BP บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ กำลังเป็นเป้า ถูกซื้อกิจการจากคู่แข่ง /โดย ลงทุนแมน
British Petroleum หรือ “BP” บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมพลังงานของสหราชอาณาจักร กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่สั่นคลอนมากสุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของบริษัทก็ว่าได้

หลังจากต้องเผชิญแรงกดดัน ทั้งจากนักลงทุนและสถานการณ์ธุรกิจที่ผันผวน
จนเกิดข่าวว่า บริษัทคู่แข่งหลายราย อยู่ระหว่างพิจารณาความเป็นไปได้ในการขอซื้อกิจการ BP

อะไรคือสาเหตุที่ทำให้พวกเขาตกที่นั่งลำบากแบบนี้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
BP ก่อตั้งขึ้นในปี 1909 หรือเมื่อ 116 ปีที่แล้ว
ปัจจุบันเป็นบริษัทพลังงานชั้นนำ ที่มีการดำเนินงานในหลายภูมิภาคทั่วโลก

แต่เมื่อปี 2020 บริษัทได้ประกาศเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งสำคัญ จากที่เคยทำธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก จะหันไปมุ่งเน้นพลังงานสะอาดแทน

โดยมีเป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ให้ได้ภายในปี 2050 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เร็วกว่าบริษัทพลังงานรายอื่น ๆ

จึงตั้งงบลงทุนกว่า 160,000 ล้านบาทต่อปี ในช่วง 10 ปีข้างหน้า เพื่อสร้างธุรกิจพลังงานหมุนเวียนให้มีกำลังการผลิตมากกว่า 50 กิกะวัตต์

แต่ปรากฏว่า BP กลับต้องเจอความท้าทายมากมาย..

ก่อนหน้านี้ โครงสร้างทางการเงินของ BP นั้นค่อนข้างอ่อนแอ ซึ่งเป็นผลมาจากภาระหนี้สินที่ต้องใช้เพื่อรับผิดชอบต่อเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลครั้งใหญ่

ในปี 2010 แท่นขุดเจาะน้ำมัน Deepwater Horizon ของ BP เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง จนน้ำมันรั่วไหลเป็นวงกว้างในบริเวณอ่าวเม็กซิโก

ทำให้บริษัทต้องชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด สะสมรวมเป็นมูลค่าประมาณ 2.1 ล้านล้านบาท

ส่งผลให้ BP มีหนี้สินในระดับสูงจนถึงทุกวันนี้ และทำให้มีข้อจำกัดมากขึ้นในการลงทุนขยายธุรกิจ

งบการเงินของ BP ในปี 2024
- ทรัพย์สิน 9.2 ล้านล้านบาท
- หนี้สิน 6.7 ล้านล้านบาท

เรื่องถัดมา คือ การได้รับผลกระทบโดยตรงจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน

เมื่อปี 2022 สงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้หลายประเทศมีนโยบายคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับรัสเซีย

ซึ่งเป็นแรงกดดันที่ทำให้ BP ต้องตัดสินใจถอนการดำเนินงานออกจากประเทศรัสเซีย โดยบริษัทได้ขายหุ้นสัดส่วน 19.75% ที่ถืออยู่ใน Rosneft บริษัทน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซีย

ซึ่งต้องบันทึกขาดทุนมูลค่ากว่า 8.2 แสนล้านบาท
รวมทั้งยังทำให้กำลังการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติลดลงไปมาก

ทำให้ผลประกอบการของ BP ไม่ได้สวยหรูเหมือนในอดีต

ปี 2023 รายได้ 6.9 ล้านล้านบาท กำไร 4.9 แสนล้านบาท
ปี 2024 รายได้ 6.3 ล้านล้านบาท กำไร 0.1 แสนล้านบาท

ขณะที่ธุรกิจเดิมมีปัญหา ธุรกิจใหม่ที่ฝากความหวังไว้ ก็เริ่มไม่แน่นอนเช่นกัน

เดิมที วงการพลังงานเริ่มให้ความสำคัญกับภาวะโลกร้อนกันมากขึ้น หลังจากนานาชาติทำความตกลงกันที่กรุงปารีส เมื่อปี 2015 ที่จะควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส

เป็นเหตุให้ BP ปรับตัวทันที ด้วยการกำหนดกลยุทธ์มุ่งเน้นพลังงานสะอาด เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

แต่ความเสี่ยงเรื่องซัปพลายจากรัสเซียที่หายไป
ทำให้หลายประเทศกลับมาให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางพลังงานเป็นหลัก ซึ่งเชื้อเพลิงฟอสซิลตอบโจทย์ได้ดีกว่า

ประกอบกับสหรัฐฯ ภายใต้การนำของรัฐบาล ดอนัลด์ ทรัมป์ ได้เปลี่ยนนโยบายพลังงาน โดยลาออกจากความตกลงที่กรุงปารีส เพื่อเน้นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอย่างเต็มตัว

ส่งผลให้นักลงทุนมีความกังวลต่อทิศทางของ BP ในอนาคต และเทขายหุ้นอย่างต่อเนื่อง จนราคาปรับตัวลดลง 20-30% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา

ทำให้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ผู้บริหาร BP จึงต้องเปลี่ยนกลยุทธ์อีกครั้ง โดยกลับไปลงทุนในธุรกิจเชื้อเพลิงฟอสซิล มูลค่ากว่า 3.3 แสนล้านบาทต่อปี เพื่อสร้างผลตอบแทนที่รวดเร็ว เรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนคืนมา

นอกจากนั้น BP ยังมองหาโอกาสขายทรัพย์สินเพื่อสภาพคล่องทางธุรกิจด้วย ซึ่งรวมถึง Castrol แบรนด์น้ำมันหล่อลื่นชื่อดัง ที่มีมูลค่าประมาณ 6.5 แสนล้านบาท

แต่นั่นกลับทำให้ BP ถูกมองว่ากำลังอยู่ในช่วงอ่อนแอ และตกเป็นเหยื่อที่น่าสนใจในการเข้าเทกโอเวอร์กิจการ

โดยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 มีข่าวว่าบริษัทพลังงานร่วมชาติอย่าง Shell อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการซื้อกิจการ BP เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการแข่งขันระดับโลก

รวมถึงผู้เล่นรายอื่น ๆ ก็หมายตา BP เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น
- Exxon และ Chevron จากสหรัฐฯ
- TotalEnergies จากฝรั่งเศส
- ADNOC จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ซึ่งหากมันเกิดขึ้นจริง ก็น่าจะเป็นดีลซื้อขายครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมพลังงาน เนื่องจากปัจจุบัน BP มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 2.4 ล้านล้านบาท

แต่มีการประเมินกันว่า มูลค่าของธุรกิจทั้งหมดในเครือ BP อาจสูงถึง 5.2 ล้านล้านบาท เลยทีเดียว

จากเรื่องราวนี้จะเห็นได้ว่า
ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง
แม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ ก็อาจรับมือไม่ไหวเหมือนกัน

ซึ่งเราคงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า
BP จะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้หรือไม่

แต่ถ้ายังไม่ดีขึ้น มันอาจนำไปสู่สงครามการแย่งกันซื้อกิจการครั้งใหญ่ของวงการธุรกิจพลังงานโลก ก็เป็นได้

BP จะรอดตาย หรือจะถูกกลืนโดยบริษัทอื่น
เราคงได้รู้คำตอบกันในไม่ช้านี้..
╔═══════════╗
ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://finance.yahoo.com/news/energy-giant-bp-went-eco-144109665.html
-https://oilprice.com/Energy/Energy-General/More-Than-One-Oil-Major-Has-Run-the-Numbers-on-a-BP-Acquisition.html
-https://www.bp.com/en/global/corporate/news-and-insights/press-releases/from-international-oil-company-to-integrated-energy-company-bp-sets-out-strategy-for-decade-of-delivery-towards-net-zero-ambition.html
-https://www.theguardian.com/business/2018/jan/16/bps-deepwater-horizon-bill-tops-65bn
-https://m.macrotrends.net/stocks/charts/BP/bp/net-income