult-boss
-https://www.indeed.com/career-advice/career-development/micromanager
-https://www.indeed.com/career-advice/career-development/micromanagement