“Black Friday” จากสงครามกลางเมือง สู่สงครามการช็อปปิง

“Black Friday” จากสงครามกลางเมือง สู่สงครามการช็อปปิง

14 พ.ค. 2021
“Black Friday” จากสงครามกลางเมือง สู่สงครามการช็อปปิง /โดย ลงทุนแมน
Black Monday เป็นเหตุการณ์ที่ตลาดหุ้น ดัชนีดาวโจนส์ถึง 22% ในวันเดียวจากความผิดพลาดของระบบคอมพิวเตอร์
Black Tuesday เป็นเหตุการณ์ตลาดหุ้นที่วอลล์สตรีตลดลงหนัก จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 1929
Black Wednesday เป็นเหตุการณ์วิกฤติค่าเงินปอนด์ที่ธนาคารกลางของอังกฤษถูกโจมตี
ดูเหมือนว่า หากมีคำว่า “Black” นำหน้าวันเมื่อไหร่
มันก็มักจะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ดีทั้งนั้น
แต่ไม่ใช่สำหรับวันศุกร์ เพราะ Black Friday กลับเป็นวันที่เหล่าชาวอเมริกันหลายคนตั้งตารอคอย
เพราะมันเป็นวันที่เหล่าร้านค้าและห้างทั่วประเทศ พร้อมใจลดราคาสินค้าอย่างกระหน่ำ
ตั้งแต่เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ เกม รวมไปถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกมากมาย
สูงสุดถึง 80% เป็นประจำทุกปี
แล้ว Black Friday มีจุดเริ่มต้นมาจากอะไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จุดเริ่มต้นของ Black Friday เริ่มตั้งแต่ปี 1620 หรือราว 400 ปีก่อน เมื่อกลุ่มคนนับถือศาสนาคริสต์ นิกายโปรเตสแตนต์ในอังกฤษต้องการอพยพออกจากบ้านของตน เพื่อแสวงหาสถานที่ที่พวกเขาจะสามารถนับถือและเผยแผ่ศาสนาได้อย่างสบายใจ
จุดหมายปลายทางของกลุ่มคนเหล่านี้ก็คือ ประเทศสหรัฐอเมริกา
แต่การเดินทางก็ต้องพบเจออุปสรรคมากมายจากคลื่นลมในท้องทะเล และเมื่อเดินทางมาถึง ก็ดันตรงกับช่วงหน้าหนาวพอดี
ในฤดูนี้ พืชผักทั้งหลายปลูกไม่ขึ้นและยังเจอกับโรคภัยอีกด้วย ส่งผลให้มีผู้รอดชีวิตเหลือเพียง 53 คนจากทั้งหมด 102 คน
แม้ว่าจะเจอเรื่องเลวร้ายมาโดยตลอด แต่เหตุการณ์ก็เริ่มกลับมาดีขึ้น เมื่อคุณ Squanto ชาวอินเดียนแดง ที่สามารถสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้เข้ามาให้ความรู้ในด้านการเกษตร การล่าสัตว์และการเอาตัวรอดจากโรคภัยกับกลุ่มผู้อพยพ
หลังจากนั้นเป็นต้นมา กลุ่มคนเหล่านี้ก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ
ในขณะเดียวกัน กลุ่มผู้อพยพก็มีความเชื่อกันว่า พระเจ้าเป็นคนส่งคนอินเดียนแดงมาให้
พวกเขาเลยอยากขอบคุณพระเจ้า ที่ทำให้รอดชีวิตมาได้
จึงจัดงานเฉลิมฉลองร่วมกับคนพื้นเมืองหรือชาวอินเดียนแดง เพื่อเป็นการขอบคุณพระเจ้าและนั่นก็ถือเป็นที่มาของวัน “Thanksgiving” หรือวันขอบคุณพระเจ้า ที่อยู่มายาวนานจนถึงยุคของเรา
แต่ในตอนแรกนั้น วัน Thanksgiving ยังไม่ได้มีการกำหนดวันที่ชัดเจน ส่งผลให้แต่ละรัฐมีการบริหารและจัดวันที่แตกต่างกันไป ในขณะที่ Thanksgiving ในยุคนั้นก็ยังไม่ได้เป็นวันสำคัญเหมือนในยุคปัจจุบัน
