เปิดดีล 2 ยักษ์ใหญ่ SCGL x JWD ผนึกกำลังสู่ผู้นำโลจิสติกส์และซัพพลายเชนรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน

เปิดดีล 2 ยักษ์ใหญ่ SCGL x JWD ผนึกกำลังสู่ผู้นำโลจิสติกส์และซัพพลายเชนรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน

9 มี.ค. 2023
เปิดดีล 2 ยักษ์ใหญ่ SCGL x JWD ผนึกกำลังสู่ผู้นำโลจิสติกส์และซัพพลายเชนรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน
SJWD x ลงทุนแมน
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ระบุสถานการณ์ธุรกิจโลจิสติกส์ไทย ปี 2565 มีทิศทางขยายตัวที่ดี โดยธุรกิจการบริหารจัดการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่โลจิสติกส์มีการเติบโตเปิดกิจการใหม่ 39.6% ในปีที่ผ่านมา
แต่ตลาดนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงและท้าทายตลอด
โดยความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุด คือ 2 ยักษ์ใหญ่ได้ผนึกกำลังและก้าวขึ้นป็นเบอร์หนึ่งในอาเซียน
บริษัทที่เราจะไปทำความรู้จักเป็นใคร และน่าสนใจอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง…
การประกาศดีลของ 2 ค่ายระหว่าง SCGL บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC
และ JWD หรือ บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนชั้นนำระดับภูมิภาคอาเซียน
ทั้งสองค่ายได้รวมดีลกิจการภายใต้ชื่อบริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)
โดย JWD ซึ่งอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่แล้ว ได้เปลี่ยนตัวย่อการซื้อขายหุ้นไปเป็น SJWD เมื่อ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
การผนึกกำลังครั้งนี้ JWD ได้ออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 791,020,363 หุ้น
และเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงต่อบุคคลในวงจำกัด ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ SCGL ที่ราคาหุ้นละ 24.02 บาท
เพื่อเป็นค่าตอบแทนการรับโอนหุ้นสามัญทั้งหมดของ SCGL โดยวิธีแลกหุ้น
หลังจากนั้นผู้ถือหุ้นเดิมของ SCGL ได้เข้ามาถือหุ้นใน JWD ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 43.7 ของหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ JWD
โดยได้มีการทำการลดทุนและเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ เป็น 905,510,153.00 บาท จากเดิม 510,000,000.00 บาท
ซึ่งการทำธุรกรรมดังกล่าวเสร็จสิ้นไปเรียบร้อยเมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
นอกจากนั้นยังมีการปรับโครงสร้างการดำเนินงานของบริษัทฯ โดยมีนายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ซึ่งเป็นตัวแทนของ JWD และนายบรรณ เกษมทรัพย์ ตัวแทนจากกลุ่ม SCGL ร่วมกันบริหารงานในตำแหน่ง Co-CEO (ประธานเจ้าหน้าที่การบริหารร่วม) และปรับโครงสร้างภายใน
หลังจากนั้นคาดว่าบริษัทฯ จะรับโอนกิจการทั้งหมดของ SCGL เสร็จสิ้นภายในไตรมาส 4/2566
เมื่อโฟกัสสองบริษัทนี้มีสเกลธุรกิจที่ใหญ่ และมีความโดดเด่นหลายอย่าง โดย JWD เชี่ยวชาญในกลุ่มสินค้าเฉพาะทาง เช่น สินค้าควบคุมอุณหภูมิ สินค้าอันตราย และรถยนต์ ฯลฯ
ส่วน SCGL มีความชำนาญสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ เช่น เหล็กและวัสดุก่อสร้าง กระดาษและบรรจุภัณฑ์ และสินค้าอุปโภคบริโภค ฯลฯ
นอกจากนั้น SCGL ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจเรื่อง Digital & Sustainability Logistics โดยการนำ Digitalization เข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพการให้บริการที่สูงขึ้น
ซึ่งช่วยลดเวลาในการทำงาน ลดต้นทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ
และช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ผ่านการพัฒนาระบบในบริษัท เช่น การใช้ Platform as a Service (PaaS), การวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าเพื่อพัฒนาการบริการ รวมถึงการใช้ระบบติดตามขนส่ง ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย และประสิทธิภาพการให้บริการ
ขณะที่ในด้าน Sustainability ได้มุ่งเน้นการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและสังคม ผ่านแนวคิด ESG (Environment, Social, Governance) ประกอบด้วย
1. การหา Solution ในการเพิ่ม Backhaul Matching หรือ การ Match เที่ยวรถระหว่างขาไปขากลับ เพื่อไม่ให้เกิดการขนส่งเที่ยวเปล่า รวมถึงลดการใช้เชื้อเพลิงเพื่อลดการเกิดมลพิษทางอากาศ
2. บริการขนส่งสินค้าต่อเนื่องหลายรูปแบบ Multi modal ด้วยเครือข่ายการขนส่งทางรถและทางเรือเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการขนส่งสินค้าภายในประเทศ หรือ นำเข้า-ส่งออกสินค้า
3. ใช้ระบบ TMS (Transportation Management System) ช่วยให้การจัดส่งที่เน้น ESG มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจาก TMS ใน Logistics ทั้งหมดครอบคลุมตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ ทำให้เข้าสู่การขนส่งแบบยั่งยืนมากขึ้น
4. Telematics Solution คือ เทคโนโลยีที่ใช้ควบคู่กับการขับขี่ เพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง ลดต้นทุนและเพิ่มความพึงพอใจให้กับผู้ใช้บริการ และเพิ่มความปลอดภัยในทุกเที่ยวการขนส่งสินค้า
5. นำการใช้พลังงานจาก Solar Roof โดยติดตั้งบนหลังคาของคลังสินค้า
ดังนั้นเมื่อ JWD กับ SCGL ผนึกกำลังรวมกันทำให้การบริหารธุรกิจโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่งและเพิ่มขีดความสามารถมากขึ้น
ครอบคลุมทั้งบริการคลังสินค้า ซัพพลายเชน และการขนส่งสินค้าแบบต่อเนื่องหลายรูปแบบ อาทิ ทางราง เรือ เครื่องบิน
ทำให้ก้าวขึ้นสู่ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนอย่างครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน
ล่าสุด ได้มีแผนขยายธุรกิจ ทั้ง 5 ส่วน ดังนี้
การเพิ่มรายได้จากการ Cross-Sale หรือ การขายสินค้า-บริการที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าในกลุ่มธุรกิจ เช่น สินค้าควบคุมอุณหภูมิ และสินค้าอุปโภคบริโภค และ Up Sale ที่สนับสนุนให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการที่มากกว่าการตัดสินใจซื้อตอนแรก จากฐานลูกค้าเดิมของ SCGL และ JWD เพื่อเพิ่มรายได้และประหยัดต้นทุน
สร้างมูลค่าเพิ่มในบริการเดิม ที่แต่ละฝ่ายมีความชำนาญ เช่น คลังห้องเย็น, ลานจอดรถยนต์, คลังสินค้าอันตราย, การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ ฯลฯ
เชื่อมต่อฐานการให้บริการในภูมิภาคอาเซียนแบบไร้รอยต่อ โดยนำโมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในไทย ไปสร้างการเติบโตในต่างประเทศ
ให้บริการแบบ D2C (Direct to Consumer) เช่น ห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า, โลจิสติกส์ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ, การขนส่งแบบด่วน
พัฒนาขอบเขตการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ในธุรกิจใหม่ ๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม, บริการพัฒนาซอฟต์แวร์ สำหรับจัดการโลจิสติกส์ ฯลฯ
เชื่อว่าหลังจากผนึกกำลังกันครั้งนี้การให้บริการจะตอบสนองต่อความต้องการในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าและโลจิสติกส์มากขึ้น และติดปีกสู่ผู้นำเบอร์หนึ่งการให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนในภูมิภาคอาเซียนได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น…
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.