สรุปการทำงานแบบ Agile VS ลำดับขั้น ต่างกันอย่างไร ?

สรุปการทำงานแบบ Agile VS ลำดับขั้น ต่างกันอย่างไร ?

21 ก.ย. 2021
สรุปการทำงานแบบ Agile VS ลำดับขั้น ต่างกันอย่างไร ? | THE BRIEFCASE
ในยุคที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา บวกกับการพัฒนาของเทคโนโลยีที่ไม่หยุดยั้ง ทำให้หลายองค์กรต้องปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานแบบดั้งเดิม
ปีที่ผ่าน ๆ มา เราเริ่มได้ยินคนพูดถึง แนวคิดการทำงานแบบใหม่ขึ้นมา ที่เรียกว่า วิธีการทำงานแบบสภาพคล่องตัว (Agile)
ซึ่งการทำงานแบบ Agile หมายถึง การทำงานแบบสภาพคล่องตัว
คล่องตัวในที่นี้คือ มีการสร้างทีมงานที่เหมาะสม เช่น ในทีมจะมีผู้เชี่ยวชาญจากทุกฝ่ายที่สามารถจบงานได้ในทีมเดียว
ที่สำคัญคือ การทำงานแบบ Agile จะมีการ “หั่นเป้าหมาย” ใหญ่เล็กลง คือจากมีเป้าหมายใหญ่เป้าหมายเดียว จะค่อย ๆ ตั้งเป้าหมายจากเล็ก ๆ ก่อน พอบรรลุเป้าหมายแรกแล้ว จึงค่อย ๆ พัฒนาต่อไปเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงเป้าหมายสูงสุดในที่สุด
ถามว่าทำแบบนี้เพื่ออะไร ?
ก็เพราะหัวใจของ Agile คือการ “ทำไป เก็บฟีดแบ็กไป และปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ” เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ออกมา ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการ เป็นอะไรที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริงนั่นเอง..
ส่วนการทำงานแบบ Waterfall หรือแบบลำดับขั้นนั้น เชื่อว่าเราคงคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว
ซึ่งก็คือการทำงานไปตามลำดับขั้นตอนที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน เน้นแยกส่วนงานต่าง ๆ ออกจากกัน และค่อย ๆ ส่งมอบหรืออนุมัติงานกันเป็นลำดับ สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ
เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น เราลองมาดูความแตกต่างในแต่ละด้านของการทำงานแบบ Agile และแบบลำดับขั้น
1. ขั้นตอนการวางเป้าหมายหลักของโปรเจกต์
Waterfall - โฟกัสที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์แบบ ปล่อยสินค้าหรือบริการออกมาทีเดียวในตอนจบ และคาดหวังให้ได้กระแสตอบรับจากลูกค้าดีที่สุด
Agile - ตั้งเป้าหมายแบบค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพไม่สมบูรณ์ (MVP) จากนั้นแก้ไขไปเรื่อย ๆ เพื่อปรับปรุงให้ได้สินค้าหรือบริการที่สมบูรณ์แบบที่สุดในตอนจบ
2. ขั้นตอนการวางขอบเขตการทำงานและวิธีการทำงาน
Waterfall - ตั้งแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนก่อนเริ่มต้นทำงาน โดยกระจายงานให้แต่ละฝ่ายทำตามหน้าที่
Agile - เน้นการวางแผนที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด โดยจะจัดให้มีทีมพิเศษ ที่แต่ละคนมีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน นั้นมารับผิดชอบโปรเจกต์ร่วมกัน
3. ขั้นตอนการวัดความสำเร็จ
Waterfall - อาจเน้นวัดจาก ระยะเวลาส่งมอบงาน และตรวจสอบแผนดำเนินงานว่าตรงตามที่ได้วางแผนไว้หรือไม่
Agile - เน้นวัดจาก ผลลัพธ์ความพึงพอใจของลูกค้า ว่าผลตอบรับจากลูกค้าที่ได้มาตรงตามที่บริษัทกำหนดไว้หรือไม่
จะเห็นว่า การทำงานทั้ง 2 แบบ ก็ดูจะมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป
เช่น การทำงานแบบเป็นลำดับขั้นตอน จุดเด่นชัด ๆ คือ เราจะมีลำดับขั้นตอนในการทำงานที่ถูกจัดสรรปันส่วนไว้อย่างเรียบร้อย ทำให้ง่ายต่อการย้อนกลับไปตรวจสอบ
แต่ข้อจำกัดของการทำงานแบบลำดับขั้น ก็อย่างเช่น เมื่อต่างฝ่ายต่างทำงานแค่ในส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบ มันก็อาจเกิดปัญหาที่เรียกว่า “Silo” หรือต่างคนต่างทำงาน ไม่สนใจว่าภาพรวมโปรเจกต์เป็นอย่างไร หรือพอเกิดปัญหากับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อีกฝ่ายที่ไม่มีหน้าที่ตรงนั้น ก็ไม่อยากจะเข้าไปร่วมแก้ปัญหา
ส่วนการทำงานแบบ Agile แน่นอนว่าจุดเด่นมาก ๆ คือความคล่องตัว มีทีมพิเศษที่คอยช่วยกันระดมความคิด คอยช่วยกันแก้ปัญหา และที่สำคัญคือ มีการรับฟีดแบ็กจากลูกค้ามาพัฒนาผลิตภัณฑ์อยู่ตลอดเวลา
แต่ก็มีเรื่องที่ต้องยอมแลกกับความคล่องตัว นั่นก็คือ ความไม่แน่นอนในขั้นตอนการทำงาน ที่อาจปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา
ซึ่งถ้าถามว่าวิธีการทำงานแบบไหนดีกว่ากัน ?
เราก็คงต้องบอกว่า มันดีกันคนละแบบ และมีข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป
แต่ไม่ว่าในองค์กรจะเลือกการทำงานแบบไหนมาใช้
ก็ต้องทำความเข้าใจกับคนในองค์กรให้ชัดเจนว่า เรากำลังใช้วิธีการทำงานแบบไหน และจะทำงานร่วมกันอย่างไร ให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด..
สำหรับใครที่อ่านบทความนี้จบ แล้วอยากเรียนรู้ เกี่ยวกับเรื่อง Agile แบบลึก ๆ
ในไทยมีสถาบัน SEAC ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการช่วยยกระดับการทำงานในองค์กร ซึ่งมีหลักสูตรเกี่ยวกับเรื่อง Agile และแนวคิดน่าสนใจอื่น ๆ อีกมากมาย
ใครสนใจ ลองกดเข้าไปดูกันได้เลย https://www.seasiacenter.com/
References
-https://www.lead-innovation.com/english-blog/agile-ways-of-working
-https://www.glasscubes.com/agile-vs-waterfall/
-https://www.infoq.com/news/2010/04/toyota-waterfall/
-https://www.facebook.com/seasiacenter/posts/3985405924832640
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.