อดีตถึงปัจจุบัน เยาวราช แลนด์มาร์กสำคัญ ของคนไทยเชื้อสายจีน กำลังเปลี่ยนไป

อดีตถึงปัจจุบัน เยาวราช แลนด์มาร์กสำคัญ ของคนไทยเชื้อสายจีน กำลังเปลี่ยนไป

อดีตถึงปัจจุบัน เยาวราช แลนด์มาร์กสำคัญ ของคนไทยเชื้อสายจีน กำลังเปลี่ยนไป /โดย ลงทุนแมน
“เยาวราช” หนึ่งในย่านช็อปปิงและสตรีตฟูดชื่อดังของกรุงเทพฯ ได้กลายมาเป็นกระแสในโลกออนไลน์อีกครั้ง
ภายหลังจากที่ศิลปินชื่อดัง “ลิซ่า” ใช้เป็นสถานที่ในการถ่ายทำ MV เพลง Rockstar
2 วัน มียอดวิว 46 ล้านวิว
ถ้าคิดคร่าว ๆ ก็มีคนกว่าหลักสิบล้านคนจากทั่วโลก ที่เห็นย่านเยาวราช ผ่าน MV ของลิซ่า
ซึ่งแต่เดิม เยาวราช ก็มักเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวอันมีชื่อเสียง ที่ชาวต่างชาติต้องปักหมุดไว้ เมื่อเดินทางมาไทย
ที่ดินย่านเยาวราช ปัจจุบันมีราคาขายตารางวาละ 1.9 ล้านบาท ติด TOP 10 ทำเลที่ดินแพงสุดในไทย
รู้ไหมว่า ถนนเยาวราช ที่มีความยาวแค่ 1,410 เมตร
อุดมไปด้วยหลายเรื่องราวที่ใครหลายคนอาจยังไม่เคยรู้
เจ้าสัวผู้ทรงอิทธิพลในไทยอย่าง เจริญ สิริวัฒนภักดี และ ธนินท์ เจียรวนนท์ ต่างเคยใช้ชีวิตวัยเด็กในย่านเยาวราช
เจ้าสัว เจริญ โตมากับครอบครัวที่ขายหอยทอดในย่านสำเพ็ง ส่วนเจ้าสัว ธนินท์ นั้นโตมากับครอบครัวที่ขายเมล็ดพันธุ์พืชในย่านทรงวาด
แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ภาพของเยาวราช ก็ได้เปลี่ยนไปพอสมควร ซึ่งก็น่าจะเปลี่ยนไปอีกในอนาคตอันใกล้นี้
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
และเกิดอะไรขึ้นกับเยาวราช บ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
หากพูดถึง “เยาวราช” หลายคนมักจะนึกถึงย่านชุมชน การค้า และวัฒนธรรมของชาวจีน หรือที่ทั่วโลกมักเรียกกันว่า “ไชนาทาวน์ (Chinatown)”
โดยแต่เดิมนั้น เยาวราชเป็นถนนที่ตัดขึ้นในปี 2434 เพื่อส่งเสริมการค้าในย่านสำเพ็ง ซึ่งเป็นย่านการค้าที่สำคัญในอดีต ก่อนที่จะได้รับการพัฒนามาเรื่อย ๆ ตามยุคสมัย ทั้งการสร้างรถราง และรถไฟฟ้าใต้ดิน
ความเจริญที่มากขึ้น ขณะที่ยังมีกลิ่นอายของวัฒนธรรมเก่าแก่ของจีน ทำให้เยาวราช กลายมาเป็นแลนด์มาร์กสำคัญแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ มาจนถึงปัจจุบัน
เยาวราช เป็นที่ที่ห้างเซ็นทรัล เลือกมาเปิดสาขาที่ 2 ในปี พ.ศ. 2505 (สาขาแรกคือเซ็นทรัล วังบูรพา)
แต่แล้วก็เปิดได้แค่ 2 ปี ก็ต้องปิดกิจการ
เหตุผลคือ สินค้าของเซ็นทรัลจะเป็นแบรนด์ราคาแพง ซึ่งไม่เหมาะกับคนเยาวราชที่มีทางเลือกอื่นในการซื้อสินค้าราคาถูกมากมาย โดยปัจจุบันพื้นที่ห้างเซ็นทรัล ได้กลายเป็น ห้างขายทอง ฮั่วเซ่งเฮง นั่นเอง