จนกระทั่งในปี 1863 ประเทศสหรัฐอเมริกาก็ได้เผชิญกับเหตุการณ์ที่เรียกว่า Civil War หรือสงครามกลางเมืองที่ได้สร้างความตึงเครียดแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก
ประธานาธิบดีลินคอล์นจึงได้ประกาศให้วันขอบคุณพระเจ้ากลายเป็นวันหยุดทั่วประเทศอย่างเป็นทางการ โดยหน่วยงานรัฐบาลจะปิดทำการทั้งในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน เพื่อให้เป็นวันที่ครอบครัวชาวอเมริกันหยุดพักผ่อนและทำกิจกรรมร่วมกัน
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อลดความตึงเครียดจากสถานการณ์ ณ ขณะนั้น
และด้วยความที่วัน Thanksgiving เป็นวันหยุดยาว
เหล่าผู้คนทั้งหลายที่มาทำงานในเมือง
มักใช้เวลานี้กลับสู่บ้านเดิมของตน
เรื่องดังกล่าวก็ได้ทำให้เหล่าร้านค้าปลีกและห้างสรรพสินค้า
ต้องหาวิธีที่จะสร้างรายได้ในช่วงนี้ จึงได้เกิดเป็นไอเดียมหกรรมลดราคาสินค้า
รวมถึงการขยายเวลาเปิด-ปิดของห้างในวันศุกร์
จนกลายมาเป็นมหกรรมการลดราคา “Black Friday”
หลังจากที่เหล่าผู้ประกอบการนำไอเดียนี้ไปใช้
ก็พบว่าวิธีนี้ดึงดูดกลุ่มนักช็อปได้มหาศาล
เนื่องจากประชาชนบางกลุ่มก็ได้เตรียมเงินสำหรับใช้ช่วงวันหยุดยาวอยู่แล้ว
ถ้าหากถามว่า Black Friday สามารถสร้างกระแสได้ในระดับไหน ?
ก็ต้องบอกว่า Black Friday เกิดมาจากวันหยุดธรรมดา
แต่ตอนนี้ได้กลายมาเป็นวันที่เต็มไปด้วยสมรภูมิรบนักช็อป
ตามร้านค้าและห้างสรรพสินค้า ที่เข้ามาแย่งซื้อสินค้ากัน
มีผู้คนมากมายมานั่งกางเต็นท์ ต่อคิวรอห้างเปิดหลายชั่วโมง
ซึ่งทันทีที่ห้างเปิด เราก็ต้องทำเวลาแข่งกับคนอื่นในการเลือกสินค้าให้ทัน
ดังนั้นคนส่วนใหญ่จะวางแผนล่วงหน้ามาก่อนว่าต้องการสินค้าไหนบ้าง
และเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับศึกแย่งชิงสินค้ากันอีกด้วย
เคยมีเหตุการณ์ที่คนเสียชีวิตจากการโดนเหยียบจากฝูงชนที่เข้ามาแย่งซื้อสินค้า
ก็คงจะพอเห็นภาพได้ว่า Black Friday สร้างความคลั่งแก่ผู้คนได้อย่างมาก
โดยในปีที่ผ่านมา
ร้านค้าปลีกรายใหญ่ มียอดขายเพิ่มขึ้น 403% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยช่วงเดือนก่อนหน้า
ในขณะที่ ร้านค้าปลีกรายย่อย มียอดขายเพิ่มขึ้น 349% ในช่วงเวลาเดียวกัน
ในมุมของเศรษฐกิจระดับประเทศ Black Friday ยิ่งมีความสำคัญ
เพราะ 68.5% ของ GDP หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศสหรัฐอเมริกา
มาจากการใช้จ่ายในการบริโภคของภาคเอกชน
ทำให้วันนี้กลายเป็นวันที่เหล่าร้านค้าทั้งหลาย
มีกำไรเป็นกอบเป็นกำและมากที่สุดในรอบปี
จึงเป็นที่มาว่าทำไมถึงใช้ชื่อว่า “Black Friday”
และคำว่า Black ที่แปลว่าดำก็มาจากตัวเลขในทางบัญชี
ที่จะบันทึกตัวเลขที่กำไรเป็นสีดำ ในขณะที่บันทึกขาดทุนเป็นสีแดง
หมายความว่า Black Friday หมายถึง วันศุกร์ที่สร้างกำไร นั่นเอง
ในเวลาต่อมา Black Friday ที่จัดเพียงวันเดียว
ก็ดูจะยังไม่สามารถทำให้เหล่าผู้บริโภคพึงพอใจได้
