B+ESG กลยุทธ์ของ “ทีทีบี” ก้าวสู่การธนาคารเพื่อความยั่งยืนเบอร์ต้นของไทย
ทีทีบี x ลงทุนแมน

ปัจจุบัน ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก อยู่ที่ 55 ล้านล้านกิโลกรัมต่อปี นับว่าไม่น้อยเลยเมื่อเทียบกับ 100 ปีก่อน ที่มีสัดส่วนเพียง 20% ของตัวเลขนี้

โดยภาคส่วนที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นอันดับต้น ๆ คือ การขนส่ง, ไฟฟ้า, อุตสาหกรรม, ที่อยู่อาศัย และการเกษตร รวมทั้ง ธุรกิจผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล และธุรกิจโรงงานไฟฟ้า

หนึ่งในธุรกิจที่มีบทบาทสำคัญสำหรับประเด็นนี้ คงไม่พ้น “ธนาคาร” ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการเติบโตของธุรกิจต่าง ๆ ด้วยการปล่อยสินเชื่อ

นั่นเลยเป็นที่มาของการออกกลยุทธ์ B+ESG ของ ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี สู่ “การธนาคารเพื่อความยั่งยืน”

และได้จัดงานสัมมนากลยุทธ์ B+ESG พร้อมชวนผู้บริหารจากบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และตัวแทนจากมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มาเปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจ

กลยุทธ์ B+ESG มีความน่าสนใจอย่างไร ?
แล้วแตกต่างจาก ESG ของรายอื่น ๆ อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

กลยุทธ์ B+ESG คือ การผสานธุรกิจ และความยั่งยืน เป็นเนื้อเดียวกัน

แน่นอนว่า หลาย ๆ คนคงคุ้นเคยกับคำว่า ESG อยู่แล้ว แต่สำหรับ ทีทีบี ได้เพิ่ม B หรือ Business Sustainability ไปด้วย เพราะ ทีทีบี เชื่อว่าการเติบโตของสังคมและสิ่งแวดล้อมจะเกิดขึ้นได้ยาก ถ้าธุรกิจไม่มีความแข็งแกร่ง

กลยุทธ์ B+ESG จึงอยู่บนพื้นฐานของการสร้างการเติบโตและความยั่งยืน ให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ชุมชน และสังคม

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวเสริมว่า

“ทีทีบี เชื่อว่าเรื่องของธุรกิจและความยั่งยืนยากที่จะแยกออกจากกันได้ เพราะการที่เศรษฐกิจจะเติบโตได้ดีในระยะยาว ต้องมาพร้อมกับการพัฒนาทุก ๆ ภาคส่วนอย่างเท่าเทียม ซึ่งทีทีบี ตั้งเป้าหมายจะเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืน ด้วยการนำกลยุทธ์ B+ESG เข้ามาใช้ควบคู่”

แล้วกลยุทธ์ B+ESG น่าสนใจอย่างไร ?

1. Business Sustainability ความยั่งยืนทางธุรกิจ

ตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา ทีทีบี ไม่เคยหยุดขับเคลื่อนองค์กรเพื่อสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีแก่คนไทย

ปัจจุบันคนไทยกว่า 2,000,000 คน ได้รับความคุ้มครองชีวิต และค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุฟรี ผ่านบัญชี ttb all free มูลค่าการดูแลรักษากว่า 126 ล้านบาท และยังช่วยให้ลูกค้ามีความคุ้มครองที่เหมาะสมผ่านประกันสุขภาพกว่า 22,500 กรมธรรม์ ประกันการออมกว่า 32,700 กรมธรรม์ และประกันคุ้มครองชีวิตกว่า 380,000 กรมธรรม์

ที่สำคัญ ยังส่งเสริมให้ลูกค้าลดภาระดอกเบี้ยผ่านบริการรวบหนี้ หรือ Debt Consolidation ไปแล้วกว่า 2.9 พันราย ประหยัดค่าดอกเบี้ยไป 392 ล้านบาท

นอกจากนี้ ทีทีบี ยังพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ บนแอป ttb touch ช่วยให้พนักงานเงินเดือน และคนมีรถยนต์ จัดการเรื่องสำคัญได้อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น

- ทำธุรกรรมทางการเงินได้แบบครบ จบ ในที่เดียว
- จ่าย-เช็กยอดสินเชื่อรถยนต์
- ต่อประกันภัยรถยนต์ และ พ.ร.บ.
- สมัครสินเชื่อรถยนต์ ttb DRIVE

สำหรับ ลูกค้าธุรกิจ..

