“พึ่งพาจีน” ความจำเป็น ที่ไทยต้องจำยอม ?

“พึ่งพาจีน” ความจำเป็น ที่ไทยต้องจำยอม ?

22 ก.พ. 2024
“พึ่งพาจีน” ความจำเป็น ที่ไทยต้องจำยอม ? /โดย ลงทุนแมน
“เศรษฐกิจไทยขึ้นอยู่กับจีน” เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินประโยคนี้
ซึ่งมีที่มาจากการที่เศรษฐกิจไทยต้องพึ่งพาจีนในหลาย ๆ ด้าน จนทำให้จีนกลายเป็นประเทศที่มีความสำคัญกับไทยเป็นอย่างมาก
แต่ในปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจจีนดูแผ่วลง ข่าวร้ายทางเศรษฐกิจรายล้อมรอบด้าน ทำให้การเติบโตไม่เป็นไปตามที่ทั่วโลกคาดหวัง
และปฏิเสธได้ยากว่า ถ้าจีนสะดุด ประเทศไทยก็จะได้รับผลกระทบตามจีน ไม่มากก็น้อย
แล้วไทยพึ่งพาจีนมากแค่ไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราพึ่งพาประเทศจีนเป็นอย่างมาก เพราะเครื่องจักรทางเศรษฐกิจเครื่องใหญ่ของไทย อย่างการท่องเที่ยวและการส่งออก มีจีนเป็นผู้หมุนกงล้อหลัก
ในด้านการส่งออก เงินทุก 10 บาท ที่เราได้จากการส่งสินค้าไปขายยังต่างประเทศ 1 บาทนั้น จะมาจากประเทศจีนเสมอ
โดยเฉพาะ ผลไม้ หนึ่งในสินค้าส่งออกสำคัญของไทย ที่ทุกรายได้ 9 ใน 10 บาท ที่เราได้จากการขาย จะเป็นเงินที่มาจากจีน
ด้วยประชากรและความต้องการบริโภคอันมหาศาล ทำให้จีนเป็นผู้ซื้อสินค้ารายใหญ่อันดับ 2 ของการส่งออกไทย โดยมีมูลค่าการส่งออกรวมกว่า 1.18 ล้านล้านบาท ในปี 2566
ในขณะเดียวกัน เราเองก็พึ่งพาสินค้าหลาย ๆ อย่างจากจีน เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงใช้ขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน, เครื่องจักรไฟฟ้า, เครื่องจักรกล, เคมีภัณฑ์
ซึ่งในปี 2566 จีนเป็นประเทศที่ไทย นำเข้าสินค้ามากที่สุด ด้วยมูลค่ากว่า 2.47 ล้านล้านบาท
ส่วนด้านการท่องเที่ยว จีนก็เป็นชาติที่เดินทางมาจับจ่ายใช้สอยในไทยมากที่สุด
โดยในช่วงก่อนล็อกดาวน์ รายได้ของโรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ตลอดจนอีกหลายธุรกิจ ที่ได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทุก ๆ 100 บาท จะมาจากชาวจีนถึง 28 บาท
ตัวเลขนี้คงสะท้อนถึงความสำคัญของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีต่อไทยได้เป็นอย่างดี
ถึงแม้ในปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวชาวจีน จะยังกลับมาไม่มากนัก แต่ในปีนี้เราก็ตั้งเป้าไว้มากกว่าเดิม 2 เท่า ด้วยนโยบายฟรีวีซ่าถาวรให้นักท่องเที่ยวชาวจีน
นอกจาก 2 เครื่องจักรนี้แล้ว ยังมีอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ ที่ก็อยู่เบื้องหลังการพัฒนาของไทย ในช่วงที่ผ่านมาเช่นกัน
นั่นก็คือ การมีต่างชาติเข้ามาลงทุนภายในประเทศ เช่น การตั้งโรงงานผลิตสินค้า ซึ่งทำให้เกิดการจ้างงาน และทำให้เกิดการยกระดับอุตสาหกรรมไทย
และจีนก็เป็นผู้ที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด โดยคิดเป็นมากกว่า 1 ใน 5 ของเงินลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมดที่ได้รับการอนุมัติให้ส่งเสริมการลงทุนจากไทย
โดยจีนมีการลงทุนรวม 347 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมมากกว่า 124,782 ล้านบาท หรือเทียบได้กับงบลงทุนที่ไทยใช้ในการสร้างรถไฟฟ้ามากกว่า 2 สาย