รวมไปถึงห้างที่ชื่อว่า “ใต้ฟ้า” เองก็ปิดกิจการ โดยปัจจุบันพื้นที่นี้ เปลี่ยนมาเป็นโรงแรม แกรนด์ ไชน่า ปริ้นเซส
ไม่ใช่แค่ธุรกิจศูนย์การค้า แต่โรงภาพยนตร์เอง ก็ไม่สามารถยืนหยัดในพื้นที่เยาวราชได้เช่นกัน เพราะในอดีตนั้นมีโรงภาพยนตร์เกือบ ๆ 20 แห่ง แต่ปัจจุบันแทบจะปิดกิจการไปเกือบหมด
จะเห็นได้ว่าธุรกิจความบันเทิงและศูนย์การค้า การจะหาที่ยืนในถนนเยาวราช เป็นอะไรที่ยากมาก เพราะนอกจากคนในพื้นที่เยาวราช ไม่ค่อยนิยมสิ่งเหล่านี้
ถ้าต้องการความบันเทิงและศูนย์การค้า คนเยาวราช ก็จะเดินทางไปแหล่งอื่นในกรุงเทพฯ แทน ดังนั้นภาพจำของคนทั่วไปก็คือ หากไปเยาวราช จะไปซื้อทอง ไหว้เจ้า และหาของกินอร่อย ๆ
ทำให้สิ่งที่เหลือสืบทอดกันมาของเยาวราช คือเป็นศูนย์รวมร้านขายสินค้าราคาย่อมเยา ร้านขายทอง ไปจนถึงวัดจีน ร้านอาหารจีน และร้านสมุนไพรจีน
ในขณะที่ในช่วงกลางคืน เยาวราชถือเป็นแหล่งสตรีตฟูดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ
นอกจากนี้ ถนนเยาวราช ยังมักถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานเทศกาล ที่มีความเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมจีน เช่น ตรุษจีน และเทศกาลกินเจ อีกด้วย
โดยไม่กี่ปีก่อน บนถนนเยาวราช ได้เกิด “จุดเปลี่ยน” ขึ้น เมื่อรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน เปิดให้บริการถึงสถานีใต้ดินวัดมังกร ซึ่งอยู่ย่านใจกลางเยาวราชพอดี
นอกจากทำให้ผู้คนสามารถเดินทางมายังเยาวราชได้สะดวกขึ้นมากแล้ว
ทันทีที่มีรถไฟฟ้าเกิดขึ้น ก็ทำให้โครงการ Mixed-Use ขนาดใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี อย่าง I’m Chinatown
โครงการนี้เป็นโครงการใหม่ตั้งอยู่ติดกับสถานีวัดมังกร ที่มีขนาดพื้นที่ 40,000 ตารางเมตร ที่มีทั้งศูนย์การค้า, โรงแรม และคอนโด อยู่ในพื้นที่เดียวกัน
รวมถึงบริษัทอสังหาริมทรัพย์อย่าง แสนสิริ เอง ก็ลงทุนซื้อที่ดินย่านถนนเสือป่า พัฒนาเป็นโฮมออฟฟิศหรู
และหนึ่งในผู้ที่มีความมั่งคั่งที่สุดในประเทศไทย “เสี่ยเจริญ” ก็ได้ซื้อที่ดิน “เวิ้งนาครเขษม” ขนาด 14 ไร่ เพื่อพัฒนาเป็นโครงการ Mixed-Use ขนาดใหญ่ โดยทุ่มงบกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท
ปรากฏการณ์เหล่านี้ทั้งหมด เสมือนเป็นสารกระตุ้นให้ ถนนเยาวราช มีความคึกคักในด้านการลงทุนมากขึ้น และดึงดูดกลุ่มนายทุน บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ให้เข้ามาพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ในบริเวณนี้กันมากขึ้น
ขณะเดียวกัน เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ เพราะยังมีคนในพื้นที่เยาวราชอีกจำนวนไม่น้อยเช่นกัน ที่ยังไม่พร้อมให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ด้วยเหตุผลคือความรักและผูกพันกับสถานที่ และต้องการอนุรักษ์สภาพแวดล้อมนี้ให้เป็นภาพจำ ที่อยู่ตราบนานเท่านาน
อีกทั้งปฏิเสธไม่ได้ว่า ด้วยความที่เป็นย่านการค้าสำคัญ ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทำให้ย่านเยาวราชและสำเพ็ง กลายเป็นหมุดหมายสำคัญของนายทุนจีน
หลายคนคงเกิดสงสัยว่า ทุนจีนถึงส่งผลกระทบต่อเยาวราช อย่างไร
เพราะแต่เดิม ย่าน ๆ นี้ ก็เป็นไชนาทาวน์อยู่แล้ว
จริงอยู่ว่าที่ผ่านมา ถนนเยาวราช ไปจนถึงย่านสำเพ็ง เป็นชุมชน และแหล่งการค้าของชาวไทยเชื้อสายจีนอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่แตกต่างคือ ชาวจีนที่อพยพเข้ามาในอดีตนั้น ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนโพ้นทะเล ที่ย้ายออกจากจีนเนื่องมาจากปัญหาการเมืองภายในประเทศ ซึ่งคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ ก็เป็นคนยากจน หรือที่เรียกกันว่า “เสื่อผืนหมอนใบ”
โดยเมื่อมาตั้งถิ่นฐานในไทยได้แล้ว ผู้คนเหล่านี้ก็ประกอบอาชีพเป็นผู้ใช้แรงงาน ในขณะที่บางส่วนก็สามารถก้าวไปสู่การเป็นเจ้าของกิจการ หรือเถ้าแก่ได้สำเร็จ
ซึ่งบรรดาเจ้าสัวในไทยหลาย ๆ คน ก็เคยผ่านการใช้ชีวิตในรูปแบบนี้มาก่อน
ในขณะที่คนจีน ที่เข้ามาในไทยตอนนี้ ไม่ได้มาในฐานะผู้อพยพ แต่เข้ามาในฐานะ “พ่อค้า”
โดยนายทุนเหล่านี้ จะมาพร้อมกับสินค้า และเงินทุนมหาศาล และมักใช้คนไทยเป็นนอมินี ในการทำธุรกิจ ก่อนที่จะนำสินค้าจากจีน เข้ามาวางขายที่หน้าร้านโดยตรง
ด้วยช่องโหว่ทางกฎหมาย ต้นทุนที่ต่ำกว่า และเงินทุนที่มีมากมาย ทำให้นายทุนจีนเหล่านี้ กล้าที่จะใช้วิธีทุ่มตลาด ดัมป์ราคาสินค้าให้ต่ำ
จนทำให้ร้านค้าดั้งเดิม อาจไม่สามารถแข่งขันได้ ซึ่งนายทุนจีน ก็จะเข้าเทกโอเวอร์ร้านค้าเหล่านี้ และขยายใหญ่ไปเรื่อย ๆ
ร้านค้าที่ได้รับผลกระทบ ก็มีตั้งแต่ร้านขายสินค้า ร้านนวด ไปจนถึงร้านอาหารที่เปิดมานานหลายสิบปี และถูกบริหารโดยลูกหลานชาวไทยเชื้อสายจีน มาแล้วหลายรุ่น
นอกจากนี้ ปัจจุบัน เยาวราช ก็กำลังถูกท้าทายด้วยอีกย่าน ซึ่งอยู่ไม่ห่างกันเท่าไร และกำลังมาแรงมาก ๆ เรื่องของสตรีตฟูด นั่นคือ “บรรทัดทอง” ที่ก็ดึงดูดร้านค้า ร้านอาหาร และนักท่องเที่ยวไปได้พอสมควร..
ถึงตรงนี้ ก็ต้องจับตามองว่า ในอนาคต เยาวราช จะเป็นอย่างไรต่อไป
ซึ่งที่แน่ ๆ เลยก็คือ ภาพของเยาวราชในตอนนั้น คงไม่เหมือนกับในอดีตอีกแล้ว
และตอนนี้ ด้วย MV ของ “ลิซ่า”
ก็คงทำให้แฟนคลับจากทั่วโลก รู้สึกอยากตามรอย และอยากมาเยี่ยมเยียนเยาวราช ดูสักครั้ง
ซึ่งก็น่าจะช่วยทำให้ สองข้างถนนของเยาวราช กลับมาคึกคักยิ่งกว่าเดิม..
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon