ทำไมรัสเซีย ถึงยังโตได้โตดี แม้จะโดนคว่ำบาตรครั้งใหญ่ที่สุด

ทำไมรัสเซีย ถึงยังโตได้โตดี แม้จะโดนคว่ำบาตรครั้งใหญ่ที่สุด

ทำไมรัสเซีย ถึงยังโตได้โตดี แม้จะโดนคว่ำบาตรครั้งใหญ่ที่สุด /โดย ลงทุนแมน
หลังจากรัสเซีย โดนหลายประเทศยักษ์ใหญ่ออกมาตรการคว่ำบาตร ที่ทั้ง “หนัก” และ “ครอบคลุม” ในหลายเรื่อง
หลายคนอาจคิดว่าเศรษฐกิจของรัสเซียต้องกำลังเจอกับความยากลำบาก
แต่รู้หรือไม่ว่า ในปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจรัสเซียโตขึ้นถึง 3.6% ซึ่งมากกว่าทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และสหราชอาณาจักร
และในปีนี้ก็คาดว่าจะโตอีก 3.2% ซึ่งก็มากกว่าทุกประเทศที่กล่าวมาอีกเช่นกัน..
แม้จะโดนคว่ำบาตรอย่างหนัก แต่ทำไมเศรษฐกิจรัสเซีย ถึงยังโตได้โตดี
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ด้วยการรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบของรัสเซีย ในปี 2565 และได้ทำให้เกิดกระแสการคว่ำบาตรรัสเซียตามมา
ถ้าถามว่ารัสเซียโดนอะไรบ้าง ก็ไล่ตั้งแต่
- ถูกคว่ำบาตรทางการเงิน ตัดขาดจากระบบการเงินโลก
- ถูกคว่ำบาตรทางการค้า จากทั้งสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักร ที่ระงับการนำเข้าสินค้าจากรัสเซีย ทั้ง น้ำมัน ก๊าซ ถ่านหิน และอีกหลายอย่าง รวมถึงยังห้ามไม่ให้ส่งออกสินค้าไปยังรัสเซีย
โดนชาติตะวันตกคว่ำบาตร ตัดแข้งตัดขาขนาดนี้ ทำไมเศรษฐกิจรัสเซีย ถึงยังโตได้อย่างดี ?
คำตอบก็คือ รัสเซียได้หันมาทำการค้ากับชาติตะวันออกแทน ซึ่งก็คือ จีนและอินเดีย
โดยสินค้าที่เป็นรายได้สำคัญของรัสเซีย ก็คือ น้ำมันและก๊าซ ซึ่งคิดเป็น 35% ของรายได้ของรัฐในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
เมื่อรัสเซียไม่สามารถขายน้ำมันให้กับยุโรปได้ เพื่อไม่ให้รายได้ของตนเองหายไป รัสเซียจึงได้ลดราคาและหาตลาดส่งออกใหม่
และผู้ที่เข้ามาซื้อก็คือ จีนและอินเดีย
2 ประเทศที่มีความต้องการนำเข้าน้ำมันมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
โดยครึ่งหนึ่งของการส่งออกน้ำมันและปิโตรเลียม ของรัสเซีย ในปีที่ผ่านมา เป็นการส่งออกไปยังจีน
ทำให้รัสเซีย กลายเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของจีน แซงหน้าซาอุดีอาระเบีย ครองส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นจาก 15% เป็น 19%
และรัสเซีย ยังกลายเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ให้กับอินเดีย อีกด้วย โดยยอดนำเข้าในปี 2566 เพิ่มขึ้นถึง 140% จากปี 2565 ครองส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นจาก 2% เป็น 10%
รายได้ที่รัสเซียได้จากการขายน้ำมันนี้ ก็เป็นเหมือนสิ่งที่ช่วยต่อลมหายใจให้ และทำให้รัสเซียยังคงมีเงินใช้สำหรับการดูแลเศรษฐกิจที่บาดเจ็บจากการถูกคว่ำบาตร
นอกจากนี้ เมื่อเราลองมาดูตัวเลขเศรษฐกิจของรัสเซีย ในปีที่ผ่านมา จะพบว่า อีกสาเหตุที่ทำให้ GDP ของรัสเซียยังโตต่อได้ ก็มาจากการที่รัฐบาลรัสเซีย อัดฉีดเงินจำนวนมหาศาลให้กับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ

โดยเมื่อดูการใช้จ่ายของรัฐบาลรัสเซียในแต่ละปีที่ผ่านมา จะพบว่าอยู่ที่
ปี 2564 10.47 ล้านล้านบาท
ปี 2565 13.09 ล้านล้านบาท
ปี 2566 13.68 ล้านล้านบาท
ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ก็เพิ่มขึ้นจากการสนับสนุนการจ้างงาน จ่ายเงินให้กับผู้คนเพื่อเข้าร่วมกองทัพ หรือจ่ายเงินให้ครอบครัวของผู้ถูกสังหาร
และเงินทุนสำหรับสนับสนุนค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ก็มาจากรายได้จากภาษีที่เพิ่มขึ้น และจากกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ รวมถึงการกู้ยืม
ทีนี้ หลายคนอาจเกิดคำถามว่า
แล้วเศรษฐกิจของประเทศ ที่โตจากการใช้จ่ายเพื่อการทำสงคราม จะเป็นสิ่งที่ยั่งยืนหรือไม่ ?
คำตอบของคำถามนี้ อาจพอดูได้จากสภาพเศรษฐกิจของรัสเซีย ในปีนี้
โดยในส่วนของ GDP ก็คาดว่าจะโตอย่างต่อเนื่องที่ 3.2% มากกว่าทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และสหราชอาณาจักร
ซึ่งการเติบโตก็มาจากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น การลงทุนของบริษัทเอกชนและรัฐวิสาหกิจ การบริโภคภายในประเทศ การส่งออกน้ำมัน รวมถึงการใช้จ่ายของรัฐบาล
เมื่อนำมาประกอบกับตัวเลขทางเศรษฐกิจอื่น ๆ อย่าง
- ดัชนีชี้วัดบรรยากาศทางธุรกิจของธนาคาร อยู่ในอันดับที่ดีที่สุดในรอบ 12 ปี
- การคาดการณ์การผลิตและอุปสงค์ในอนาคต อยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2556
- การเติบโตของการลงทุน และสถานะทางการเงินที่มั่นคง ของบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศ
เมื่อภาพรวมเศรษฐกิจของรัสเซีย ออกมาค่อนข้างดีเช่นนี้ จึงทำให้หลายฝ่ายมองว่า เศรษฐกิจรัสเซียในตอนนี้ ได้ปรับตัวเข้ากับภาวะสงครามและการคว่ำบาตรได้แล้ว
จากความสำเร็จในการสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าใหม่ ๆ และการพึ่งพาตัวเองมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม สงครามครั้งนี้ก็ยังไม่ได้ถึงจุดจบ เพราะล่าสุด สหรัฐฯ ได้เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียแล้ว ซึ่งก็เป็นมาตรการที่เข้มงวดขึ้นกว่าเดิม

ก็เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป ว่าเศรษฐกิจของรัสเซีย จะยังคงโตต่อไปได้ตามคาดหรือเปล่า
หรือมาตรการคว่ำบาตรของนานาประเทศ จะเห็นผลที่มากขึ้น และทำให้รัสเซีย เกิดแผลทางเศรษฐกิจอย่างถาวร..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
นับตั้งแต่สงครามครั้งนี้เกิดขึ้น อินเดียไม่ได้แค่นำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเพิ่มขึ้น เพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งออกน้ำมันเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
โดยเป็นการส่งออกไปยังยุโรป ที่มียอดนำเข้าน้ำมันดิบจากอินเดีย เพิ่มขึ้นถึง 115% ในปีที่ผ่านมา และคาดว่าเป็นตัวเลขที่สูงสุดตลอดกาล
และน้ำมันของอินเดีย ที่ส่งไปยังประเทศกลุ่มพันธมิตร G7 นั้น มากกว่า 1 ใน 3 ก็มาจากรัสเซีย นั่นเอง..
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon