ไปรษณีย์ไทย x ลงทุนแมน
บริการครบวงจรจากไปรษณีย์ไทยเพื่อร้านค้าออนไลน์

หนึ่งในธุรกิจที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดคงหนีไม่พ้น e-Commerce
ยิ่งในช่วงที่ผ่านมาการระบาดของ COVID-19
ร้านค้าหลายประเภทจนถึงห้าง ต้องปิดกิจการชั่วคราว

ธุรกิจ e-Commerce จากที่เติบโตอยู่แล้วก็เสมือนติดเทอร์โบเข้าไปอีก
เมื่อเวลานี้จากคนที่ไม่เคยช้อปออนไลน์ก็ทำให้พวกเขาทดลองสั่งของออนไลน์
จนแทบจะกลายเป็นพฤติกรรมคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน

ซึ่งจากข้อมูลของไปรษณีย์ไทยระบุว่าช่วงที่ผ่านมา
ปรากฏการณ์นี้ทำให้ยอดขนส่งพัสดุเพิ่มขึ้น 60% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ
เพราะวันนี้ หลายคนหันมาขายของออนไลน์กันมากขึ้น
จนบางคนยึดเป็นอาชีพหลักสวมบทบาทเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เต็มตัว

และหนึ่งในปัญหาใหญ่ของ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ก็คือเมื่อสินค้าขายดี
มียอดส่งสินค้าในแต่ละวันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็อยากเอาเวลาไปทำการตลาด หาลูกค้ารายใหม่ๆ หรือ
โปรโมตสินค้าของตัวเอง เพียงแต่ถ้าจะทำอย่างนี้ได้ ก็ต้องจัดการปัญหาการส่งสินค้าให้ได้เสียก่อน

โดยปัญหาที่เกิดขึ้น จะพบว่า หากธุรกิจเรายังสเกลขนาดเล็ก ออเดอร์ยังไม่มากนัก
สามารถจัดการกับการจ่าหน้าและการแพ็กสินค้าได้ มีที่จัดเก็บสินค้าของตัวเอง
แต่ไม่อยากเสียเวลาในการขนส่งที่ต้องขนของขึ้นรถ ขับรถไปส่งของด้วยตนเอง ณ จุดให้บริการไปรษณีย์

หรือ หากเมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น ผู้ประกอบการต้องพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ เช่น ต้องการผู้ช่วยมากขึ้น แต่การจ้างพนักงานเพิ่มก็จะตามมาด้วยภาระค่าใช้จ่ายผูกพันอีกก้อนโต หรือออเดอร์มากจนเขียน/พิมพ์ จ่าหน้า
ชื่อที่อยู่ของลูกค้าไม่ทัน ไม่มีระบบการเก็บเงินและคุมสต็อกสินค้า ระบบติดตามหลังบ้านต่างๆ รวมทั้งยังไม่พร้อมจะลงทุนขยายพื้นที่จัดเก็บสินค้า

ทั้งหมดนี้เป็น Pain point ที่อยู่ในใจ
จะเห็นได้ว่าหากเราเป็น พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ หรือเรียกได้ว่าผู้ขาย
ก็ควรจะทำหน้าที่โฟกัสในการขาย และวางใจให้ไปรษณีย์ไทยทำหน้าที่ในกระบวนการขนส่ง

ที่ผ่านมาประสบการณ์ในการขนส่งและเข้าถึงประชาชนทุกครัวเรือน
ไปรษณีย์ไทยอยู่เคียงข้างกับคนไทยมากว่า 137 ปี
จึงเข้าใจและได้พัฒนาบริการ Partner@Post เพื่อเป็น e-Commerce Solution
ที่ทำให้ชีวิตพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ทั้งง่ายและประหยัดต้นทุน

เริ่มที่บริการ Partner@Post บริการนี้ มีจุดเด่นอย่างไร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

Partner@Post เป็นบริการที่จะช่วยให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่มีของพร้อมส่งถึงมือลูกค้าแล้ว
สามารถเพิ่มความคล่องตัวด้วยระบบการจ่าหน้า (Preload) ที่เชื่อมต่อกับ API ได้ทุกช่องทาง
ช่วยสร้างจ่าหน้าชื่อ-ที่อยู่ ผู้รับ และร้านค้า พร้อมบาร์โค้ดการติดตามสถานะการส่ง
โดยไม่ต้องเสียเวลาเอาสติ๊กเกอร์แปะเพิ่มลงบนกล่องหลายๆรอบ

สามารถบริหารการติดตามสถานะการส่งด้วยบัญชี Account ส่วนตัว
เช็คสถานะสิ่งของที่ส่งถึงลูกค้าในระบบได้พร้อมกันทุกออเดอร์
แถมยังมี Free Pick Up ส่งรถเข้ารับสิ่งของที่ต้องการฝากส่งได้ถึงร้านค้า
พร้อมการขนส่งที่รวดเร็วด้วยมาตรฐานบริการ EMS ในประเทศ

และเมื่อเรามีโอกาสในการขายสินค้าได้มากขึ้น ลูกค้าก็ยังสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่าย
ด้วยการเก็บเงินปลายทางแบบ COD ผ่านบัญชี Wallet@post ถือเป็นการสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า
เพราะเป็นการจ่ายเงินเมื่อได้รับสินค้าเป็นที่เรียบร้อย

และที่น่าจะถูกใจพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มากที่สุด ก็คือยิ่งมีจำนวนส่งสินค้ามากเท่าไร
การคิดอัตราค่าบริการส่วนลดแบบขั้นบันได ยิ่งส่งมาก ยิ่งได้ส่วนลดมาก
อธิบายง่ายๆ ก็คือยิ่งมีจำนวนส่งพัสดุมากเท่าไร
ต้นทุนการส่งสินค้าต่อ 1 ชิ้นก็จะถูกลงไปเรื่อยๆ นั่นเอง

แล้วถ้าธุรกิจเติบโตขึ้น ยังมีอีกส่วนที่ให้บริการ Fulfillment ตั้งแต่การ เก็บ-แพ็ค-ส่ง
หากพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ต้องการคลังเพื่อเก็บสต็อกสินค้า ก็ไม่ต้องสิ้นเปลืองสร้างคลังขึ้นมาเอง
ไปรษณีย์ไทยมีคลังสินค้าและระบบการขนส่งตั้งแต่ต้นจนจบให้

เริ่มตั้งแต่เมื่อมีลูกค้าสั่งซื้อสินค้าก็จะมีระบบเชื่อมต่อ API ทุกคำสั่งซื้อผ่านช่องทางต่างๆ เข้ามาอัตโนมัติ
ทั้ง e-Marketplace และเว็บไซต์ของร้านค้า
หรือถ้าขายสินค้าผ่าน Facebook IG Line Twitter ร้านค้าเพียงแจ้งเพิ่มคำสั่งซื้อในระบบ Fulfillment
ของไปรษณีย์ไทย และที่อยู่-เบอร์โทรศัพท์ลูกค้าเข้าไปในระบบ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์จะหยิบสินค้าออกจากสต๊อกตามคำสั่งซื้อ พร้อมแพ็คสินค้า
รวมถึงจ่าหน้าที่อยู่ลูกค้าบนกล่องพัสดุให้เรา จากนั้นกล่องบรรจุสินค้าจะถูกส่งเข้าสู่ระบบไปรษณีย์
เพื่อนำส่งต่อถึงมือลูกค้า พร้อมเก็บเงินในกรณีลูกค้าเลือกชำระเงินปลายทาง
โดยไปรษณีย์ไทยจะโอนเงินค่าสินค้าเข้าบัญชีร้านค้าที่ลงทะเบียนไว้ในบัญชี Wallet@Post
ซึ่งทุกขั้นตอนเหล่านี้เราสามารถทำงานและตรวจสอบผ่าน Smartphone
ได้ทุกที่ ทุกเวลา ที่สำคัญร้านค้าสามารถชำระค่าบริการเป็นแบบงวดๆ รายเดือนได้ด้วย

หัวใจของผู้ขาย นอกจากจะต้องคิดกลยุทธ์ในการขายสินค้าให้สามารถสร้างรายได้หรือกำไรกลับมาได้แล้ว
การสร้างการรับรู้ทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ ถือเป็นการเพิ่มโอกาสในการขายได้มากขึ้น
ไปรษณีย์ไทยยังมีอีกหนึ่งบริการที่ตั้งใจจะช่วยสนับสนุนและเป็นเพื่อนผู้ประกอบการอย่างแท้จริง
ด้วยบริการ Advertising Mail จัดส่งสื่อโฆษณาถึงบ้าน ตามพื้นที่ หรือกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้ดียิ่งขึ้น
เพราะเพียงแค่สื่อออนไลน์อย่างเดียวคงไม่พอ เรียกได้ว่าเป็นบริการที่มีประสิทธิภาพ
และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทุกช่วงวัยได้ดีอีกทางหนึ่ง

บริการจากไปรษณีย์ไทยที่ช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการทั้งหมดนี้ นับเป็นการประหยัดต้นทุนธุรกิจไปในตัว
จากนั้นเราก็เอาเวลาที่เหลือไปโฟกัสกับธุรกิจได้เต็มที่ ซึ่งน่าจะทำให้เรามีรายได้และกำไรเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม

เรื่องนี้นับเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ
เพราะอย่างที่เรารู้กันดี เวลานี้ธุรกิจขนส่งพัสดุ กำลังแข่งขันแย่งชิงลูกค้าอย่างดุเดือด

หากใครสามารถพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าด้านความคุ้มค่า และความสะดวก
ก็จะเป็นผู้ที่กำลังถือไพ่เหนือกว่าคู่แข่ง

เหมือนอย่างที่ ไปรษณีย์ไทย มีครบทุกโซลูชั่นให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์สามารถเลือกได้
ตามสไตล์ของธุรกิจคุณ...

หากใครอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ Contact Center ที่เบอร์ 0 2982 8222
Email: Partner.post@thailandpost.com

References
-ข่าวประชาสัมพันธ์ ไปรษณีย์ไทย
-https://mgronline.com/uptodate/detail/9630000038090