จึงได้มีการขยายระยะเวลาในการจัดโปรโมชันไปจนถึงวันอาทิตย์
ในขณะที่สหพันธ์การค้าปลีกแห่งชาติ ก็ได้สังเกตเห็นช่องทางการขายของออนไลน์
ที่เติบโตขึ้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จึงส่งผลให้เกิดวัน Cyber Monday ในเวลาต่อมา
โดย Cyber Monday จะเป็นการขายสินค้าลดราคาหรือจัดโปรโมชัน ผ่านช่องทางออนไลน์
เนื่องจากเป็นวันปกติ ที่ผู้คนเริ่มทำงานกันแล้ว จึงไม่สะดวกมาซื้อสินค้าที่ร้านค้าเอง
ซึ่งก็ส่งผลให้ Cyber Monday กลายเป็นวันที่มียอดขายในตลาดอีคอมเมิร์ซสูงที่สุดเช่นกัน
โดยเฉพาะปีที่ผ่านมา ที่สามารถสร้างยอดขายได้ถึง 4 แสนล้านบาท
จากการประสบความสำเร็จของเหล่าร้านค้าและห้างต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกา
ก็ส่งผลให้ประเทศอื่นนำโมเดลนี้ไปใช้ต่อ ๆ กัน
เช่น เหล่าผู้ประกอบการชาวแคนาดาที่สร้าง Black Friday
เพื่อเพิ่มยอดขายและจูงใจไม่ให้กลุ่มลูกค้าเดินทางไปซื้อสินค้าที่สหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ยังมีประเทศอังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ และอีกหลายประเทศ ที่จัดเทศกาลช็อปปิงคล้าย Black Friday
ที่โดดเด่นที่สุดก็น่าจะเป็นวันคนโสด 11.11 ในประเทศจีนที่แจ็ก หม่า ได้คิดค้นขึ้น
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้หรือไม่ว่า วันคนโสด 11.11 ของจีนได้มียอดขายแซงหน้า Black Friday ในสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยในวันคนโสดปีที่ผ่านมา Alibaba ได้มียอดขายสินค้ามากถึง 1.2 ล้านล้านบาทภายในวันเดียว
คิดเป็น 2 เท่าของยอดขายช่องทางอีคอมเมิร์ซในสหรัฐอเมริกาทั้งหมด ของวัน Thanksgiving, Black Friday และ Cyber Monday รวมกัน เลยทีเดียว..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-www.history.com/topics/thanksgiving/history-of-thanksgiving
-https://www.rd.com/article/history-of-cyber-monday/
-https://www.bloomberg.com/news/photo-essays/2018-11-18/how-black-friday-became-america-s-greediest-holiday
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-11-27/black-friday-gets-busted-by-covid-19-in-sign-of-retail-s-future
-https://abcnews.go.com/Business/black-friday-hits-record-report/story?id=74435965
-https://www.thebalance.com/why-is-it-called-black-friday-3305712
-https://www.ceicdata.com/en/indicator/united-states/private-consumption--of-nominal-gdp
-https://spendmenot.com/blog/black-friday-sales-statistics/
-https://www.practicalecommerce.com/sales-report-2020-thanksgiving-day-black-friday-cyber-monday
-https://www.statista.com/chart/11810/singles-day-vs-cyber-monday-and-black-friday/
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.