ซึ่งธุรกิจที่จีนมาลงทุน ก็มีตั้งแต่ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่, ธุรกิจผลิตภัณฑ์โลหะ และธุรกิจผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น
และในวันนี้ความสำคัญของจีน ก็กำลังไม่ได้อยู่แค่การท่องเที่ยว การส่งออก และการลงทุน เท่านั้น
แต่ครอบคลุมไปถึง ภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่ตอนนี้ก็มีชาวจีนเป็นลูกค้าหลักเช่นกัน
เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ห้องชุดที่เราขายให้ชาวต่างชาติ กว่าครึ่งหนึ่งเป็นการขายให้ชาวจีน
โดยแค่เพียง 9 เดือนแรกในปี 2566 ชาวจีนก็มีการซื้อห้องชุดในไทยไปแล้วมากถึง 4,991 ห้อง มูลค่ารวมกว่า 24,740 ล้านบาท
ทั้งนี้ สาเหตุที่เราเน้นขายคอนโดฯ ให้ชาวต่างชาติมากขึ้น ก็เป็นเพราะคนไทยเริ่มหมดกำลังซื้อกันแล้วนั่นเอง
โดยเหลือเพียงแค่คอนโดฯ ราคาแพงเท่านั้นที่ยังขายได้ เนื่องจากยังมีกลุ่มผู้ที่มีกำลังซื้อสูง ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจ
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้หลายบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในไทยหันมาทำคอนโดฯ จับกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติกันมากขึ้น
ซึ่งจีนก็เป็นชาติที่มีกำลังซื้อ และมีความต้องการจะมาอยู่ไทย จากเหตุผลหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น เพื่อหลีกหนีปัญหาภายในประเทศ, เห็นช่องทางในการทำธุรกิจ หรือแม้แต่การมาเรียนต่อที่ไทย
สาเหตุที่ทำให้ชาวจีนมาเรียนต่อที่ไทยกันมากขึ้น ก็เนื่องมาจากระบบการศึกษาของจีนนั้น มีการแข่งขันที่สูง กดดัน และหนักจนเกินไป ทำให้ชาวจีนบางส่วนตัดสินใจออกมาเรียนต่อยังต่างแดน
และไทยก็เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ชาวจีนตัดสินใจมา เนื่องจากมีค่าเรียนและค่าครองชีพที่ถูกกว่า เดินทางไม่ไกล และมีวัฒนธรรมแบบเอเชีย จึงทำให้ไม่ต้องปรับตัวมากนัก
ถ้าดูตัวเลข นักศึกษาจีนในมหาวิทยาลัยเอกชน ก็จะพบว่า กำลังมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ปี 2562 มีจำนวน 8,197 คน
ปี 2564 มีจำนวน 10,756 คน
ปี 2566 มีจำนวน 15,722 คน
โดยทุก ๆ 100 คนที่เป็นนักศึกษาต่างชาติ จะมีคนจีนถึง 69 คน ซึ่งสร้างรายได้เป็นจำนวนมากให้แก่มหาวิทยาลัย
เห็นได้ว่าในวันนี้ แม้แต่ธุรกิจด้านการศึกษา อย่างมหาวิทยาลัยเอกชน เราก็ต้องพึ่งพานักศึกษาจีนแล้วเช่นกัน
จากที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่าการเติบโตของไทยในช่วงที่ผ่านมา มีจีนเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ
โดยนอกจากไทย ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่ก็ต้องพึ่งพาจีนเช่นกัน โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านของเรา อย่างเวียดนาม, กัมพูชา หรือลาว
มองมุมหนึ่ง ก็เป็นเรื่องดี ที่อย่างน้อยเราก็มีพี่ใหญ่อย่างจีนให้พึ่งพา เพราะถ้าไม่มีจีน ก็คงไม่ได้มีรายได้จากการท่องเที่ยวและการส่งออกที่มากขนาดนี้ ซึ่งจะทำให้หลายธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อาจไปไม่รอด
แต่เมื่อมองอีกมุมหนึ่ง การที่เศรษฐกิจเราต้องพึ่งพาประเทศใดประเทศหนึ่งมากเกินไป ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน
เพราะเมื่อประเทศที่เราพึ่งพา เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ หรือมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย ก็อาจทำให้เราได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อย่างเช่นในช่วงที่ผ่านมา ที่เศรษฐกิจจีนเริ่มไม่โตแรงแบบเดิม และส่งสัญญาณถึงปัญหาเศรษฐกิจจากภายใน ก็ทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนมาไทยน้อยลง และนำเข้าสินค้าบางชนิดจากเราลดลง
รวมถึงการเริ่มใช้นโยบายที่เน้นการพึ่งพาตัวเองมากขึ้น ก็ทำให้จีนนำเข้าสินค้าบางอย่างจากเราน้อยลงเช่นกัน อย่าง ปิโตรเคมี ที่จีนเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญ เมื่อจีนผลิตเองได้มากขึ้น ก็ลดการนำเข้า เราจึงได้รับผลกระทบตามไปด้วย
หรือแม้แต่ ความเสี่ยงเรื่องการแข่งขันในประเทศ ที่เมื่อมีคู่แข่งและสินค้าจากจีน ทะลักเข้าไทยมากเท่าไร ก็ทำให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะรายเล็ก อยู่ลำบากมากขึ้น
และถ้าถามว่าทำไมเราถึงต้องพึ่งพาจีน ?
ก็ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งมาจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่เรามีอยู่
- หนี้ครัวเรือนที่สูง ทำให้คนหมดกำลังซื้อ ธนาคารไม่กล้าปล่อยกู้ จนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้องเน้นหารายได้จากชาวต่างชาติมากขึ้น
- สังคมผู้สูงอายุ ที่มีประชากรเกิดใหม่น้อยลงเรื่อย ๆ เลยทำให้หลายธุรกิจต้องหาตลาดใหม่ เช่น มหาวิทยาลัยเอกชนที่ต้องเน้นพึ่งพานักศึกษาต่างชาติมากขึ้น
นอกจากนี้ เรายังไม่มีเครื่องจักรทางเศรษฐกิจตัวใหม่ ทำให้เราต้องพึ่งพารายได้จากอุตสาหกรรมเก่าที่อาจเติบโตได้ช้า
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า GDP ของไทยในปี 2567 จะโตขึ้นประมาณ 3%
โดยมีแรงขับเคลื่อน จากการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น, นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น, การส่งออกที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณการค้าโลก และการใช้จ่ายลงทุนของภาครัฐ
และ จีน ก็ยังคงเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตนี้
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยที่การเติบโตจำเป็นต้องพึ่งพาจีนค่อนข้างมาก ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะโดนหางเลขไปด้วย ในยามที่เศรษฐกิจจีนเกิดปัญหา
ซึ่งก็น่าคิดว่า ในอนาคต จะมีความเป็นไปได้ไหม
ที่สักวันหนึ่ง เราจะปรับตัว และสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง
หรือสุดท้าย ก็สลัดหนีไม่พ้นการพึ่งพา จีน อยู่ดี..
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.boi.go.th/index.php?page=statistics_oversea_report_st
-https://tradereport.moc.go.th/TradeThai.aspx
-https://www.reic.or.th/Research/ResearchGroup/4
-https://info.mhesi.go.th/stat_std_all.php?search_year=2566
-https://www.nso.go.th/nsoweb/index
-ธนาคารแห่งประเทศไทย
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.