
ธุรกิจปูนไทย ปรับตัวอย่างไร เมื่อผู้เล่นจีนรุกตลาดไทยต่อเนื่อง
ปูนตราเสือ x ลงทุนแมน
แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้ต้องกลับมาทบทวนความสำคัญของคำว่า “บ้านที่ปลอดภัย”
เพราะสิ่งที่เป็นตัวแปรสำคัญของความปลอดภัยระยะยาวคือ “โครงสร้าง” และวัสดุที่เป็นพื้นฐานของการก่อสร้างทั้งหมด
ตลาดวัสดุก่อสร้างในไทยเอง ก็กำลังเผชิญแรงกดดันจากสินค้านำเข้าราคาถูกจากจีน
ตลาดวัสดุก่อสร้างในไทยเอง ก็กำลังเผชิญแรงกดดันจากสินค้านำเข้าราคาถูกจากจีน
แต่สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญ นอกจากเรื่องของต้นทุน ก็คงเป็นเรื่อง “คุณภาพ” และ “ความปลอดภัย”
หนึ่งในวัสดุที่ไม่อาจมองข้ามคือ ปูนซีเมนต์ เพราะทุกสิ่งก่อสร้าง ที่อยู่อาศัย ล้วนต้องอาศัยปูนซีเมนต์ที่ได้มาตรฐาน
หนึ่งในวัสดุที่ไม่อาจมองข้ามคือ ปูนซีเมนต์ เพราะทุกสิ่งก่อสร้าง ที่อยู่อาศัย ล้วนต้องอาศัยปูนซีเมนต์ที่ได้มาตรฐาน
หนึ่งในแบรนด์ปูนซีเมนต์ ที่ติดตลาดมานานก็คือ ปูนตราเสือ
แบรนด์ในเครือของ SCG ที่อยู่คู่วงการก่อสร้างไทยมายาวนานกว่า 100 ปี
แบรนด์ในเครือของ SCG ที่อยู่คู่วงการก่อสร้างไทยมายาวนานกว่า 100 ปี
ทำไม “ปูนตราเสือ” จึงได้รับความไว้ใจจากคนไทยมานาน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ในอดีต แบรนด์ปูนรายใหญ่ของไทย มีจุดแข็งด้านคุณภาพที่ได้รับการยอมรับ ทั้งในประเทศและอาเซียน
แต่วันนี้ บริบทการแข่งขันเปลี่ยนไปอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อจีนเริ่มเข้ามามีบทบาทในภูมิภาคนี้
สาเหตุสำคัญคือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่เริ่มตั้งแต่ปี 2018 และยังไม่มีท่าทีจะยุติ ส่งผลให้จีนต้องปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ ทั้งในด้านการส่งออก และการลงทุนในต่างประเทศ
สาเหตุสำคัญคือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่เริ่มตั้งแต่ปี 2018 และยังไม่มีท่าทีจะยุติ ส่งผลให้จีนต้องปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ ทั้งในด้านการส่งออก และการลงทุนในต่างประเทศ
แล้วทำไมอาเซียนจึงกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของจีน ?
1. อุปสงค์ภายในประเทศชะลอตัว จากเศรษฐกิจจีนเติบโตช้าลง ความต้องการใช้ปูนภายในประเทศก็ลดลงตามไปด้วย ผู้ผลิตเลยต้องมองหาตลาดใหม่ที่ยังมีศักยภาพในการเติบโต
อาเซียนจึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะหลายเมืองยังอยู่ในช่วงของการขยายตัว ประชากรยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และที่อยู่อาศัยก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในระยะยาวด้วย
2. การย้ายฐานการผลิตมายังภูมิภาคอาเซียน ช่วยลดผลกระทบจากกำแพงภาษี
ทำให้บริษัทจีนจำนวนมากเลือกตั้งโรงงานในประเทศอาเซียน เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และไทย
ทำให้บริษัทจีนจำนวนมากเลือกตั้งโรงงานในประเทศอาเซียน เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และไทย
โดยอาศัยประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี เช่น RCEP หรือ FTA ระหว่างประเทศในภูมิภาคนี้ ส่งผลให้สามารถส่งออกสินค้าได้ในต้นทุนที่ต่ำลงโดยไม่ถูกจำกัดทางภาษี
จุดเปลี่ยนสำคัญของการแข่งขันคือ จีนไม่ได้เพียงเข้ามาจำหน่ายสินค้าเท่านั้น
แต่ยังย้ายทั้งระบบการผลิตเข้ามาพร้อมกัน ทั้งเครื่องจักร เทคโนโลยี บุคลากร ไปจนถึงเครือข่ายซัปพลายเชน โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าปูนซีเมนต์ ซึ่งเป็นสินค้าประเภท Commodity ที่จีนมีความเชี่ยวชาญสูง
