ส่องกลยุทธ์สร้างการเติบโต Tyson Foods กับการปั้นไทย เป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกระดับภูมิภาค

ส่องกลยุทธ์สร้างการเติบโต Tyson Foods กับการปั้นไทย เป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกระดับภูมิภาค

17 มิ.ย. 2022
ส่องกลยุทธ์สร้างการเติบโต Tyson Foods กับการปั้นไทย เป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกระดับภูมิภาค | BrandCase
ในโลกธุรกิจ ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ทุกธุรกิจจะต้องเจอกับความท้าทายต่าง ๆ มากมาย
ไม่ว่าจะเป็น วิถีชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เศรษฐกิจที่ผันผวน คู่แข่งในอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
แต่รู้หรือไม่ว่า ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ มีบริษัทที่สามารถยืนหยัด และครองความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมมาได้อย่างยาวนาน
ซึ่ง “Tyson Foods” (ไทสัน ฟู้ดส์) ถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารที่ใหญ่สุดของโลก และเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์โปรตีน
ที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมอาหารได้อย่างแข็งแกร่งและยาวนาน
โดยกุญแจแห่งความสำเร็จ คงหนีไม่พ้น “การขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรม”
รวมถึงความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบ “อาหารที่มีคุณภาพ” ให้กับทุกคน
Tyson Foods ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1935 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ดำเนินธุรกิจด้วยเจตนารมณ์เดียวกันทั่วโลก
นั่นคือ “ยกระดับความคาดหวังในเรื่องอาหารของคนทั่วโลกว่า อาหารที่ดี สามารถสร้างประโยชน์ได้มากมาย”
หรือ “Raising the world’s expectations for how much good food can do”
ด้วยจุดยืนที่ชัดเจนนี้ ทำให้ Tyson Foods ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์
บริษัทจึงขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรมมาโดยตลอด
โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนทำการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงสร้างศูนย์นวัตกรรมระดับสากล หรือ International Innovation Centers ของตัวเอง ใน 6 ประเทศ ครอบคลุมหลายภูมิภาคทั่วโลก
เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมอาหาร ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ ทั้งในแง่ของรสชาติ คุณภาพ โภชนาการ ความปลอดภัย และความสะดวกในการรับประทาน
ปัจจุบัน Tyson Foods ไม่ได้ทำตลาดเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
แต่ยังทำตลาดในหลายประเทศทั่วโลก และมีเครือข่ายธุรกิจครอบคลุม 150 ประเทศ
สำหรับในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัทมีฐานการผลิตอยู่ที่ประเทศไทย มาเลเซีย และออสเตรเลีย
ครอบคลุมธุรกิจทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมไปถึงประเทศในแถบตะวันออกกลาง
ซึ่งในปีที่ผ่านมา บริษัท Tyson Foods มียอดขายสูงถึง 47,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่น่าสนใจคือ กลยุทธ์การบุกตลาดโลกของ Tyson Foods..
แม้ Tyson Foods จะมีความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมระดับโลกเป็นอาวุธสำคัญ
แต่บริษัทก็ตระหนักดีว่า นวัตกรรมเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถสร้างความสำเร็จได้ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหาร
เพราะผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ มีความชื่นชอบในรสชาติอาหารที่แตกต่างกันไปตามวัฒนธรรม
ดังนั้น การเดินเกมรุกขยายธุรกิจไปยังประเทศต่าง ๆ ของ Tyson Foods
จึงเป็นการนำนวัตกรรมของบริษัทมาผสานเข้ากับองค์ความรู้ท้องถิ่นของแต่ละประเทศ
รวมถึงทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้งอีกด้วย
ตามหลักการที่ว่า “Be as Global as Possible, as Local as Needed”
หรือ ดำเนินธุรกิจด้วยแนวทางระดับสากล และปรับตัวให้เข้ากับตลาดท้องถิ่นให้มากที่สุด
โดยทุกผลิตภัณฑ์ของ Tyson Foods เริ่มต้นมาจากการศึกษา ทำความเข้าใจพฤติกรรม และความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค
ผนึกความร่วมมือระหว่างเครือข่ายศูนย์นวัตกรรมของบริษัทกับพันธมิตรในแต่ละพื้นที่ในการพัฒนานวัตกรรมอาหารที่มีคุณภาพสูงสำหรับแต่ละตลาด
หลังจากนั้น ทีมนักพัฒนาอาหารของบริษัทจะทำงานร่วมกับพันธมิตร และคู่ค้าในแต่ละประเทศ
เพื่อสร้างสรรค์เป็นเมนูที่ตอบโจทย์ทั้งร้านอาหาร และผู้บริโภคทั่วไป
ซึ่งก็คือ การยึดความต้องการของผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง นั่นเอง
ด้วยแนวคิดและกระบวนการเหล่านี้เอง ทำให้แบรนด์และผลิตภัณฑ์จาก Tyson Foods
ได้รับการยอมรับและเป็นที่ชื่นชอบ จากทั้งคู่ค้า พันธมิตร และผู้บริโภคทั่วโลก
ส่วนเหตุผลที่ Tyson Foods เลือกขยายธุรกิจมายังประเทศไทย ก็เพราะเล็งเห็นถึงศักยภาพของตลาด ทั้งในแง่ของมูลค่าตลาด และปริมาณการบริโภคที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยมีการคาดการณ์ว่าในช่วงปี 2020 ถึงปี 2025 ตลาดไก่แปรรูปในไทย จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 8%*
อีกทั้งประเทศไทยยังถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ ของการเป็นฐานการผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ไปได้หลายประเทศ
ดังนั้น นอกจากการรุกตลาดในไทยแล้ว Tyson Foods ยังวางไทยเป็นฐานการผลิต เพื่อส่งออกผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายในประเทศอื่น ๆ ทั่วภูมิภาค
ซึ่งสอดรับกับนโยบายส่งเสริมของภาครัฐ ที่ต้องการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกอาหารระดับภูมิภาค ที่เรียกว่า Regional Food HUB
โดย Tyson Foods มีโรงงานผลิตในประเทศไทย 6 แห่ง ที่ดำเนินการผลิตเนื้อสัตว์ ทั้งแบบสด และแบบแช่แข็ง เพื่อจำหน่ายในประเทศ และส่งออกไปกว่า 20 ประเทศทั่วเอเชีย
และโรงงานของ Tyson Foods ในไทย ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตไก่แบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ
สำหรับแบรนด์ที่ Tyson Foods นำเข้ามาตีตลาดในไทย จะมีด้วยกัน 2 แบรนด์คือ
1. Tyson ผลิตภัณฑ์ไก่ปรุงสุกแช่แข็งพร้อมทาน
ที่ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “COUNT ON US” ทุกคนสามารถวางใจและเชื่อใจ Tyson ได้
ทั้งในเรื่องของ “รสชาติ” ด้วยเทคโนโลยีการหมักสุญญากาศ จึงทำให้เนื้อไก่นุ่ม ชุ่มฉ่ำ และรสชาติเข้าเนื้อทุกเมนู
ส่วนเมนูไก่ทอดใช้เทคนิคการเคลือบกรอบแบบพิเศษ ที่ทำให้คงความกรอบ อร่อยตั้งแต่คำแรกจนถึงคำสุดท้าย
“คุณภาพ” การันตีคุณภาพไก่ทุกชิ้น ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารระดับโลก
และทุกโรงงานผลิต ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากลที่ทั่วโลกยอมรับ
“สะดวก” ทุกผลิตภัณฑ์ถูกออกแบบให้สามารถทานได้ง่ายและสะดวก ไม่ว่าจะนำไปทอดด้วย Air Fryer, Deep Fry นำเข้าไมโครเวฟ หรืออุ่นด้วยวิธีอื่น ๆ ก็สามารถทำได้ทันทีไม่ต้องรอน้ำแข็งละลาย เหมาะกับผู้บริโภคในยุคนี้
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์จาก Tyson ก็จะมีให้เลือกหลากหลาย และถูกคิดค้นมาเป็นพิเศษ จากความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง
และการทำงานร่วมกับพันธมิตรในไทย เพื่อให้ถูกปากคนไทยโดยเฉพาะ
เช่น ไก่ทอดกรอบสูตรคลาสสิก, ไก่ป๊อปคอร์น รสฮอตแอนด์สไปซี่, นักเก็ตไก่, ปีกไก่บนสไตล์อเมริกัน, ไก่คาราเกะสไตล์ญี่ปุ่น, ไก่กรอบไม่มีกระดูก, ไก่ย่างเนื้อนุ่ม และอีกมากมาย
2. First Pride ผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืช หรือแพลนต์เบส (Plant-based) 100%
ที่ถูกคิดค้นสูตรให้มีรสชาติและเนื้อสัมผัส เหมือนเนื้อสัตว์มากที่สุด
ด้วยนวัตกรรมเอกสิทธิ์เฉพาะของบริษัท ที่จะใช้โปรตีนทางเลือกจากพืช 4 วัตถุดิบคุณภาพ ได้แก่ ถั่วเหลือง, ข้าวสาลี, ใยไผ่, ใยซิทรัส มาผสมกันอย่างลงตัว ให้เกิดเนื้อสัมผัสแบบใหม่
พร้อมใช้นวัตกรรมเคลือบ 3 ชั้น จึงได้ครบทั้งประโยชน์จากโปรตีน ไฟเบอร์ และความอร่อย กรอบนอกนุ่มใน รสชาติจัดจ้าน จนลืมไปเลยว่าทำมาจากพืช
ที่สำคัญ Tyson Foods ยังไม่ลืมที่จะนำนวัตกรรม มาประยุกต์เข้ากับวัฒนธรรมการกินของคนไทย
เพื่อให้ได้สูตรลับเฉพาะ ที่รสชาติตรงกับความชื่นชอบของคนไทยมากที่สุด
ไม่ว่าจะเป็น Plant-based นักเก็ต, Plant-based ทอดมันทรงเครื่องซอสลาวา และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ
อีกทั้งเร็ว ๆ นี้ First Pride จะมีการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มเติม คือ Plant-based เนื้อสับพร้อมปรุง
ที่นำไปสร้างสรรค์ได้หลากหลายเมนู เช่น ผัดกะเพรา, สปาเกตตี
เอาใจคนอยากรับประทานอาหารเจ ที่ไม่อยากจำเจอีกต่อไป..
ด้วยนวัตกรรม คุณภาพ และรสชาติ ทำให้ First Pride คว้ารางวัล “Best Plant-Based Meat Bangkok” จากงานประกาศรางวัล “Thailand's Plant-Based Food Awards Winners 2021” มาครองได้สำเร็จ
กลุ่มเป้าหมายของ Tyson Foods จะมีทั้งกลุ่มลูกค้าแบบ B2B คือจำหน่ายให้กับคู่ค้าพันธมิตรต่าง ๆ เช่น เครือข่ายร้านอาหารฟาสต์ฟูดขนาดใหญ่, ผู้ประกอบการธุรกิจอาหาร (Food Service)
และแบบ B2C ที่เป็นกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป ซึ่งสามารถลิ้มลองความอร่อยของผลิตภัณฑ์แบรนด์ Tyson และ First Pride ได้ผ่านซูเปอร์มาร์เก็ต และโมเดิร์นเทรดต่าง ๆ รวมถึงช่องทางออนไลน์
นอกจากการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรม และการยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง ซึ่งเป็นดั่ง DNA ขององค์กรแล้ว
Tyson Foods ยังยึดแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจด้วย
โดยบริษัทใช้อาหาร เป็นรากฐานของการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้สังคม
รวมถึงมีส่วนร่วมในการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น ที่บริษัทเข้าไปทำตลาด ผ่านกิจกรรมที่สร้างสรรค์ต่าง ๆ
เช่น การมอบไก่ปรุงสุก เพื่อบรรเทาความหิวโหย ช่วยเหลือด้านภัยพิบัติ จัดกิจกรรมเพื่อสังคม รวมไปถึงการแสดงความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อม
แสดงให้เห็นว่า Tyson Food ไม่ได้เป็นเพียงแค่แบรนด์ขายไก่ทอดจากสหรัฐอเมริกา เท่านั้น
แต่เป็นแบรนด์ที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ที่สร้างการเติบโตให้ธุรกิจควบคู่ไปกับการคืนสิ่งดี ๆ สู่สังคมทั่วโลก อีกด้วย..
#TysonFoods #ไก่ไทสัน #เนื้อนุ่มกลมกล่อมจากเทคโนโลยีการหมักระบบสุญญากาศ #อร่อยง่ายได้คุณภาพ #ฟินเต็มคำ #FirstPride #เลือกคำที่ใช่ใครๆก็ชอบ #อร่อยจนลืมไปเลยว่าทำจากพืช
Reference:
-ข้อมูลจาก Tyson Foods Advertorial https://www.marketthink.co/20352
© 2024 BrandCase. All rights reserved. Privacy Policy.