
“บีทีเอส กรุ๊ปฯ” เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ 2 ชุดใหม่ หุ้นกู้อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.30% ต่อปี และหุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.80% ต่อปี
BTSG x ลงทุนแมน
“บีทีเอส กรุ๊ปฯ” เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ 2 ชุดใหม่
หุ้นกู้อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.30% ต่อปี และหุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.80% ต่อปี
โอกาสลงทุนกับผู้ให้บริการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนอันดับหนึ่งของประเทศ
คาดเสนอขายผู้ลงทุนทั่วไปวันที่ 9-10 และ 13 มกราคม 2568
“บีทีเอส กรุ๊ปฯ” เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ 2 ชุดใหม่
หุ้นกู้อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.30% ต่อปี และหุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.80% ต่อปี
โอกาสลงทุนกับผู้ให้บริการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนอันดับหนึ่งของประเทศ
คาดเสนอขายผู้ลงทุนทั่วไปวันที่ 9-10 และ 13 มกราคม 2568
บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ “บีทีเอส กรุ๊ปฯ” (BTSG) ให้บริการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ครอบคลุมเส้นทาง 49% ของเส้นทางทั้งหมด รองรับผู้โดยสารโดยเฉลี่ยประมาณ 850,000 คนต่อวัน (ข้อมูลปี 2566 ซึ่งยังไม่รวมสายสีชมพู) คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดจากจำนวนเที่ยวเดินทางที่ 62% ในปี 2566 โดยเพิ่มขึ้นจาก 59% ในปี 2565
จึงกล่าวได้ว่า บีทีเอส กรุ๊ปฯ เป็นผู้ให้บริการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนรายใหญ่ที่สุดของประเทศ
แต่ไม่ใช่แค่นั้น บีทีเอส กรุ๊ปฯ ยังมีธุรกิจและจุดเด่นอื่นๆ อีกมากมาย เดี๋ยวจะกลับมาเล่าให้ฟัง แต่ขอให้ข้อมูลเรื่องหุ้นกู้ก่อน
บีทีเอส กรุ๊ปฯ จะเสนอขายหุ้นกู้ 2 ชุดใหม่ ให้กับประชาชนเป็นการทั่วไป และเป็นรุ่นอายุที่นักลงทุนให้ความสนใจ ได้แก่
-หุ้นกู้อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.30% ต่อปี และ
-หุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.80% ต่อปี
-หุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.80% ต่อปี
กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 6 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้
อันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2567 ทั้งของหุ้นกู้และองค์กรอยู่ที่ระดับ “BBB+” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) ซึ่งเป็นกลุ่ม “ระดับลงทุน” หรือ Investment Grade
ทริสเรทติ้ง ระบุว่า อันดับความน่าเชื่อถือสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจของบริษัทที่มีความแข็งแกร่งจากการมีรายได้ค่าบริการที่สม่ำเสมอจากการให้บริการเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุง (Operation and Maintenance - O&M) ตามสัญญา ตลอดจนกระแสเงินสดรับจำนวนมากจากการลงทุนในสัดส่วน 33.33% ในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางรางบีทีเอสโกรท (BTSGIF) และการมีสถานะที่มั่นคงในธุรกิจสื่อโฆษณา
ทริสฯ คาดว่า บริษัทฯ จะทยอยได้รับชำระหนี้ค่าจ้างในการให้บริการ O&M จากกรุงเทพมหานคร ในปีบัญชี 2568-2569 และคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะทยอยปรับตัวดีขึ้นสอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองที่คาดว่าจะทยอยเพิ่มขึ้น
หุ้นกู้บีทีเอส กรุ๊ปฯ คาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 9-10 และ 13 มกราคม 2568 เสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท ดังนี้
- ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ที่เสนอขายทั้ง 2 รุ่น คือ หุ้นกู้อายุ 2 ปี และหุ้นกู้อายุ 5 ปี ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย และ ธนาคารไทยพาณิชย์
- ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ที่เสนอขายเฉพาะหุ้นกู้อายุ 2 ปี ได้แก่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย / บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร / บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) / บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) / บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส / บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย)
- ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ที่เสนอขายเฉพาะหุ้นกู้อายุ 2 ปี ได้แก่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย / บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร / บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) / บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) / บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส / บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย)
จุดเด่นอื่น ๆ ของบีทีเอส กรุ๊ปฯ
- บีทีเอส กรุ๊ปฯ ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ โดยการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน (Right Offering: RO) จำนวน 13.2 พันล้านบาท เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคม 2567 ได้รับการตอบรับเกินจำนวนที่เสนอขาย (oversubscribed) แสดงถึงความเชื่อมั่นและการสนับสนุนจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ทั้งนี้ บริษัทฯได้มีการจัดสรรเงินจำนวนหนึ่งในการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน RABBIT และ ROCTEC ผ่านการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์โดยสมัครใจ (Voluntary Tender Offer: VTO) จำนวน 7.1 พันล้านบาท ทำให้ทั้งสองบริษัทดังกล่าวกลายเป็นบริษัทย่อยของ บีทีเอส กรุ๊ปฯ โดยมีผลตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป การปรับโครงสร้างการถือหุ้นในครั้งนี้จะเป็นการสนับสนุนและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้บริษัท และคาดว่าจะนํามาซึ่งโอกาสทางธุรกิจของบีทีเอส กรุ๊ป และบริษัทย่อยในอนาคต
- ในส่วนของฐานะทางการเงิน บีทีเอส กรุ๊ปฯ มีเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการดำเนินงานในระดับที่แข็งแกร่งขึ้นจากการรายงานผลการดำเนินงานล่าสุด จำนวน 22.8 พันล้านบาท (สําหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567) แข็งแกร่งขึ้นจากการรับชำระหนี้ E&M จาก กทม. รวมถึงยังได้รับเงินสนับสนุนงวดที่ 2 สำหรับการดำเนินงานรถไฟฟ้าสายสีเหลือง นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังคาดว่าจะได้รับชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 (คดีฟ้องร้องครั้งที่ 1) จำนวนประมาณ 14.5 พันล้านบาท จาก กทม. และบริษัท กรุงเทพธนาคม จํากัด (เคที) ภายใน 180 วัน นับจากวันที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา ซึ่งจะครบกำหนดภายในวันที่ 22 มกราคม 2568
- ทั้งนี้ การรับชำระหนี้ดังกล่าว พร้อมกับเงินที่เหลือจากการเพิ่มทุน (RO) จะช่วยเสริมฐานะการเงินของบริษัทฯ รวมถึงอัตราส่วนโครงสร้างทางการเงิน (Leverage ratio) จะปรับตัวดีขึ้นต่อไป
- ภายหลังจากการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (สถานีลาดพร้าว-สำโรง) และรถไฟฟ้าสายสีชมพู (สถานีแคราย-มีนบุรี) เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 และ 7 มกราคม 2567 ทำให้บริษัทฯมีรายได้ค่าโดยสาร และรายได้จากการบริหารพื้นที่สื่อโฆษณาเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งมีเงินอุดหนุนจากภาครัฐสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองโดยรวมปีละประมาณ 4.8 พันล้านบาท เป็นเวลา 10 ปี ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกระแสเงินสดของบริษัท
- บีทีเอส กรุ๊ปฯ เป็นกลุ่มบริษัทที่ประกอบธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยมุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากการเข้าถึงข้อมูลเครือข่ายระบบขนส่งมวลชนและสื่อโฆษณา รวมทั้งการร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ ผ่านการดำเนินธุรกิจใน 3 แพลตฟอร์ม ได้แก่
1) แพลตฟอร์ม MOVE ผู้ให้บริการการเดินทางด้วยรูปแบบการคมนาคมขนส่งที่หลากหลายอย่างไร้รอยต่อ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต
2) แพลตฟอร์ม MIX ผู้ให้บริการทางการตลาดในรูปแบบ Offline-to-Online โซลูชันส์ที่ครบวงจร รวมถึงการใช้ประโยชน์สูงสุดจากฐานข้อมูลแก่กลุ่มบริษัทและพันธมิตรทางธุรกิจ