ด้วยข้อได้เปรียบจากการผลิตในขนาดใหญ่ (Economy of Scale) จีนจึงสามารถตั้งราคาขายที่ต่ำกว่าผู้ผลิตท้องถิ่นได้อย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม จีนก็ยังมีประเด็นในมุมมองผู้ใช้งานคือ เรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า
เพราะผู้ผลิตจากจีนจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาในภูมิภาคอาเซียนยังขาดมาตรฐานกลางรองรับ ทำให้การตรวจสอบแหล่งผลิตหรือคุณสมบัติของสินค้าเป็นเรื่องยาก
เพราะผู้ผลิตจากจีนจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาในภูมิภาคอาเซียนยังขาดมาตรฐานกลางรองรับ ทำให้การตรวจสอบแหล่งผลิตหรือคุณสมบัติของสินค้าเป็นเรื่องยาก
ซึ่งต่างจากผู้ผลิตภายในประเทศ เช่นในไทย ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ที่ช่วยสร้างความมั่นใจด้านมาตรฐานและความปลอดภัยได้มากกว่า
เมื่อการแข่งขันเปลี่ยนไปเช่นนี้ หลายแบรนด์ไทยจึงเริ่มต้องปรับตัว
เพื่อรับมือกับแรงกดดันจากผู้เล่นจีนที่เข้ามาพร้อมต้นทุนที่ต่ำกว่า และระบบการผลิตที่ครบวงจร ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “ปูนตราเสือ”
เพื่อรับมือกับแรงกดดันจากผู้เล่นจีนที่เข้ามาพร้อมต้นทุนที่ต่ำกว่า และระบบการผลิตที่ครบวงจร ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “ปูนตราเสือ”
แล้วปูนตราเสือมีวิธีรับมืออย่างไร ?
คุณนพพร กีรติบรรหาร Chief Marketing Officer - Marketing and Branding Cement and Green Solutions Business บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด มองว่า “เมื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างไทยกำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงาน แรงงานไม่มีทักษะฝีมือ และต้นทุนที่สูงขึ้น
แนวทางที่ยั่งยืนที่สุดคือ “การยกระดับมาตรฐานฝีมืองานก่อสร้าง” โดยเฉพาะงานผนังและพื้น ให้มีคุณภาพเทียบเท่าระดับสากล
จากแนวคิดนี้เอง จึงเกิดเป็น สถาบันเทคโนโลยีผนังและพื้น ตราเสือ (Tiger Wall and Floor technology Center) แหล่งรวบรวมองค์ความรู้ด้านงานพื้นและผนังอัปสกิลช่างไทย แก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะฝีมือ
โดยตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี สถาบันฯ ได้อบรมช่างไทยมาแล้วกว่า 30,000 คน ผ่านหลักสูตรที่ครอบคลุมงานพื้นและผนังในทุกมิติ ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ซึ่งใช้รูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น การอบรมแบบตัวต่อตัว การเรียนออนไลน์ E-Learning VR และการฝึกถึงหน้างานจริง
โดยตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี สถาบันฯ ได้อบรมช่างไทยมาแล้วกว่า 30,000 คน ผ่านหลักสูตรที่ครอบคลุมงานพื้นและผนังในทุกมิติ ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ซึ่งใช้รูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น การอบรมแบบตัวต่อตัว การเรียนออนไลน์ E-Learning VR และการฝึกถึงหน้างานจริง
จุดเด่นของหลักสูตร คือการออกแบบให้ “ใช้งานได้จริง” และ “ตอบโจทย์หน้างาน” ไม่ว่าจะเป็นช่างปูน ผู้รับเหมา โฟร์แมน วิศวกร สถาปนิก หรือแม้แต่เจ้าของบ้านที่ต้องการเข้าใจงานก่อสร้างในเชิงลึก
นอกจากนั้นหลักสูตรของ สถาบันฯ ยังยึดหลักการทำงานแบบ 4M องค์ประกอบสำคัญของการบริหารงานก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่
- Material เลือกใช้วัสดุที่ถูกต้องกับประเภทการใช้งาน
- Method วางแผนและกำหนดขั้นตอนการทำงานอย่างถูกต้องและเป็นระบบ เพื่อลดความผิดพลาด
- Man พัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้พร้อมทำงานอย่างมืออาชีพ
- Machine ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความแม่นยำ รวดเร็ว และความปลอดภัย
- Method วางแผนและกำหนดขั้นตอนการทำงานอย่างถูกต้องและเป็นระบบ เพื่อลดความผิดพลาด
- Man พัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้พร้อมทำงานอย่างมืออาชีพ
- Machine ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความแม่นยำ รวดเร็ว และความปลอดภัย
จากแนวคิด 4M นี้ สถาบันฯ ได้ต่อยอดไปสู่การพัฒนาเครื่องมือและนวัตกรรมเฉพาะทาง ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในการทำงานก่อสร้างจริง ยกตัวอย่างเช่น
- เครื่องขัด Skim Coat
ช่วยให้การฉาบผิวผนังด้วย Skim Coat ทำได้สม่ำเสมอ รวดเร็ว และเรียบเนียน เหมาะสำหรับงานตกแต่งภายในที่ต้องการคุณภาพสูง
ช่วยให้การฉาบผิวผนังด้วย Skim Coat ทำได้สม่ำเสมอ รวดเร็ว และเรียบเนียน เหมาะสำหรับงานตกแต่งภายในที่ต้องการคุณภาพสูง
- เครื่องตรวจสอบความพร้อมของผนังก่อนฉาบ
ตรวจเช็กความชื้น ความสะอาด ความเรียบ และความแข็งแรงของผิวผนัง เพื่อให้แน่ใจว่าพร้อมสำหรับการฉาบ ช่วยลดปัญหาการยึดเกาะไม่ดีหรือผิวแตกร้าวหลังการฉาบ
ตรวจเช็กความชื้น ความสะอาด ความเรียบ และความแข็งแรงของผิวผนัง เพื่อให้แน่ใจว่าพร้อมสำหรับการฉาบ ช่วยลดปัญหาการยึดเกาะไม่ดีหรือผิวแตกร้าวหลังการฉาบ
โดยเครื่องมือและนวัตกรรมทุกชิ้นผ่านการออกแบบ ทดสอบ และจดสิทธิบัตรแล้ว เพื่อให้มั่นใจว่าใช้งานได้จริงในหน้างาน
แล้วหลักสูตรของ สถาบันเทคโนโลยีผนังและพื้น ตราเสือ จะยกระดับมาตรฐานได้อย่างไร ?
สถาบันฯ ได้รับการรับรองจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานให้เป็นศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ใน 5 สาขา ได้แก่ งานก่ออิฐ ฉาบปูน ปูกระเบื้อง คอนกรีตมวลเบา และหินขัด พร้อมออกใบประกาศนียบัตรรับรองให้แก่ผู้ที่ผ่านการทดสอบจริง
ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเสริมความเชื่อมั่นให้กับผู้ว่าจ้างและผู้พัฒนาโครงการ
ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเสริมความเชื่อมั่นให้กับผู้ว่าจ้างและผู้พัฒนาโครงการ
นอกจากการพัฒนาภายในประเทศ สถาบันฯ ยังมีโอกาสได้ให้ความร่วมมือกับนานาชาติขยายองค์ความรู้สู่ระดับนานาชาติ ถ่ายทอดหลักสูตรให้กับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ภูฏาน อินเดีย ฟิลิปปินส์ และมัลดีฟส์
รวมถึงสนับสนุนทีมเยาวชนไทย เป็นที่เก็บตัวสำหรับการแข่งขันในเวทีสำคัญ World Skills Competition ทั้งในระดับโลกและอาเซียนตลอดมา
ปูนตราเสือมองว่าการสร้างมาตรฐานทักษะฝีมือแรงงานอย่างต่อเนื่องสามารถช่วยขับเคลื่อน “วงการก่อสร้างไทย” ก็มีศักยภาพเพียงพอที่จะยกระดับตัวเอง และแข่งขันในระดับสากลได้อย่างมั่นคง
ปูนตราเสือมองว่าการสร้างมาตรฐานทักษะฝีมือแรงงานอย่างต่อเนื่องสามารถช่วยขับเคลื่อน “วงการก่อสร้างไทย” ก็มีศักยภาพเพียงพอที่จะยกระดับตัวเอง และแข่งขันในระดับสากลได้อย่างมั่นคง
แต่รู้หรือไม่ว่า แนวคิดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกรอบแนวคิดที่ใหญ่กว่า ภายใต้ชื่อ S.M.A.R.T. Craftsmanship ที่สะท้อนถึงความตั้งใจของแบรนด์ในการยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยอย่างรอบด้าน
โดย S.M.A.R.T. Craftsmanship ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบหลัก ได้แก่
- Sustainable Products (S)
มุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อย CO2 รองรับเทรนด์วัสดุก่อสร้างแห่งอนาคต ที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการใช้ทรัพยากร
มุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อย CO2 รองรับเทรนด์วัสดุก่อสร้างแห่งอนาคต ที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการใช้ทรัพยากร
- Multi Solutions (M)
