รู้จัก Eugene O’Kelly ผู้ใช้เวลา 100 วันสุดท้ายของชีวิต ได้คุ้มค่าที่สุด

รู้จัก Eugene O’Kelly ผู้ใช้เวลา 100 วันสุดท้ายของชีวิต ได้คุ้มค่าที่สุด

11 ก.ค. 2021
รู้จัก Eugene O’Kelly ผู้ใช้เวลา 100 วันสุดท้ายของชีวิต ได้คุ้มค่าที่สุด | THE BRIEFCASE
เคยตั้งคำถามกับตัวเองบ้างไหมว่าแท้จริงแล้ว ชีวิตของเราต้องการอะไร ?
คำตอบของแต่ละคนก็อาจแตกต่างกันไป
ไม่ว่าความต้องการหรือความฝันจะเป็นความสุขเล็ก ๆ หรือความสุขที่ยิ่งใหญ่
อย่างเช่น การได้ดูซีรีส์เรื่องโปรด 1 ซีซัน แบบรวดเดียวจบ หรือการมีอิสรภาพทางการเงิน
ก็คงเป็นความฝัน ที่ใคร ๆ ก็อยากได้และอยากมี
แล้วถ้าทั้งหมดมีข้อจำกัดของ “เวลา” เพิ่มเข้ามา ว่าคุณจะเหลือเวลาใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ อีกเพียงแค่ 100 วัน คุณคิดว่าความฝันดังที่กล่าวไปข้างต้น จะเปลี่ยนไปหรือไม่ ?
THE BRIEFCASE จะขอยกตัวอย่าง เรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่ง
ที่ชีวิตดูเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง แต่แล้ววันหนึ่ง สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นกับชีวิตของเขา
โดยเขาได้ถ่ายทอดเรื่องราวช่วงสุดท้ายในชีวิตไว้ในหนังสือ “Chasing Daylight” ในขณะที่เขามีอายุ 53 ปี
ชายผู้นี้มีชื่อว่า ยูจีน โอ'เคลลี เขาเป็นอดีตผู้บริหารและประธานกรรมการ ของบริษัทตรวจสอบบัญชีชื่อดัง KPMG
ตลอดเวลา 53 ปีที่ผ่านมา เขาให้ความสำคัญกับงานเป็นหลัก ทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างหนัก
จนประสบความสำเร็จได้เป็นผู้บริหารสูงสุดของ KPMG ในที่สุด
ครั้งหนึ่งยูจีนต้องการได้ Investment Bank สาขาใหญ่ในออสเตรเลียมาเป็นลูกค้า
แต่การได้มานั้นก็ไม่ง่าย เพราะเขาต้องประมูลแข่งกับบริษัทคู่แข่งอีก 4 บริษัท
โดยทางเดียวที่ยูจีนจะชนะการประมูลได้ก็คือ การได้พูดคุยกับประธานสาขาเพื่อยื่นข้อเสนอโดยตรง
แต่ประธานสาขากลับยุ่งเกินกว่าที่จะให้เขาเข้าพบ
ยูจีนจึงสืบและสอบถามไปยังเลขาฯ ของประธาน Investment Bank แห่งนั้นว่า
ท่านมีแผนจะเดินทางไปที่ไหนหรือไม่ และขอเลขเที่ยวบินและที่นั่งบนเครื่องมา
เมื่อยูจีนรู้ว่าประธานจะเดินทางจากซิดนีย์ไปยังเมลเบิร์น
เขาจึงตัดสินใจเดินทางจากสหรัฐอเมริกาไปยังซิดนีย์ และขึ้นเครื่องบินจากซิดนีย์ไปยังเมลเบิร์นต่อทันที รวมทั้งหมดแล้ว ใช้เวลาในการนั่งเครื่อง 24 ชั่วโมง
เหตุผลเพียงเพราะต้องการพูดคุยกับประธาน Investment Bank ในระหว่างบิน
และทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่ยูจีนวางแผนไว้..
เพราะหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้รับข่าวดีจาก Investment Bank ว่า KPMG คือผู้ชนะการประมูลครั้งสำคัญครั้งนั้น
นอกจากชีวิตของยูจีนจะประสบความสำเร็จในด้านการงานแล้ว
ในเรื่องของสุขภาพ เขาเป็นอีกหนึ่งคนที่มีสุขภาพแข็งแรงมาโดยตลอด เพราะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงกินอาหารที่มีประโยชน์ และเข้านอนตรงเวลา เขาแทบไม่เคยป่วยเลยสักนิด
แต่อยู่มาวันหนึ่ง เขาก็เกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง จนถูกหามส่งโรงพยาบาล
คุณหมอได้วินิจฉัยออกมาว่า เขากำลังป่วยเป็นมะเร็งสมองระยะสุดท้าย และเขาเหลือเวลาใช้ชีวิตอีกเพียง 100 วันเท่านั้น
และคำวินิจฉัยในครั้งนั้นได้เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
โดยสิ่งแรกที่เขาทำ หลังจากรู้ตัวว่าเหลือเวลาที่จะใช้ชีวิตได้อีกไม่นาน คือการลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทของ KPMG ท่ามกลางความตื่นตระหนกของพนักงานกว่า 2 หมื่นคน
จากนั้นยูจีนก็ใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิต ไปกับการนั่งลิสต์รายชื่อผู้คนที่เขารู้จัก ทั้งที่สนิทและไม่สนิท
และพยายามติดต่อทุกคนด้วยวิธีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การโทรหา, เขียนอีเมล หรือเขียนจดหมาย
เพื่อบอกให้ทุกคนรับรู้ว่า ครั้งหนึ่งยูจีนรู้สึกดีแค่ไหน ที่ได้ใช้เวลาไปกับพวกเขา
รวมถึงขอบคุณและขอโทษกับสิ่งต่าง ๆ ที่อาจทำผิดพลาดไป
ในบันทึกหน้าท้าย ๆ ของยูจีน เขาได้พูดถึงความสัมพันธ์อันเรียบง่าย
ระหว่างเขาและคนรอบข้าง รวมถึงโมเมนต์ที่ประทับใจต่าง ๆ เช่น การออกไปทานข้าวกับเพื่อนสนิท, ตีกอล์ฟกับพาร์ตเนอร์บริษัท ตั้งแต่คนวงนอก จนมาถึงคนสนิทอย่างครอบครัว, ญาติพี่น้อง, ภรรยา และลูกสาว
ที่สำคัญคือยูจีนมีความตั้งใจสุดท้ายว่า เขาอยากพาลูกสาวไปเที่ยวกรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก
แต่ในตอนนั้น ตัวเองไม่มีเรี่ยวแรงเหลือพอที่จะทำเช่นนั้น
จึงเปลี่ยนสถานที่ไปพักผ่อนที่ทะเลสาบทาโฮ ในสหรัฐอเมริกาแทน
ยูจีนเขียนบันทึกไว้ว่า ช่วงเวลาที่ได้พักผ่อนที่ทะเลสาบทาโฮ ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา
เขาได้ออกไปแล่นเรือกับครอบครัว ได้นั่งพูดคุยถึงเรื่องต่าง ๆ และได้นั่งดูลูกสาวตีกอล์ฟ
ยูจีนบอกว่า คนมากมายต่างพูดกันว่า เขาจากโลกนี้เร็วเกินไป
แต่เขากลับมองว่า ตัวเองโชคดีที่ได้มีโอกาสร่ำลาคนที่รัก ได้มีโอกาสพูดคุยถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ค้างคา
และหลังจากที่เขียนบันทึกนี้จบ ยูจีนก็จากโลกนี้ไปอย่างสงบ..
หลังจากยูจีนจากโลกนี้ไปแล้ว ภรรยาของเขาก็ได้เขียนสรุปข้อคิด 5 ข้อ ที่เธอได้รับจากช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตสามี ไว้ว่า
1) ยอมรับความพ่ายแพ้บ้างก็ได้
ยูจีน โอ'เคลลี เป็นคนที่สามารถหาทางออก ให้กับทุกปัญหาที่เข้ามาในชีวิตได้เสมอ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับ “ความตาย” ที่ไม่มีใครสามารถเอาชนะได้ เขาก็ยินดีที่จะยอมรับมัน และใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิตได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
2) “เงินทอง” ไม่สำคัญมากเท่ากับ “เวลา”
ภรรยาของยูจีนเล่าว่า ในขณะที่ยูจีนมีชีวิตอยู่ เขามีทรัพย์สินมากมายนับไม่ถ้วน แต่เมื่อความตายเดินทางมาถึง เขากลับต้องการเพียง “เวลา” ที่จะอยู่กับครอบครัวหรือคนที่เขารักเท่านั้น
3) จงมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน
หลังจากที่ยูจีนรู้ว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็ง เขาก็หันหลังให้กับอนาคตทั้งหมด และใช้เวลาอยู่กับปัจจุบันทันที เขาเริ่มมองหาช่วงเวลาที่มีค่า ที่สามารถเกิดขึ้นได้จากทุกอย่างที่อยู่รอบตัว ไม่ว่าจะเป็น ช่วงเวลาที่ได้ทานอาหารอร่อย ๆ กับครอบครัว, ได้นั่งฟังภรรยาอ่านหนังสือ หรือนั่งดูลูกสาวตีกอล์ฟ
4) ช่วงเวลาของความสุขอยู่รอบตัวเรา ขอเพียงแค่มองให้เห็น
ยูจีนใช้ชีวิตมากว่า 53 ปี ในการทุ่มเทให้กับหน้าที่การงานของเขา แต่สุดท้ายเขาก็เพิ่งค้นพบช่วงเวลาของความสุข (Perfect Moment) ใน 100 วันสุดท้ายของชีวิต เขาบอกว่าชีวิตที่สมบูรณ์แบบสำหรับเขาจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากขาดภรรยา และลูก ๆ มาร่วมใช้เวลาที่มีค่านั้นไปด้วยกัน
5) สร้างความสมดุลให้กับชีวิต
การหาจุดกึ่งกลางของชีวิตให้เจอคำว่า “สมดุล” ไม่ได้หมายถึงแค่เวลา แต่ยังรวมไปถึงอารมณ์ พลังงาน ความคิด ความเชื่อ ความสัมพันธ์ ทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเรา
สุดท้าย มนุษย์ทุกคนไม่สามารถล่วงรู้ได้ ว่าช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตจะมาถึงเมื่อไร
แต่ถ้าเราสร้างเรื่องราวดี ๆ สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้เกิดขึ้นทุกวัน ทั้งกับตัวเองและคนรอบข้าง ในตอนที่เรายังมีชีวิตอยู่ เมื่อเราจากไป เรื่องราวเหล่านั้น ก็คงจะกลายเป็นความทรงจำ ที่น่าจดจำไม่น้อย..
References:
- หนังสือ Chasing Daylight: How My Forthcoming Death Transformed My Life
- https://missiontothemoon.co/book-review-chasing-daylight/
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.