
Pablo Escobar ราชาโคเคน ที่ยิ่งใหญ่สุดในโลก
Pablo Escobar ราชาโคเคน ที่ยิ่งใหญ่สุดในโลก / โดย ลงทุนแมน
“ภายในเวลา 5 ปี นับจากนี้ถ้าผมยังไม่มีเงินล้าน ผมจะยิงตัวตาย”
เป็นประโยคของเด็กหนุ่มชาวโคลอมเบียที่พูดเอาไว้เมื่อตอนที่เขาอายุ 20 ปี
ซึ่งเขาก็ทำได้จริงๆ เมื่อตอนอายุ 22 ปี
ที่น่าสนใจคือ หลายปีผ่านไป
ในวันที่เขาเสียชีวิตนั้น เขามีทรัพย์สินถึง 1,800,000,000,000 บาท (1.8 ล้านล้านบาท) ด้วยเงินจำนวนนี้ทำให้เขาเป็นเศรษฐีที่มีเงินมากกว่า เสี่ยเจริญ หรือ เสี่ยธนินท์ ในปัจจุบันเสียอีก
เป็นประโยคของเด็กหนุ่มชาวโคลอมเบียที่พูดเอาไว้เมื่อตอนที่เขาอายุ 20 ปี
ซึ่งเขาก็ทำได้จริงๆ เมื่อตอนอายุ 22 ปี
ที่น่าสนใจคือ หลายปีผ่านไป
ในวันที่เขาเสียชีวิตนั้น เขามีทรัพย์สินถึง 1,800,000,000,000 บาท (1.8 ล้านล้านบาท) ด้วยเงินจำนวนนี้ทำให้เขาเป็นเศรษฐีที่มีเงินมากกว่า เสี่ยเจริญ หรือ เสี่ยธนินท์ ในปัจจุบันเสียอีก
ชายผู้นี้คือ Pablo Escobar ราชาโคเคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
เรื่องราวของเขาเป็นอย่างไร วันนี้ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
Pablo Escobar เกิดเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 1949 ที่ประเทศโคลอมเบีย เขาเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่ยากจนซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองเมเดยินซึ่งเป็นเมืองที่มีการค้ายาเสพติดมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศโคลอมเบีย
ชีวิตของเขาเริ่มเข้าสู่ด้านมืดตั้งแต่วัยรุ่น..
เริ่มแรกเขามักจะไปขโมยหินบริเวณหลุมฝังศพและทราย เพื่อส่งไปขายให้แก่กลุ่มคนที่ลักลอบขายสินค้าผิดกฎหมาย ไปจนถึงขายลอตเตอรี่ปลอม ขายบุหรี่เถื่อน ขโมยรถ ลักพาตัว และเรียกค่าไถ่
ในปี 1975 เขาเริ่มเข้าสู่วงการค้ายาโดยการผลิตและขายโคเคน ซึ่งเขาจะซื้อใบโคคามาจากประเทศเปรู เพื่อมาสกัดเป็นผงโคเคนในห้องแล็บที่เขาสร้างขึ้น โดยมีนักปรุงโคเคนถึง 19 คน เพื่อผลิตโคเคน หลังจากนั้นจึงจัดส่งไปยังประเทศต่างๆ
โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาคาดกันว่า จำนวนโคเคนที่เขาขนเข้าไปนั้น มีจำนวนกว่า 70 - 80 ตันต่อเดือน ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีความต้องการโคเคนในสหรัฐอเมริกาสูงมาก
ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 กลุ่มของ Pablo Escobar จึงกุมส่วนแบ่งกว่า 80% ของตลาดโคเคนทั่วโลก
ช่วงหนึ่งที่ธุรกิจมืดอันนี้ของเขารุ่งเรืองสุดๆ เขาสามารถสร้างรายได้ถึงวันละ 2,142 ล้านบาท หรือกว่า 781,000 ล้านบาทต่อปี จนทำให้เขาเคยเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกลำดับที่ 7 ถึง 7 ปีซ้อนระหว่างปี 1987 - 1993
ที่น่าสนใจคือ สมัยนั้นหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐอเมริกาหรือ CIA คาดว่า Pablo Escobar น่าจะมีการขุดหลุมฝังเงินไว้ประมาณ 100 แห่ง แต่ละแห่งน่าจะซ่อนเงินไว้ไม่ต่ำกว่า 17,500 - 30,500 ล้านบาท
ต่อมารัฐบาลโคลอมเบียต้องการกวาดล้างแก๊งมาเฟียและแก๊งค้ายา รัฐมนตรีคนหนึ่งจึงสั่งให้ทำลายแหล่งผลิตโคเคนทั้งหมด รวมทั้งของ Pablo Escobar เหตุการณ์นี้ทำให้เขายอมไม่ได้ จึงสั่งให้ลูกน้องไปจัดการรัฐมนตรีคนดังกล่าว