ทีทีบี เพิ่งเปิดตัวแพลตฟอร์ม “รถโดนใจ” ที่รวบรวมรถยนต์มือสองคุณภาพสูง พร้อมไฟแนนซ์รถยนต์กับ ttb DRIVE ง่าย ๆ แบบไร้รอยต่อ

ความสำเร็จของแพลตฟอร์ม รถโดนใจ สะท้อนได้ผ่านจำนวนดีลเลอร์รถยนต์ที่เติบโตกว่า 900 ราย และแสดงถึงศักยภาพของ ทีทีบี ในการพัฒนา Ecosystem ที่มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ทั้งลูกค้า และธุรกิจคู่ค้า

ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา ทีทีบี ยังให้ความสำคัญด้วยการมอบองค์ความรู้แก่ลูกค้าธุรกิจ โดยการจัดอบรมหลักสูตร LEAN for Sustainable Growth by ttb ที่มีบริษัทเข้าร่วมมากกว่า 1,700 แห่ง

สำหรับ ลูกค้านักลงทุน..

ทีทีบี ได้พัฒนา ttb smart port ง่ายต่อการวางแผนและเริ่มลงทุน พร้อมผู้เชี่ยวชาญ และนักวิเคราะห์คอยดูแลอย่างใกล้ชิด

ปี 2566 มีลูกค้าที่ลงทุนผ่าน ttb smart port แบบ Dollar-Cost Averaging (DCA) หรือ การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน เพิ่มขึ้นกว่า 41% เลยทีเดียว

2. Environmental Sustainability ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

รู้หรือไม่ว่า ทีทีบี เป็นธนาคารแห่งแรก ที่ออกหุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนทางทะเล

โดยในปี 2565 ธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อสีเขียวไปมากกว่า 13,000 ล้านบาท และเป็นผู้นำตลาดปล่อยสินเชื่อรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ราว 6,500 ล้านบาท

ที่น่าสนใจคือ ในปี 2566 ทีทีบี ตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนเพิ่มอีกกว่า 9,000 ล้านบาท พร้อมลดสินเชื่อโครงการที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่าง เหมืองถ่านหิน และโรงไฟฟ้าถ่านหิน อีกด้วย

หนึ่งแรงกระเพื่อมอย่างเห็นผล เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนทางทะเลโดยทีทีบี สะท้อนผ่านการก้าวสู่ Blue Finance หรือ การบริหารการเงินที่ส่งเสริมความยั่งยืนเพื่อเป้าหมายการอนุรักษ์ท้องทะเล ทั้งในการดูแลมหาสมุทร และอุตสาหกรรมอาหารทะเล ของ บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป

โดย ทีทีบี ได้ปล่อยสินเชื่อระยะสั้นกว่า 5,000 ล้านบาท ให้แก่ บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ผู้นำธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารทะเลระดับโลก ซึ่งเป็นบริษัทที่พร้อมดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับผู้คน ควบคู่ไปกับการดูแลอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล (Healthy Living, Healthy Oceans)

ไม่เพียงเท่านั้น ทีทีบี ยังได้นำโซลูชันทางการเงินที่ยั่งยืนไปประยุกต์ใช้กับกลุ่มมิตรผล ที่ประสบปัญหาการเผาไร่อ้อย ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อปัญหา PM2.5

เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระดอกเบี้ยแก่ชาวไร่ ให้มีเงินทุนใช้เพาะปลูกและตัดอ้อย โดยไม่ต้องเผา ทีทีบี ได้จับมือกับกลุ่มมิตรผล นำดิจิทัลโซลูชันให้เกษตรกรได้เข้าถึงบริการทางการเงินที่ทันสมัย และปลอดภัย

นอกจากนี้ ทีทีบี ยังได้ปล่อยสินเชื่อให้แก่กลุ่มมิตรผล ภายใต้แนวคิด “มิตรผลโมเดิร์นฟาร์ม” เพื่อให้บริษัทนำเงินไปซื้ออุปกรณ์การเกษตรสมัยใหม่ เพิ่มผลผลิต และลดต้นทุน พร้อมมุ่งหน้าสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593

