ให้เคอรี่มาส่งได้บ่ / โดย ลงทุนแมน

เป็นตาฮักปานนี่ ให้เคอรี่มาส่งได้บ่ สั่งซื้อไสหนอ ยี่ห้ออีหยัง..
เพลงนี้กำลังฮิตติดอันดับใน YouTube
เนื้อเพลงเกี่ยวกับ ผู้หญิงเรียบร้อยคนหนึ่ง ที่ชอบอยู่แต่บ้าน
แต่วันหนึ่งได้เห็น พนักงานส่งของ เคอรี่รูปหล่อ มาส่งของที่บ้านข้างๆ

ด้วยความอยากได้มาเป็นแฟน เธอจึงหันมาสั่งซื้อของออนไลน์เป็นประจำ

เพื่อให้พนักงานเคอรี่โทรมาหา และได้นัดพบเจอกัน..

เพลงแปลกๆ นี้ชื่อว่า “ให้เคอรี่มาส่งได้บ่” ร้องโดยคุณ เบลล์ นิภาดา
นอกจากความเพลิดเพลินของเพลงแล้ว
เรื่องนี้ยังมีแง่มุมธุรกิจซ่อนอยู่ ให้เราเรียนรู้

คำถามแรก คือ ทำไมคนแต่งเพลงต้องเลือก “เคอรี่” เข้ามาอยู่ในเนื้อเพลง?

ลงทุนแมนก็ไม่รู้ว่า เพลงนี้เป็น Advertorial ที่เคอรี่จ้างมาทำมิวสิกวิดีโอเพื่อเข้าถึงคนท้องถิ่นหรือไม่

แต่ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาหรือไม่ จากความนิยมที่ติดอันดับ ก็อาจสะท้อนได้ถึงเสียงตอบรับจากผู้คนว่า เขาเข้าใจ และ ชอบเนื้อหาของเพลงนี้

สรุปแล้ว ตอนนี้แบรนด์ “เคอรี่” กำลังแพร่กระจายการรับรู้ (Awareness) จากคนเมืองไปสู่คนท้องถิ่นเรียบร้อยแล้ว

สมัยก่อนหากพูดถึง บริษัทที่ให้บริการขนส่งพัสดุ เราจะนึกถึงไปรษณีย์ไทยเป็นอันดับแรก แต่ตอนนี้คำตอบของหลายคนอาจเปลี่ยนไป..

ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะมีข่าวเกี่ยวกับเคอรี่มาทั้งแง่บวกและลบ
แต่เราอาจต้องยอมรับว่าแบรนด์นี้กำลังมาแรง และอยู่ในตัวเลือกอันดับแรกๆ ในการขนส่งพัสดุ

จุดเด่นหลักของเคอรี่ก็คงเป็น ความเร็ว ความสดใหม่ของแบรนด์ และการเข้าถึงได้ง่าย

แม้จะในต่างจังหวัดที่ไม่ได้มีความเจริญมากนัก เคอรี่ก็สามารถให้บริการคนในพื้นที่ได้

และ อย่างที่เรารู้กัน ด้วยการเติบโตของธุรกิจซื้อขายของออนไลน์
ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวกับการขนส่งสินค้าได้ประโยชน์ไปเต็มๆ

มาลองดูผลประกอบการเคอรี่ในไทย
บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด

ปี 2559 มีรายได้ 3,228 ล้านบาท กำไร 308 ล้านบาท
ปี 2560 มีรายได้ 6,673 ล้านบาท กำไร 733 ล้านบาท
ปี 2561 มีรายได้ 13,668 ล้านบาท กำไร 1,185 ล้านบาท

จะเห็นได้ว่ารายได้ของเคอรี่ เติบโตเร็วเป็นจรวด..

เรื่องนี้ยังบอกเราได้อีกว่า คนไทยมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่เฉพาะคนเมือง แม้แต่คนในชนบทก็สั่งของมาส่งถึงบ้านกันมากขึ้น

ตอนนี้ใครอยากได้อะไร ก็เพียงจิ้มหน้าจอ แล้วอยู่บ้านรอรับของ ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องสำอาง

และเรื่องนี้เอง ทำให้หลายธุรกิจเริ่มมีความเสี่ยง อย่างที่เราคาดไม่ถึง..

การเดินห้างจะเหลือแค่ตอนที่เราต้องการพักผ่อน ไม่ใช่เวลาที่เราต้องการซื้อของ

เมื่อเราสั่งของจากที่บ้านได้ ก็ไม่มีความจำเป็นที่เราจะต้องไปดูสินค้าตามห้าง

หรือหลายคนอาจเลือกเดินดูสินค้าตามห้าง แต่กลับมาสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ เพราะถูกกว่า และไม่ต้องแบกสินค้า

สิ่งต่อไปที่เราจะเห็นคือ
ร้านเสื้อผ้า ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านเครื่องสำอาง ที่อยู่ในห้าง กำลังเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยง

หรือ แม้แต่ร้านอาหารที่อยู่ในห้าง ก็กำลังเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยง เพราะในตอนนี้กำลังมีธุรกิจ Delivery อาหารส่งถึงบ้าน โดยมีการอุดหนุนเงินทำให้ค่าส่งถูกมาก

สิ่งต่อไปที่เราจะเห็นคือ
ห้างเทสโก้ โลตัส บิ๊กซี เซ็นทรัล กำลังเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยง

เพราะในเมื่อคนซื้อของจากร้านค้าในห้างน้อยลง ร้านค้าก็อยู่ไม่ได้ ต้องทยอยปิดตัว

เจ้าของห้างก็จะมีปัญหาเรื่องคนมาเช่าพื้นที่ ในขณะเดียวกัน ห้างที่เป็นคู่แข่งใหม่ๆ ก็กำลังเปิดตัวกระจายไปทั่วประเทศ

ถ้าให้ถามว่าธุรกิจอะไรที่มีความท้าทายมากสุดในตอนนี้ คำตอบหนึ่งในนั้นก็คือ ธุรกิจห้าง..

จากเพลง เพลงเดียวทำให้เราเห็นถึงสัญญาณอะไรบางอย่างที่กำลังเปลี่ยนไป

ในตอนนี้คนไทยกำลังเริ่มมีบางอย่างมาแทนที่ การไปเดินห้าง

มีหลายคนกำลังเริ่มสนุกในการเลือกสินค้าให้มาส่งถึงบ้าน

ถึงแม้ว่ามันอาจจะยังไม่เกิดขึ้นกับทุกคนในทันที

แต่อย่างน้อยมันก็เกิดขึ้นกับ ผู้หญิงเรียบร้อยที่นั่งรอ พนักงานเคอรี่รูปหล่อ ในเพลงนี้เรียบร้อยแล้ว..

----------------------
อ่านลงทุนแมนสนุกขึ้น
อ่านในแอป blockdit
โหลดที่ http://www.blockdit.com
----------------------
Reference
-กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
-ฟังเพลง ให้เคอรี่มาส่งได้บ่ ได้ที่นี่
https://www.youtube.com/watch?v=EitoSHCDmPM