หุ้น KEX พุ่ง 21% หลังผู้ถือหุ้นใหญ่ เสนอเพิกถอนบริษัทออกจากตลาดหุ้น โดยรับซื้อหุ้นในราคา 1.5 บาท /โดย ลงทุนแมน

หุ้น KEX พุ่ง 21% หลังผู้ถือหุ้นใหญ่ เสนอเพิกถอนบริษัทออกจากตลาดหุ้น โดยรับซื้อหุ้นในราคา 1.5 บาท /โดย ลงทุนแมน

หุ้น KEX พุ่ง 21% หลังผู้ถือหุ้นใหญ่ เสนอเพิกถอนบริษัทออกจากตลาดหุ้น โดยรับซื้อหุ้นในราคา 1.5 บาท /โดย ลงทุนแมน
วันนี้ KEX หรือ บริษัท เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เรื่องขอให้อนุมัติ การเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัท จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ตามเจตนาของบริษัท เอสเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ SFTH ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทในสัดส่วนกว่า 81.43% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
โดยการเพิกถอนออกจากตลาดหุ้นนั้น SFTH จะทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดที่เหลือ 18.57% จากผู้ถือหุ้นรายอื่น ๆ ในราคาหุ้นละ 1.50 บาท
ซึ่งก็ทำให้หลังจากแจ้งตลาด วันนี้ราคาหุ้นของ KEX ก็พุ่งขึ้นทันที 21.1% มาอยู่ที่ 1.49 บาทต่อหุ้น
สำหรับรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ของ KEX
1) SFTH ถือหุ้น 81.43%
2) UOB KAY HIAN (HONG KONG) LIMITED - Client Account ถือหุ้น 7.76%
3) BTS Group ถือหุ้น 1.06%
4) นายทวีฉัตร จุฬางกูร ถือหุ้น 0.83%
5) UBS AG Singapore Branch ถือหุ้น 0.36%
ทั้งนี้ กำหนดการวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568 คือวันที่ 20 มิถุนายน 2568 เวลา 14.00 น.
ส่วนเหตุผลในการเพิกถอน KEX ออกจากตลาดหุ้น บริษัทบอกว่าเป็นเพราะ
- ปัจจุบันบริษัท กำลังเผชิญกับสภาวะตลาดและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ท้าทายอย่างมาก ประกอบกับการขาดทุนสุทธิอย่างต่อเนื่อง ปัญหาด้านสภาพคล่อง การแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้น และการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ และการจัดส่งพัสดุด่วน
เนื่องด้วยลักษณะของภาคธุรกิจการจัดส่งพัสดุด่วน ที่มีการแข่งขันสูง ประกอบกับกลยุทธ์การตั้งราคาในเชิงรุก จากผู้ประกอบการรายอื่นในอุตสาหกรรม และแรงกดดันด้านราคา จากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
ส่งผลให้ลดทอนความสามารถในการทำกำไรของบริษัท โดยบริษัทมีผลขาดทุนติดต่อกันมาแล้วถึง 13 ไตรมาส ภายใต้ความท้าทายดังกล่าว แนวโน้มธุรกิจของบริษัทยังคงไม่แน่นอน และเป็นเรื่องยาก ที่จะคาดการณ์ถึงการฟื้นตัวของผลประกอบการในระยะสั้น
- จากการขาดทุนสุทธิอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการด้านธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อจำกัดด้านสภาพคล่องในการซื้อขายหลักทรัพย์ และแนวโน้มในอนาคตที่ไม่แน่นอน สถานะการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของหุ้นของบริษัท จึงไม่อาจเป็นช่องทางในการระดมทุนที่มีประสิทธิภาพสำหรับบริษัท ได้อีกต่อไป
- ปัจจุบันบริษัท มีการกระจายการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) ต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ และจากแนวโน้มธุรกิจของบริษัท ที่จะยังคงเผชิญกับความท้าทาย จึงเป็นเรื่องยากที่จะเพิ่มการกระจายการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) ของบริษัท ผ่านการออกหุ้นใหม่ให้กับนักลงทุนทั่วไป
ทั้งนี้ SFTH จะดำเนินการทำคำเสนอซื้อเพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ฯ ได้ ภายหลังจากที่เงื่อนไขดังต่อไปนี้ สำเร็จครบถ้วนทุกประการแล้ว
1) ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท และที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท มีมติอนุมัติการเพิกถอนหลักทรัพย์จากการ เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยสมัครใจ ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของ จำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท
โดยที่ต้องไม่มีผู้ถือหุ้นคัดค้านการเพิกถอนหุ้นเกินกว่า 10% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท ตามหลักเกณฑ์การเพิกถอนหลักทรัพย์ ของตลาดหลักทรัพย์ฯ
2) การเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัท จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และการทำคำเสนอซื้อเพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ฯ จะต้องได้รับการอนุมัติ และการผ่อนผันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงตลาดหลักทรัพย์ฯ และคู่สัญญาใด ๆ และบุคคลภายนอก ภายใต้สัญญาและเอกสารที่เกี่ยวข้อง (หากจำเป็น)
3) SFTH ในฐานะผู้ทำคำเสนอซื้อ จะต้องได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากผู้ถือหุ้นของ SFTH (กลุ่ม SF) เป็นจำนวนที่เพียงพอและสามารถใช้สำหรับการทำคำเสนอซื้อเพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ฯ

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon