Marlboro ธุรกิจมะเร็งปอดล้านล้าน

Marlboro ธุรกิจมะเร็งปอดล้านล้าน

11 เม.ย. 2019
Marlboro ธุรกิจมะเร็งปอดล้านล้าน / โดย ลงทุนแมน
จากการจัดอันดับมูลค่าแบรนด์ของ Forbes ในปี 2018
อันดับ 1 บริษัท Apple 5.8 ล้านล้านบาท
อันดับ 2 บริษัท Google 4.2 ล้านล้านบาท
อันดับ 3 บริษัท Microsoft 3.3 ล้านล้านบาท
แต่หนึ่งในแบรนด์ที่น่าสนใจคือ บุหรี่ Marlboro
ที่ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 22 มีมูลค่าแบรนด์ประมาณ 8.4 แสนล้านบาท
มากกว่าทั้ง Honda, Walmart, Visa, Pepsi รวมไปถึง L'Oréal..
แล้วเรื่องราวของ Marlboro น่าสนใจอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
กว่า 170 ปีก่อน..
คุณ Philip Morris เริ่มต้นทำธุรกิจผลิต และจัดจำหน่ายยาสูบ
ที่ละแวก Bond Street ประเทศอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม คุณ Philip Morris
เสียชีวิตลงในวัยเพียง 38 ปีด้วยโรคมะเร็ง..
จากนั้นมา ธุรกิจยาสูบของตระกูล Morris ถูกส่งต่อ จากรุ่นสู่รุ่น และเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
โตจนสามารถขยายกิจการไปต่างประเทศ
จนกระทั่งในปี 1902 บริษัท Philip Morris & Co. Ltd.
ได้ถูกก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในนครนิวยอร์ก
และในช่วงเวลานั้นเองที่แบรนด์ Marlboro ได้เริ่มผลิตขึ้นเป็นครั้งแรก
จริงๆ แล้ว Marlboro ถูกผลิตขึ้นให้เป็นแบรนด์ยาสูบสำหรับผู้หญิง
โดยออกแบบ ด้ามจับเป็นสีแดง เพราะเวลาผู้หญิงสูบ Marlboro สีของลิปสติกจะได้กลืนไปกับที่จับ..
ที่น่าสนใจคือ สมัยนั้น Marlboro มีส่วนแบ่งการตลาด คิดเป็นเพียง 1% ของธุรกิจยาสูบ
แต่ตอนนี้ Marlboro กลายมาเป็นแบรนด์ระดับโลกได้

แล้วบริษัท Philip Morris & Co. Ltd. มีกลยุทธ์อย่างไร?
เรื่องแรกก็คือ กลยุทธ์การตลาดที่ทำแคมเปญร่วมกับ นักยกน้ำหนัก ทหาร รวมไปถึง คาวบอย
เหตุผลหลักๆ ก็เพื่อปรับรูปลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูเข้มแข็ง ดุดัน เจาะกลุ่มตลาดผู้ชายมากขึ้น
พอมีภาพลักษณ์บนสื่อเป็นสิ่งดึงดูด ว่าสูบแล้วดูดี ดูเข้มแข็ง
ลูกค้าก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งในระหว่างปี 1950 แม้นักวิทยาศาสตร์จะยืนยันแล้วว่า บุหรี่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ และส่งผลรุนแรงถึงขั้นที่ทำให้เราเป็นมะเร็งปอด แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทันเสียแล้ว..
เมื่อรวมกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์ และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
2 สิ่งนี้ทำให้แบรนด์ Marlboro เริ่มฮิตติดตลาด
จนกลายมาเป็น 1 ใน 4 แบรนด์ยาสูบที่ฮิตสุดในยุคนั้น..
เมื่อธุรกิจเริ่มเป็นที่รู้จักได้ดีในสหรัฐอเมริกา
Philip Morris จึงเริ่มขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ กลายเป็นอาณาจักรยาสูบที่ใหญ่ขนาดที่ต้องแยกออกเป็น
บริษัท Altria Group, Inc. เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจในสหรัฐอเมริกา
และอีกบริษัทคือ Philip Morris International Inc. เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจขายบุหรี่ในต่างประเทศภายใต้แบรนด์ Marlboro, L&M, Benson & Hedges และอื่นๆ
รายได้และกำไรของบริษัท Altria Group, Inc.
ปี 2016 รายได้ 6.1 แสนล้านบาท กำไร 4.5 แสนล้านบาท
ปี 2017 รายได้ 6.2 แสนล้านบาท กำไร 3.2 แสนล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 8.0 แสนล้านบาท กำไร 2.2 แสนล้านบาท
รายได้และกำไรของบริษัท Philip Morris International Inc.
ปี 2016 รายได้ 8.5 แสนล้านบาท กำไร 2.2 แสนล้านบาท
ปี 2017 รายได้ 9.1 แสนล้านบาท กำไร 1.9 แสนล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 9.4 แสนล้านบาท กำไร 2.5 แสนล้านบาท
ปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ของบริษัท Philip Morris มาจาก 2 ส่วนหลักๆ คือ
ยาสูบที่อาศัยการเผาไหม้ (Combustible Products)
ยาสูบที่ลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ (Reduced-Risk Products) หรือ ผลิตภัณฑ์ IQOS
นวัตกรรมบนผลิตภัณฑ์ IQOS จะมีอุปกรณ์เสียบกับตัวบุหรี่
โดยหลักการแล้วจะทำงานโดยใช้ไฟฟ้าทำให้เกิดความร้อน แทนการเผาไหม้
เรื่องนี้จะช่วยลด การเกิดสารเคมีทาร์ ที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ก่อให้เกิดมะเร็งปอด
สัดส่วนยาสูบประเภทลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของบริษัท Philip Morris
ปี 2016 มีสัดส่วน 2.7%
ปี 2017 มีสัดส่วน 12.6%
ปี 2018 มีสัดส่วน 13.8%
จากตัวเลขแสดงให้เห็นว่า Philip Morris ก็เริ่มที่จะผันธุรกิจตัวเองไปอีกผลิตภัณฑ์หนึ่ง
ในวันที่รู้ว่า คนทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น
ปัจจุบันบริษัท Philip Morris International มีมูลค่า 4.2 ล้านล้านบาท เป็นบริษัทผลิต และจัดจำหน่ายยาสูบใหญ่สุดในโลก ในขณะที่ Altria ซึ่งทำธุรกิจในสหรัฐอเมริกาก็มีมูลค่าสูงถึง 3.3 ล้านล้านบาท..
อย่างไรก็ตาม
ถ้าถามว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่จะผลักดันให้ผู้ผลิตยาสูบเติบโตต่อไปได้ในอนาคต
ก็คงหนีไม่พ้น การวิจัยพัฒนาที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ลดความเสี่ยงเรื่องสุขภาพของมนุษย์ได้ดีขึ้น
แต่ถ้าถามลงทุนแมนว่า อะไรจะลดความเสี่ยงเรื่องสุขภาพได้ดีที่สุด
คำตอบก็คือ การไม่สูบบุหรี่เลยนั่นเอง..
----------------------
รายได้บริษัทบุหรี่เป็นอย่างไรบ้าง อ่านได้ที่
https://www.blockdit.com/articles/5b30b116076e65512a686dc5
ติดตามเรื่องหลากหลาย จากผู้เขียนเก่งๆ หลายท่าน ในแอป blockdit โหลดได้ที่ http://www.blockdit.com
สั่งซื้อหนังสือลงทุนแมน 9.0 ได้ที่
Lazada: https://www.lazada.co.th/products/90-i293980783-s493954943.html
References
-Yahoo Finance
-Forbes
- Altria Group, Inc.
-Philip Morris International Inc.
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.