Mark D. Cook จากครอบครัวชาวไร่ สู่นักเทรด ที่เคยมีชื่อเสียง แห่ง Wall Street /โดย ลงทุนแมน
ในประวัติศาสตร์ของตลาดทุน จะมีชื่อของนักเทรดหลายคน ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นพ่อมดนักเทรด หรือพ่อมดการเงิน

ซึ่งบทความนี้จะกล่าวถึง นักเทรดที่เคยมีชื่อเสียงคนหนึ่งในวงการ Wall Street

เขามาจากครอบครัวชาวเกษตรกร
และเขาได้ขายวัว เพื่อเอาเงินจำนวน 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ มาเริ่มต้นเทรดหุ้น

เขาคนนั้นชื่อว่า คุณ Mark D. Cook

ใครเคยอ่านหนังสือ Stock Market Wizards: พ่อมดเซียนหุ้นแห่งวอลสตรีท ที่เขียนโดยคุณ Jack Schwager

น่าจะคุ้นชื่อคุณ Mark D. Cook กันดี เพราะเขาเป็นหนึ่งในเทรดเดอร์ที่ให้สัมภาษณ์ในหนังสือ

สไตล์การเทรดของเขา มักจะเทรดอนุพันธ์ ที่อ้างอิงกับดัชนี S&P 500 ด้วยวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิค

และคุณ Mark D. Cook ก็มักชอบเข้าร่วมรายการแข่งขันเกี่ยวกับการเทรดหลายรายการ ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ใช้เงินจริง และมีการตรวจสอบผลการเทรดอย่างเข้มงวด

เขาทำผลตอบแทนได้ 89% จากการแข่งขันเทรดระยะเวลา 4 เดือน ในปี 1989

และในปี 1992 และปีถัดมา เขาสร้างผลตอบแทนได้ถึง 563% และ 322% จากการแข่งขันแบบรายปี ติดต่อกัน 2 ปี

ตลอด 6 ปีถัดมา ผลตอบแทนต่อปีของเขาอยู่ในช่วง 30% ไปจนถึงระดับสูงสุดที่น่าทึ่งถึง 1,422%

และจากประวัติการซื้อขาย 4 ปี จากจำนวนวันที่เทรดทั้งหมด มี 87% เป็นวันเทรดที่มีกำไร..

คุณ Mark D. Cook ใช้กลยุทธ์ไหน ในการเอาชนะการเทรด ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
คุณ Mark D. Cook เกิดเมื่อวันที่ 5 มกราคม 1954 ในครอบครัวเกษตรกร ที่รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา

เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านธุรกิจและเกษตรกรรม จากมหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตต ในปี 1976

หลังเรียนจบ คุณ Mark D. Cook ได้เข้าทำงานเป็นนายหน้าซื้อขายหุ้น

โดยหุ้นตัวแรกที่เขาซื้อคือ Columbia Pictures ในปี 1977 ซึ่งเลือกลงทุนเพราะเชื่อมั่นในความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่อง Close Encounters of the Third Kind ที่เพิ่งออกฉายในขณะนั้น

และหลังจากหุ้น ต่อมาปี 1978 เขาก็เริ่มสนใจการเทรดออปชัน (Options) และสร้างระบบเทรดที่ใช้หลักการขายออปชัน เมื่อค่าพรีเมียมของออปชันสูงเกินไป

ออปชัน คือเครื่องมือทางการเงินประเภทหนึ่ง ที่ให้ “สิทธิ” แก่ผู้ถือในการซื้อ (เรียกว่า Call Options) หรือขาย (เรียกว่า Put Options) ในสินทรัพย์อ้างอิง เช่น หุ้น, ดัชนีหลักทรัพย์ หรือสินค้าโภคภัณฑ์ ในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ภายในระยะเวลาที่กำหนด

ซึ่งการจะเป็นผู้ถือออปชันได้นั้น ต้องจ่ายค่าซื้อสิทธิ หรือค่าพรีเมียมของออปชัน ให้ผู้ขายออปชัน

ค่าพรีเมียม จึงเป็นราคาที่ต้องจ่ายเพื่อแลกกับสิทธิในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ในอนาคต นั่นเอง

แต่จุดสำคัญคือ ผู้ถือออปชัน “ไม่จำเป็นต้องใช้สิทธินั้น” ก็ได้

ลองนึกภาพง่าย ๆ เหมือนเราจองคอนโดฯ ไว้ห้องหนึ่ง โดยจ่ายเงินจอง (เสมือนค่าพรีเมียมของออปชัน) เพียงเล็กน้อย ก็จะได้ “สิทธิ” ในการซื้อคอนโดฯ นั้นในราคาที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า

แต่ถ้าในอนาคตเราเกิดเปลี่ยนใจไม่อยากซื้อ หรือเห็นราคาคอนโดฯ ในตลาดดีกว่าราคาในใบจอง เราก็สามารถเลือก “ไม่ใช้สิทธิ” ทิ้งเงินจองไป แล้วไม่ต้องซื้อห้องนั้นก็ได้

กลับมาที่คุณ Mark D. Cook ช่วงแรก ๆ กลยุทธ์ของเขาทำกำไรได้ดี เพราะเขาเลือก ขายออปชันที่เป็นแบบ Out-of-the-money คือ ราคาที่ใช้สิทธิของออปชัน (Strike Price) ห่างจากราคาสินทรัพย์อ้างอิงในตลาดมาก

ตัวอย่างเช่น ถ้าราคาหุ้นอยู่ที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐ เขาอาจขาย Call Options ที่ราคาใช้สิทธิ 120 ดอลลาร์สหรัฐ และได้รับค่าพรีเมียมมา 5 ดอลลาร์สหรัฐ

ซึ่งถ้าราคาหุ้นในตลาด ในช่วงที่ Call Options ยังไม่หมดอายุ ปรับตัวไม่สูงกว่า 125 ดอลลาร์สหรัฐ​ (120 + 5) ผู้ซื้อ Call Options ก็จะไม่ใช้สิทธิ และเสียค่าพรีเมียมไปเปล่า ๆ

เพราะถ้าใช้สิทธิ จะขาดทุน เนื่องจากซื้อหุ้นในตลาดถูกกว่าราคาใช้สิทธิ

ส่วนคนขาย Call Options อย่างคุณ Mark D. Cook ก็ได้กำไรเข้ากระเป๋าเต็มจำนวน จากค่าพรีเมียม นั่นเอง

ซึ่งรูปแบบและกลยุทธ์การเทรดออปชันนั้น มีหลากหลาย ตั้งแต่แบบเบสิก ไปจนถึงซับซ้อนสูง

แต่ก็ใช่ว่า เส้นทางการเทรดของคุณ Mark D. Cook จะไม่เคยเจออุปสรรคเลย ซึ่งจริง ๆ แล้วเขาก็เจออยู่หลายครั้ง..

อย่างในปี 1982 คุณ Mark D. Cook ประสบกับเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดในชีวิตการเทรด

เขาได้ขาย Naked Call Options บนหุ้น Cities Service โดยที่ตัวเขาไม่ได้ถือหุ้นรองรับไว้เลย

(Naked Call คือ การที่คนขาย Call Options ไม่ได้ซื้อหุ้นเก็บไว้ตั้งแต่แรก เพื่อเตรียมส่งมอบ ถ้าคนซื้อ Call Options เลือกใช้สิทธิ
วิธีนี้จึงทำให้คนขายได้รับค่าพรีเมียมทันที โดยไม่ต้องลงทุนซื้อหุ้นก่อน

ในขณะที่หากคนขาย Call Options มีหุ้นในมืออยู่แล้ว จะเรียกว่า การขาย Covered Call)

คุณ Mark D. Cook เดิมพันว่า ราคาหุ้น Cities Service จะไม่ปรับตัวขึ้นเกินราคาที่ระบุไว้ในสัญญาออปชัน

ถ้าเขาคิดถูก จะได้กำไรจากค่าพรีเมียมของออปชัน
แต่เหตุการณ์กลับพลิกผันอย่างแรง.. เมื่อมีข่าวว่า Cities Service กำลังจะถูกเทกโอเวอร์

ทำให้ราคาหุ้นพุ่งทะลุระดับราคาที่เขาขาย Call Options ไว้ทุกสัญญา ส่งผลให้เขาขาดทุนจำนวนมาก บัญชีส่วนตัวจากที่มีอยู่ 165,000 ดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็น -350,000 ดอลลาร์สหรัฐ ทันที

และเมื่อรวมกับบัญชีของสมาชิกในครอบครัว ที่เขาช่วยบริหาร ยอดขาดทุนรวมพุ่งสูงถึง -815,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ตอนนั้นคุณ Mark D. Cook อายุเพียง 28 ปี ทำให้เขาต้องทำงานที่ฟาร์ม ควบคู่ไปกับทำงานเป็นโบรกเกอร์ เพื่อใช้หนี้จากการเทรดพลาดครั้งนั้น

แม้จะพลาด จนขาดทุนหนัก แต่คุณ Mark D. Cook ก็ยังไม่ยอมแพ้กับเส้นทางการเทรด

ในปี 1986 เขาได้พัฒนาอินดิเคเตอร์ Cumulative Tick เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงจำนวนหุ้นที่ปิดบวกและปิดลบ ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก

เพื่อเอาไว้บอกว่า ตลาดช่วงนี้ มีแรงซื้อมากเกินไป หรือแรงขายมากเกินไป

คุณ Mark D. Cook เชื่อว่า โอกาสซื้อที่ยอดเยี่ยมใน Call Options ที่มีสินทรัพย์อ้างอิงเป็นดัชนีหุ้นนั้น ต้องมี 2 ปัจจัยร่วมกัน คือ

Cumulative Tick มีสัญญาณขายมากเกินไป ประกอบกับความผันผวนที่ลดลง จนทำให้พรีเมียมของออปชันถูกมาก (ยิ่งสินทรัพย์อ้างอิง มีความผันผวนมาก พรีเมียมของออปชัน จะยิ่งสูง)

อีกทั้ง ตาทวด เคยบอกคุณ Mark D. Cook ว่า “ให้ซื้อของตอนที่ไม่มีใครอยากได้ และขายมันตอนที่คนอยากได้”

ซึ่งคุณ Mark D. Cook ก็ได้นำคำสอนของตาทวด มาปรับใช้กับการเทรดออปชันได้อย่างน่าสนใจ

ปี 1987 เป็นปีที่เขาทำกำไรก้อนใหญ่
โดยเอาเงิน 55,000 ดอลลาร์สหรัฐ ไปซื้อ Call Options ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ และปิดสถานะออปชันนั้น ด้วยกำไร 1,400,000 ดอลลาร์สหรัฐ
และทำให้ความมั่นใจของเขาเริ่มกลับมา

คุณ Mark D. Cook ยังได้เข้าแข่งขัน U.S. Investing Championship รายการแข่งขันเทรดระดับโลก ในรอบ 4 เดือน โดยเขาจบที่อันดับ 2 ด้วยผลกำไร 89%

ในปี 1992 คุณ Mark D. Cook ได้เข้าแข่งขัน U.S. Investing Championship อีกครั้ง ซึ่งตอนนั้นขยายจากการแข่งจาก 4 เดือน เป็นแข่ง 1 ปีเต็ม

และเขาชนะการแข่งขัน ด้วยผลตอบแทนที่สูงถึง 563% ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ของการแข่งขันนี้

เรื่องนี้ทำให้ชื่อของคุณ Mark D. Cook เริ่มเป็นที่ถูกพูดถึงใน Wall Street รวมถึงสื่อการเงินชื่อดัง

ซึ่งคุณ Mark D. Cook ได้แนะนำนักลงทุนหน้าใหม่ ที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดว่า ควรมองการเทรดเป็นอาชีพ ไม่ใช่งานอดิเรก

ตัวอย่างคำถามที่นักเทรด ควรถามตัวเองให้ได้

ควรรู้ว่า จะเทรดตลาดอะไร ?
ต้องมีเงินทุนเท่าไร ?
ต้องส่งคำสั่งซื้อขายอย่างไร ?
ขาดทุนได้เท่าไร ?
ตั้งเป้ากำไรไว้เท่าไร ?
ใช้อะไรในการวิเคราะห์การเทรด ?
จะทำอย่างไร ถ้าปัญหาส่วนตัวกระทบกับการเทรด ?
จะจัดสภาพแวดล้อมการทำงานอย่างไร ?
จะให้รางวัลตัวเองอย่างไร ถ้าตัวเองประสบความสำเร็จ ?
แล้วจะพัฒนาการเทรดของตัวเองได้อย่างไร ?

แม้คุณ Mark D. Cook ได้จากไปแล้วอย่างสงบ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2021 ขณะอายุ 67 ปี

แต่วันนี้ชื่อของเขา ยังได้การรับรู้จากนักเทรดรุ่นใหม่ ๆ ผ่านหนังสือ Stock Market Wizards

สุดท้าย เราได้เห็นว่า จากเด็กหนุ่มในครอบครัวเกษตรกรที่เลี้ยงวัว และทำงานในฟาร์ม

คุณ Mark D. Cook เติบโตมาอย่างเรียบง่ายในรัฐโอไฮโอ แต่เขาไม่เคยจำกัดตัวเองให้อยู่แค่ในคอกวัวหรือไร่นา

เขาเลือกเดินเข้าสู่โลกของตลาดทุน โลกของการเทรด ด้วยเงินก้อนแรกจากการขายวัวของตัวเอง

เขาเคยล้มอย่างหนักจนติดหนี้หลายแสนดอลลาร์สหรัฐ ต้องทำงานทั้งในฟาร์มและเป็นโบรกเกอร์ เพื่อกอบกู้สถานการณ์

แต่เขาไม่เคยยอมแพ้

คุณ Mark D. Cook ใช้เวลาศึกษา พัฒนา และฝึกฝนตัวเองอย่างต่อเนื่อง

จนสามารถลุกกลับมาพลิกสถานการณ์ และกลายเป็นหนึ่งในนักเทรด ที่ใช้ชีวิตได้เป็นที่น่าจดจำ
╔═══════════╗
ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.gordonfuneralhomes.com/obituary/Mark-Cook?utm_source=chatgpt.com
-หนังสือ Stock Market Wizards: Interviews With America’s Top Stock Traders โดย Jack Schwager