อาณาจักร Land & Houses / โดย ลงทุนแมน
ปัจจุบัน บริษัทอสังหาริมทรัพย์ มีอยู่มากมายหลายราย
แต่หนึ่งในแบรนด์ที่คนส่วนใหญ่ต้องเคยได้ยินชื่อ
คงหนีไม่พ้น Land & Houses
รู้ไหมว่า บริษัทนี้ จากที่เคยเกือบล้มละลาย
สามารถก้าวขึ้นมาเป็นยักษ์ใหญ่แห่งวงการได้
เรื่องราวเป็นอย่างไร วันนี้ลงทุนแมน จะมาเล่าถึงอาณาจักรนี้ให้ฟัง

ความเป็นมาของ Land & Houses

Land & Houses หรือตัวย่อ LH เป็นบริษัทธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มีโครงการครอบคลุมทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด

ปี 2502 ผู้ก่อตั้ง คุณเพียงใจ หาญพาณิชย์ เริ่มต้นทำธุรกิจร้านขายผ้ามาก่อน ต่อมาได้รับการชักชวนจากลูกค้า จึงได้สนใจเข้ามาสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยงานชิ้นแรกเป็นการซื้อขายที่ดิน

ปี 2516 คุณเพียงใจได้ทำโครงการหมู่บ้านเป็นครั้งแรก ในโครงการ ศรีรับสุข โดยคุณอนันต์ อัศวโภคิน เริ่มเข้ามาช่วยงานคุณแม่ตั้งแต่นั้นมา

ปี 2526 ได้มีการจัดตั้ง Land & Houses เป็นบริษัทจำกัด โดยมีคุณอนันต์ เป็นประธาน ต่อมาได้นำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2532

ปี 2540 เกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง บริษัทเกือบต้องล้มละลาย ขาดทุนหลักหมื่นล้านบาท เพราะมีการกู้เงินเป็นดอลลาร์สหรัฐ แต่รายได้เป็นเงินบาท เมื่อเกิดการลดค่าเงิน ต้นทุนจึงสูงขึ้นเป็นเท่าตัว ต่อมามีการเจรจากับเจ้าหนี้ ปรับโครงสร้างทางการเงิน จนผ่านพ้นมาได้

ปี 2544 บริษัทเริ่มใช้กลยุทธ์ บ้านสร้างเสร็จก่อนขาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า ว่าสามารถเข้าอยู่ได้ทันทีที่ตัดสินใจซื้อ ซึ่งยังเป็นกลยุทธ์หลักจนถึงทุกวันนี้

ปัจจุบัน LH มีส่วนแบ่งตลาด ในกรุงเทพและปริมณฑล ตามจำนวนหลัง ดังนี้
ตลาดบ้านเดี่ยว 15.0%
ตลาดทาวน์เฮ้าส์ 4.4%
ตลาดคอนโดมิเนียม 2.2%

Land & Houses มีรายได้เท่าไร?
ปี 2532 รายได้ 538 ล้านบาท กำไร 81 ล้านบาท (ปีแรกที่เข้าตลาดหลักทรัพย์)
ปี 2540 รายได้ 8,015 ล้านบาท ขาดทุน 6,532 ล้านบาท (วิกฤติต้มยำกุ้ง)
ปี 2550 รายได้ 19,838 ล้านบาท กำไร 3,159 ล้านบาท
ปี 2560 รายได้ 38,786 ล้านบาท กำไร 10,463 ล้านบาท

โดยผลการดำเนินงานล่าสุดของ LH ถือเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย ที่มีกำไรสูงที่สุด รวมทั้งมีมูลค่าตลาดราว 125,000 ล้านบาท สูงเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม

อะไรที่ทำให้ LH เติบโต จนถึงทุกวันนี้?

หลังจากผ่านวิกฤติเมื่อปี 2540 บริษัทได้ใช้กลยุทธ์ที่เป็นเชิงรุกมากขึ้น เพื่อให้ธุรกิจแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์อะไร

อย่างเช่น การสร้างบ้านให้เสร็จก่อนค่อยขาย อาจจะดูว่ามีความเสี่ยงมาก แต่ก็ทำให้ได้ความเชื่อมั่นจากลูกค้า เพราะได้เห็นสภาพจริงของบ้าน หากโครงการทำได้ดี ก็มีผลต่อการตัดสินใจซื้อแน่นอน ดูจากผลการดำเนินงานแล้ว กลยุทธ์นี้ ประสบความสำเร็จไม่น้อย

และบริษัทได้มีการขยายฐานตลาดให้ครอบคลุมทุกระดับราคา โดยในปี 2560 โครงการที่เปิดดำเนินการ ที่มีมูลค่าต่ำกว่า 6 ล้านบาท มีอยู่ 36% มูลค่าระหว่าง 6 - 25 ล้านบาท มีอยู่ 40% และ มูลค่ามากกว่า 25 ล้านบาท มีอยู่ 24%

ทั้งนี้ อสังหาริมทรัพย์ เป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง ดังนั้นบริษัทจึงให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุนในการบริหารงาน โดยในรายได้ 100 บาท LH จะเป็นค่าใช้จ่าย 73 บาท เหลือเป็นกำไร 27 บาท ถือเป็นอัตรากำไรที่สูงที่สุดเช่นกัน

นอกจากนี้ บริษัทได้เล็งเห็นว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็มีขึ้นมีลง จึงมองหาการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆเพิ่มเติม เช่น

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อื่น เช่น บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ (QH) ซึ่งทำธุรกิจโรงแรม และศูนย์การค้า

ธุรกิจค้าปลีกและวัสดุก่อสร้าง เช่น บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO), บริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ (Q-CON)

ธุรกิจการเงิน เช่น ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LHBANK), ธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุน จัดการกองทุน และบริษัทหลักทรัพย์

เรื่องนี้ทำให้เราคิดได้ว่า

แม้ปัจจุบัน เราจะเห็นบริษัทมีความยิ่งใหญ่ เจริญเติบโต
แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ก็ต้องผ่านการล้มลุกคลุกคลานมาไม่น้อย

แต่ถ้าเราผ่านมาได้ และรู้จักการแก้ปัญหาไปเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ ก็อาจจะทำให้ธุรกิจกลับมายืนได้อย่างมั่นคง เหมือน Land & Houses..
----------------------
<ad> ถ้าเรามีบ้านแล้วอยากประกาศขาย เข้าไปที่เว็บไซต์คลังบ้าน เว็บที่รวบรวมประกาศขายบ้านของคุณจากการลงประกาศเพียงครั้งเดียว
ประกาศของคุณจะถูกเผยแพร่ในงานมหกรรมบ้านดี เว็บไซต์คลังบ้าน และเพจ Facebook บ้านดี
เข้าถึงตรงกลุ่มเป้าหมายคนหาซื้อบ้านทุกทำเล ในแต่ละจังหวัดด้วยหลากหลายช่องทางทั้งสื่อออนไลน์และสื่อออฟไลน์

ติดต่อ: 094-816-1666 , Website: https://goo.gl/1kNNuv
----------------------
Reference
-https://thinkofliving.com/2015/08/20/กว่าจะมาเป็น-land-houses-ประวัติ/
-http://marketeer.co.th/archives/81714
-http://lh-th.listedcompany.com/financials.html
-Annual Report LH
-http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000120062