3. Social Sustainability ความยั่งยืนด้านสังคม

เป็นสิ่งที่ ทีทีบี ให้ความสำคัญอยู่เสมอมา โดยในปีที่ผ่านมา ทีทีบี ประสบความสำเร็จในหลากหลายมิติ เช่น

- สินเชื่อธุรกิจ SME ที่สร้างผลกระทบเชิงบวกด้านสังคม 318 ล้านบาท
- ลงทุนในโครงการเพื่อพัฒนาสังคม 38 ล้านบาท
- กิจกรรมเพื่อสังคม โดยมีผู้ได้รับผลประโยชน์มากกว่า 48,000 ราย

รวมทั้ง โครงการปันบุญ พื้นที่ช่วยมูลนิธิและองค์กรสาธารณกุศล ให้เข้าถึงฐานผู้บริจาคได้มากขึ้น ผ่านโลกออนไลน์ และระบบจัดการการเงินแบบครบวงจร

หนึ่งในนั้นคือ มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ จากเดิมได้รับยอดบริจาคเพียงหลักแสนบาทต่อปี หลังจากเข้าร่วมโครงการ ได้รับยอดบริจาคที่เพิ่มขึ้นกว่า 4 ล้านบาท และยังเข้าถึงโซลูชันบริหารการเงินครบวงจร ส่งผลดีต่อทั้งมูลนิธิ และผู้บริจาค ที่ต้องการเอกสารเพื่อลดหย่อนภาษี

ปัจจุบันโครงการปันบุญ มีมูลนิธิที่เข้าร่วมอยู่ 270 แห่ง และระดมเงินบริจาคไปแล้วมากกว่า 400 ล้านบาท เลยทีเดียว..

อีกหนึ่งโครงการหลักที่ ทีทีบี ให้ความสำคัญเสมอมา เป็นโครงการ CSR หรือ Corporate Social Responsibility ที่มุ่งเน้นสอนให้คนจับปลาแทนการให้ปลา คือ โครงการไฟ-ฟ้า ที่จุดประกายเยาวชนและชุมชนกว่า 10,000 ราย เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น

โดยโครงการไฟ-ฟ้า คือ ศูนย์การเรียนรู้สำหรับเยาวชน อายุ 12-17 ปี ให้ใช้เวลาอย่างเกิดประโยชน์ ผ่านกิจกรรมที่สร้างสรรค์ (Art Skills) และทักษะการใช้ชีวิต (Life Skills) โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น

4. Corporate Governance & Business Ethics บรรษัทภิบาลและจริยธรรมทางธุรกิจ

ด้วยโครงสร้างกรรมการ และทีมงานของ ทีทีบี ที่คอยคิดค้น พัฒนานโยบายที่ถูกต้องและเป็นธรรม เพื่อให้ธนาคารเติบโตอย่างยั่งยืน และยังผ่านการรับรองเป็นสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต และมีเคสการทุจริตเป็น 0 กรณี คือ ไม่เคยเกิดขึ้นเลยตั้งแต่จัดตั้งธนาคาร

ตัวอย่างรางวัลการันตี ก็เช่น
- รางวัล “การเงินที่เป็นธรรม” จาก Fair Finance Thailand คว้าอันดับหนึ่งด้วยคะแนนสูงสุดในกลุ่มธนาคารไทยด้าน ESG ถึง 4 ปีซ้อน

- อันดับ 1 ในกลุ่มสถาบันการเงินในประเทศไทย ที่ได้รับรางวัล “Best in ESG” ในปี 2566 จากสถาบันวิจัยระดับโลกอย่าง Institutional Investor’s 2023 Asia (ex-Japan) Executive Team จากการโหวตของนักวิเคราะห์

ทีนี้ แล้วมุมมองของผู้บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มองการดำเนินงานแบบ ESG เป็นอย่างไร ?