3) แพลตฟอร์ม MATCH สร้างโอกาสและความร่วมมือทางธุรกิจใหม่ๆ ผ่านการแบ่งปันแพลตฟอร์ม MOVE และ MIX ให้แก่กลุ่มบริษัทและพันธมิตรทางธุรกิจ
2) แพลตฟอร์ม MIX ผู้ให้บริการทางการตลาดในรูปแบบ Offline-to-Online โซลูชันส์ที่ครบวงจร รวมถึงการใช้ประโยชน์สูงสุดจากฐานข้อมูลแก่กลุ่มบริษัทและพันธมิตรทางธุรกิจ
3) แพลตฟอร์ม MATCH สร้างโอกาสและความร่วมมือทางธุรกิจใหม่ๆ ผ่านการแบ่งปันแพลตฟอร์ม MOVE และ MIX ให้แก่กลุ่มบริษัทและพันธมิตรทางธุรกิจ

ติดต่อผู้จัดการการจัดจำหน่ายสำหรับหุ้นกู้อายุ 2 ปี และหุ้นกู้อายุ 5 ปี ตามนี้
- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) โทร. 1333 หรือจองซื้อผ่านแอปฯ Bangkok Bank Mobile Banking สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1111 หรือจองซื้อผ่านแอปฯ Krungthai NEXT สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-888-8888 กด 869 หรือจองซื้อผ่านเว็บไซต์ K-My Invest (www.kasikornbank.com/kmyinvest) สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย (ซึ่งรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย ในฐานะหน่วยงานขายของ ธ.กสิกรไทย)
- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-777-6784 หรือจองซื้อผ่านแอปฯ SCB EASY สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย (ซึ่งรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ ในฐานะหน่วยงานขายของ ธ.ไทยพาณิชย์)
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1111 หรือจองซื้อผ่านแอปฯ Krungthai NEXT สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-888-8888 กด 869 หรือจองซื้อผ่านเว็บไซต์ K-My Invest (www.kasikornbank.com/kmyinvest) สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย (ซึ่งรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย ในฐานะหน่วยงานขายของ ธ.กสิกรไทย)
- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-777-6784 หรือจองซื้อผ่านแอปฯ SCB EASY สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย (ซึ่งรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ ในฐานะหน่วยงานขายของ ธ.ไทยพาณิชย์)
ติดต่อผู้จัดการการจัดจำหน่ายที่จัดจำหน่ายเฉพาะหุ้นกู้อายุ 2 ปี ตามนี้
- ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-626-7777 หรือจองซื้อผ่านแอปฯ CIMB Thai สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
- บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02-165-5555 หรือจองซื้อผ่านแอปฯ Dime! สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา (ซึ่งรวมถึงธนาคารเกียรตินาคินภัทร ในฐานะหน่วยงานขายของ บล.เกียรตินาคินภัทร)
- บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-5050
- บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-0098351-56
- บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02-680-4004
- บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-8888
- บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02-165-5555 หรือจองซื้อผ่านแอปฯ Dime! สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา (ซึ่งรวมถึงธนาคารเกียรตินาคินภัทร ในฐานะหน่วยงานขายของ บล.เกียรตินาคินภัทร)
- บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-5050
- บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-0098351-56
- บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02-680-4004
- บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-8888
หมายเหตุ: บริษัทฯ อยู่ระหว่างยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ต่อสำนักงาน ก.ล.ต และร่างหนังสือชี้ชวนซึ่งยังไม่มีผลใช้บังคับ ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th
คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับเงื่อนไขของตราสารหนี้ ลักษณะของตราสารหนี้ ผู้ออกตราสารหนี้ ความเหมาะสมในการลงทุน รวมถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ก่อนตัดสินใจลงทุน
คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับเงื่อนไขของตราสารหนี้ ลักษณะของตราสารหนี้ ผู้ออกตราสารหนี้ ความเหมาะสมในการลงทุน รวมถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ก่อนตัดสินใจลงทุน