ตอบโจทย์การก่อสร้างแบบครบวงจรผ่านการนำเสนอเป็น Wall and Floor System Provider ในเชิงการใช้งานแบบ Application Based ให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของโครงการ ผู้รับเหมาทุกขนาด สถาปนิก รวมถึงเจ้าของบ้าน ทุก Segment
ตอบโจทย์การก่อสร้างแบบครบวงจรผ่านการนำเสนอเป็น Wall and Floor System Provider ในเชิงการใช้งานแบบ Application Based ให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของโครงการ ผู้รับเหมาทุกขนาด สถาปนิก รวมถึงเจ้าของบ้าน ทุก Segment
ครอบคลุมทุกงาน ทั้งแนวสูงและแนวราบ ตามประเภทงาน ระบบผนังและพื้น งานระบบปูกระเบื้อง งานซ่อมแซม งานระบบกันซึม งานตกแต่งสถาปัตยกรรม เป็นต้น
- Artful Architecture (A)
ยกระดับดิไซน์ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ และรูปแบบของสถาปัตยกรรมยุคใหม่ ผ่านกลุ่มผลิตภัณฑ์ Tiger Lifestyle ถูกนำเสนอออกมาเป็นเชิงการใช้งานรูปแบบและสไตล์ต่าง ๆ
ยกระดับดิไซน์ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ และรูปแบบของสถาปัตยกรรมยุคใหม่ ผ่านกลุ่มผลิตภัณฑ์ Tiger Lifestyle ถูกนำเสนอออกมาเป็นเชิงการใช้งานรูปแบบและสไตล์ต่าง ๆ
ทั้งงาน Terrazzo, Color Skim, Marble Render, Color Render, Pebble Washed, Heritage, Loft, Stucco หรือ Texture และปูนตราเสือได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของการเป็นเพียงแค่ “ปูนซีเมนต์”
ด้วยการทำ Tiger Brand Commerce ร่วมกับแบรนด์แฟชั่น รวมถึงนักออกแบบไทย อาทิเช่น Tiger x Renim Project จนได้จัดแสดงที่ LA Fashion Week
หรือร่วมงานกับดิไซน์เนอร์ไทย อย่าง Tiger x Phannapast, Tiger x Bangkok Tales, Tikky Wow
หรือร่วมงานกับดิไซน์เนอร์ไทย อย่าง Tiger x Phannapast, Tiger x Bangkok Tales, Tikky Wow
- Raising Standard (R)
ผลักดันมาตรฐานใหม่ของวงการก่อสร้างไทยอย่างเป็นระบบ ทั้งในด้านแรงงาน เครื่องมือ เทคโนโลยี และวิธีการทำงาน ผ่านสถาบันเทคโนโลยีผนังและพื้น ตราเสือ
ผลักดันมาตรฐานใหม่ของวงการก่อสร้างไทยอย่างเป็นระบบ ทั้งในด้านแรงงาน เครื่องมือ เทคโนโลยี และวิธีการทำงาน ผ่านสถาบันเทคโนโลยีผนังและพื้น ตราเสือ
แหล่งรวมองค์ความรู้ด้านงานพื้นและผนัง อัปสกิลช่างไทย พร้อมเรียนรู้ทั้งช่องทาง Offline และ Online ผ่าน VR Showroom / Online E-Learning มาพร้อมด้วยเครื่องมืออุปกรณ์ด้านงานก่อสร้างพื้นและผนัง
- Trusted Partnerships (T)
สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับพันธมิตรทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายผู้แทนจำหน่าย ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างทุกขนาด เครือข่ายสถาปนิก ช่างปูน หรือผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของโครงการ
พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ที่จะเป็นเครือข่ายยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างของไทย
สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับพันธมิตรทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายผู้แทนจำหน่าย ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างทุกขนาด เครือข่ายสถาปนิก ช่างปูน หรือผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของโครงการ
พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ที่จะเป็นเครือข่ายยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างของไทย
ภายใต้แนวคิดนี้ ปูนตราเสือจึงไม่ได้ทำงานเพียงลำพัง แต่มีเครือข่ายพันธมิตรที่เข้มแข็งกระจายอยู่ทั่วประเทศ ประกอบด้วย
- ช่างปูนและผู้รับเหมารายย่อยกว่า 20,000 คน
- ร้านผู้แทนจำหน่าย (Dealer) กว่า 400 ราย
- ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง (Sub-Dealer) กว่า 10,000 ราย
- Local Developers มากกว่า 100 ราย
- ผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ (Big Contractors) กว่า 50 ราย
- ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ (Big Developers) กว่า 20 ราย
- พันธมิตรเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Eco Partners) กว่า 20 ราย
- ร้านผู้แทนจำหน่าย (Dealer) กว่า 400 ราย
- ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง (Sub-Dealer) กว่า 10,000 ราย
- Local Developers มากกว่า 100 ราย
- ผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ (Big Contractors) กว่า 50 ราย
- ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ (Big Developers) กว่า 20 ราย
- พันธมิตรเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Eco Partners) กว่า 20 ราย
หากพิจารณาเฉพาะกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ จะพบว่าแต่ละรายล้วนเป็นแบรนด์ชั้นนำของประเทศ เช่น SC Asset, Supalai, Sansiri, Pruksa และ AP ต่างก็เลือกใช้ผลิตภัณฑ์และโซลูชันจากปูนตราเสือในโครงการระดับเรือธงของตน
สิ่งนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อแบรนด์ รวมถึงบทบาทของปูนตราเสือในฐานะพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่พร้อมยกระดับมาตรฐานงานก่อสร้างในทุกมิติ
นอกจากนี้ ปูนตราเสือยังมีความร่วมมือเชิงลึกในรูปแบบ Co-Development กับองค์กรชั้นนำในอุตสาหกรรมก่อสร้าง เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี เครื่องมือ และแนวทางการทำงานที่ตอบโจทย์ความท้าทายต่าง ๆ ของอุตสาหกรรม
ยกตัวอย่างเช่น
- ร่วมกับ TACT และ KUBOTA พัฒนาเครื่องพ่นฉาบผนังปูนซีเมนต์ “TORA S-ONE” ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ลดภาระการทำงานของช่าง พร้อมเพิ่มความเร็วและความสม่ำเสมอของงานฉาบ
- จับมือกับ Rothenburg Group พัฒนา “เกรียงก่ออิฐพันปี” ที่ตอบโจทย์การทำงานที่ต้องการความแม่นยำและความทนทาน
- ร่วมกับ SC Asset ยกระดับคุณภาพงาน ลดต้นทุน Defect และ Waste ในโครงการระดับพรีเมียม
- พัฒนานวัตกรรมร่วมกับ Thai Obayashi เพื่อยกระดับเทคนิคการฉาบปูนบนผนังคอนกรีต สำหรับโครงการขนาดใหญ่
- ร่วมกับ ช.การช่าง ทดลองและพัฒนาเทคนิคการฉาบปูนบนผนังอิฐกำลังอัดสูง ในโครงการ “เขื่อนหลวงพระบาง” สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
สรุปได้ว่า ในวันที่ผู้เล่นต่างชาติซึ่งมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่า จากความได้เปรียบด้าน Economy of Scale เริ่มเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดในไทย การแข่งขันด้วยราคาจึงไม่ใช่คำตอบระยะยาวสำหรับอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ในประเทศ
เพราะสิ่งที่จำเป็นคือ การยกระดับคุณภาพสินค้า การพัฒนาระบบหรือโซลูชันที่ตอบโจทย์งานก่อสร้างอย่างแท้จริง และการสร้างเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในระยะยาว
นั่นคือแนวทางที่ปูนตราเสือกำลังเดินหน้าอยู่ ผ่านกรอบแนวคิด S.M.A.R.T. Craftsmanship ที่ไม่เพียงเป็นกลยุทธ์ในการแข่งขัน แต่ยังสะท้อนจุดยืนของแบรนด์ในการยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยอย่างยั่งยืน นั่นเอง…
References :
- ข่าวประชาสัมพันธ์ ปูนตราเสือ
- https://www.bbc.com/thai/59847341
- https://www.nstda.or.th/home/knowledge_post/iso/
- https://www.tisi.go.th/website/about/tisi_vision
- ข่าวประชาสัมพันธ์ ปูนตราเสือ
- https://www.bbc.com/thai/59847341
- https://www.nstda.or.th/home/knowledge_post/iso/
- https://www.tisi.go.th/website/about/tisi_vision
Tag: ปูนตราเสือ