นายยงยุทธ เสฏฐวิวรรธน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการบริหารการเงินกลุ่มและศูนย์บริการร่วมทางการเงิน บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป กล่าวว่า

“ย้อนกลับไปในปี 2557 ประเทศไทยถูกจัดอันดับโดย Trafficking in Persons Report (TIP) ให้อยู่ใน Tier 3 หรืออันดับที่ต่ำที่สุด ในเรื่องการดูแลแรงงาน และสวัสดิภาพความเป็นอยู่ของแรงงาน ส่งผลให้สินค้าที่มาจากประเทศไทยเผชิญปัญหาส่งออกไปยังประเทศฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก”

ซึ่งไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ในฐานะผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก จึงได้เดินหน้าคิดค้นกลยุทธ์และปรับตัวครั้งสำคัญ เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ภายใต้กลยุทธ์ความยั่งยืน หรือ SeaChange® ที่ประกาศเมื่อปี 2559 โดยแบ่งออกเป็น

- Safe and Legal Labor ดูแลความเป็นอยู่ของแรงงาน ให้มีการจ้างอย่างถูกต้อง รวมถึงดูแลความปลอดภัยให้มีชีวิตที่ดีขึ้น
- Responsibility Sourcing คำนึงถึงกฎเกณฑ์การทำประมง ให้ถูกหลักเกณฑ์ของเวทีโลก
- Responsibility Operation การดำเนินงานต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสังคม
- People and Communities ตอบแทนสังคม

จนสามารถก้าวสู่ความเป็น Blue Finance หรือ การเงินที่ส่งเสริมความยั่งยืน

โดยนวัตกรรมทางการเงินที่เกิดขึ้นโดยศูนย์บริหารและบริการร่วมทางการเงินของไทยยูเนี่ยน ส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจทั้งในเรื่องต้นทุนทางการเงินและประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงตอบโจทย์การทำงานด้านความยั่งยืนของบริษัทที่ครอบคลุมการทำงานในทุกมิติ รวมถึงการเงินของบริษัทด้วย

ปิดท้ายด้วย นางศีลดา รังสิกรรพุม ผู้จัดการมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ ได้กล่าวว่า

“ทีทีบี ไม่เพียงแต่จะเข้ามาช่วยพัฒนาโซลูชันทางการเงินที่เชื่อมต่อระหว่างมูลนิธิ และผู้บริจาค แต่ยังทำให้ยอดบริจาคเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดอีกด้วย

แต่มูลนิธิยังได้นำแนวคิด และองค์ความรู้ที่ ทีทีบี มอบให้ มาประยุกต์เข้ากับการทำงาน เพื่อให้มูลนิธิสามารถปรับตัวให้ทันกระแสดิจิทัล และพฤติกรรมผู้บริจาครุ่นใหม่ ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

นอกจากนี้ ทีทีบี ยังคอยช่วยทำการตลาดให้แก่มูลนิธิ เพื่อเพิ่มยอดผู้บริจาครายใหม่ และสร้างความมั่นใจให้ผู้บริจาคว่า เงินที่บริจาคมาทั้งหมดผ่านปันบุญ จะถูกส่งตรงมาถึงมูลนิธิทันที และ นำไปใช้ในทางที่ถูกต้อง อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด”

มาถึงตรงนี้ การดำเนินงานแบบ ESG เป็นเมกะเทรนด์ที่หลาย ๆ บริษัทชั้นนำทั่วโลกให้ความสนใจ

ทีทีบี ในฐานะธนาคารชั้นนำของประเทศไทย ไม่เพียงให้ความสำคัญกับ ESG เพื่อให้เศรษฐกิจ สังคม ชุมชนและสิ่งแวดล้อม เติบโตควบคู่กันอย่างยั่งยืน

แต่ ทีทีบี ยังมีกลยุทธ์ B+ESG เป็นหนึ่งใน Mission ของธนาคาร เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้า คู่ค้า และพันธมิตรทางธุรกิจ เกิดความมั่นคงและยั่งยืน ตลอดไป..

References:
-ข่าวประชาสัมพันธ์เปิดตัวกลยุทธ์ B+ESG ทีเอ็มบีธนชาต
-https://www.theguardian.com/sustainable-business/2017/jul/10/100-fossil-fuel-companies-investors-responsible-71-global-emissions-cdp-study-climate-change
-https://ourworldindata.org/greenhouse-gas-emissions
-https://thaipublica.org/2022/01/6-years-iuu-fishing-solutions02/