ในสายตาของทางการนั้น เขาคืออาชญากรและนักค้ายาเบอร์ 1 ที่ต้องถูกกำจัด ถึงขนาดที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลโคลอมเบียร่วมมือกันเพื่อกวาดล้างแก๊งค้ายาของเขา
แต่ในสายตาของคนยากไร้นั้นเขาคือ โรบินฮู้ด เพราะ Pablo Escobar มักจะนำเงินไปช่วยเหลือคนยากจน เช่น ไปสร้างที่อยู่อาศัย สร้างสาธารณูปโภคต่างๆ ให้คนที่เดือดร้อนอยู่เสมอ ทำให้ชาวโคลอมเบียจำนวนไม่น้อยศรัทธาในตัวเขามาก
แต่ในสายตาของคนยากไร้นั้นเขาคือ โรบินฮู้ด เพราะ Pablo Escobar มักจะนำเงินไปช่วยเหลือคนยากจน เช่น ไปสร้างที่อยู่อาศัย สร้างสาธารณูปโภคต่างๆ ให้คนที่เดือดร้อนอยู่เสมอ ทำให้ชาวโคลอมเบียจำนวนไม่น้อยศรัทธาในตัวเขามาก
สุดท้าย ในปี 1991 เขาได้ทำข้อตกลงที่จะมอบตัวกับรัฐบาลโคลอมเบีย แต่จะขออยู่ในคุกที่เขาสร้างขึ้นมาเอง ซึ่งในคุกนี้มีทั้งสนามฟุตบอล โซนย่างบาร์บีคิว และบ้านพักชั่วคราวเพื่อให้เพื่อนหรือญาติของเขามาพักระหว่างที่มาเยี่ยมเขา
แม้จะอยู่ในคุกส่วนตัว เขาก็ยังสั่งลูกน้องให้ไปจัดการกับศัตรูฝั่งตรงข้ามเสมอ
จนในปี 1992 ประธานาธิบดีเซซาร์ สั่งให้จับกุมตัว Pablo Escobar แต่เขาดันไหวตัวทันและหลบหนีไปก่อน
แต่สุดท้ายก็มาถูกสังหารโดยตำรวจโคลอมเบียในปี 1993 ซึ่งเป็นการปิดฉากตำนานอาชญากรและพ่อค้าโคเคนรายใหญ่ของโลกในที่สุด
เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่าต่อให้เรารวยแค่ไหน แต่ถ้าเป็นการรวยที่ผิดวิธี สุดท้ายก็จบไม่สวยทุกคน
ชื่อเสียงและเรื่องราวของ Pablo Escobar นั้นโด่งดังมาก ถึงขนาด Netflix มีการเอาไปสร้างเป็นซีรีส์หนังเรื่อง Narcos ด้วย ซึ่งเริ่มฉายตั้งแต่ปี 2015
ถึงแม้วันนี้ Pablo Escobar จะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ประเทศโคลอมเบียก็ยังเป็นแหล่งผลิตโคเคนมากที่สุดในโลก เนื่องจากมีพื้นที่เพาะปลูกต้นโคคา ที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตโคเคนกว่า 994,000 ไร่
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
ในช่วงที่ Pablo Escobar กำลังรุ่งเรือง เขามีเงินเยอะมากถึงขนาด ต้องใช้เงินกว่า 90,000 บาท เพื่อซื้อหนังยางมารัดเงินสด
มีครั้งหนึ่งตอนอากาศหนาว เขาเป็นห่วงลูกสาวของเขา เขาจึงนำธนบัตรจำนวนกว่า 66 ล้านบาท มาเผาเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับลูกสาว
และเวลาที่เขาได้เงินจากการค้าโคเคนในช่วงนั้น เขาจะไม่ใช้วิธีนับเงิน แต่ใช้วิธีชั่งเงิน เพราะมันเสียเวลานั่นเอง..
----------------------
References
- https://en.wikipedia.org/wiki/Pablo_Escobar
-https://themomentum.co/something-between-pablo-escobar/
- http://kitttiya.blogspot.com/p/blog-page_31.html
- https://www.youtube.com/watch?v=Xn1AeHqoRPo
- https://www.businessinsider.com/pablo-escobar-burned-2-million-2015-9
-https://www.youtube.com/watch?v=gAFt0J3Uu5U
- https://www.wtfintheworld.com/2018/09/15/pablo-escobar-4441/
----------------------
References
- https://en.wikipedia.org/wiki/Pablo_Escobar
-https://themomentum.co/something-between-pablo-escobar/
- http://kitttiya.blogspot.com/p/blog-page_31.html
- https://www.youtube.com/watch?v=Xn1AeHqoRPo
- https://www.businessinsider.com/pablo-escobar-burned-2-million-2015-9
-https://www.youtube.com/watch?v=gAFt0J3Uu5U
- https://www.wtfintheworld.com/2018/09/15/pablo-escobar-4441/