ฮิวแมนซอฟท์ x ลงทุนแมน

การสรรหาบุคลากรไม่ใช่แค่การเลือกใครก็ได้เข้ามาทำงาน แต่ต้องพิจารณาถึงศักยภาพและความเหมาะสมของผู้สมัครว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนและตรงกับความต้องการของตำแหน่งหรือไม่ เพราะการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อเลือกคนที่ใช่มาอยู่ในงานที่ใช่

นั่นหมายความว่า การคัดเลือกบุคลากรเข้ามาทำงานในแต่ละตำแหน่ง ไม่ใช่เลือกใครก็ได้ที่สามารถเรียนรู้งานได้เท่านั้น แต่ต้องพิจารณาถึงศักยภาพ ความเข้าใจในลักษณะงาน และคุณลักษณะที่เหมาะสมกับตำแหน่งนั้น ๆ ด้วย ผู้คัดเลือกจึงต้องใส่ใจในรายละเอียดเพื่อให้ได้คนที่มีศักยภาพ และมีแนวโน้มที่จะสามารถสร้างคุณค่าให้กับองค์กรได้อย่างแท้จริง

ในยุคที่เทคโนโลยีมีบทบาทมากขึ้นในสังคม AI กลายเป็นเครื่องมือหลักในการยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจและลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น ทำให้องค์กรเกิดความคล่องตัวในการพัฒนาและเติบโต นำไปสู่ความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนในอนาคต นอกจากนั้นแล้ว AI ยังสามารถประยุกต์ใช้ได้กับหลากหลายอุตสาหกรรม ส่งผลให้ AI เป็นเครื่องมือสำคัญที่องค์กรยุคใหม่ต้องมี

ด้วยศักยภาพที่ช่วยให้การทำงาน “เร็วขึ้น แม่นยำขึ้น และชาญฉลาดขึ้น” AI จึงถูกนำมาใช้อย่างหลากหลายบริบทในองค์ ซึ่งปัจจุบัน AI เข้ามามีบทบาทในการสรรหาบุคลากร เพราะ AI สามารถคัดกรองใบสมัครจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว วิเคราะห์คุณสมบัติของผู้สมัครให้สอดคล้องกับความต้องการของตำแหน่งงาน และช่วยลดอคติในการตัดสินใจ ทั้งยังเพิ่มโอกาสในการเลือกบุคลากรที่เหมาะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้กระบวนการสรรหามีคุณภาพ และประหยัดทั้งเวลาและทรัพยากรขององค์กร

แล้ว AI จะยกระดับการคัดเลือกคนเข้าทำงานได้จริงหรือไม่?

ถ้าถามว่าได้จริงหรือไม่? คำตอบ คือ สามารถยกระดับการคัดเลือกคนเข้าทำงานได้จริง หากนำมาใช้อย่างถูกวิธีและมีการควบคุมที่เหมาะสม ซึ่งการใช้ AI ในการสรรหาบุคลากรมีจุดเด่นหลัก ๆ ดังนี้

• คัดกรองใบสมัครได้รวดเร็วและแม่นยำ: AI สามารถประมวลผลเรซูเม่จำนวนมากได้ในเวลาอันสั้น โดยวิเคราะห์จากคำสำคัญ ประสบการณ์ ทักษะ และคุณสมบัติที่ตรงกับตำแหน่งงาน ช่วยให้การคัดกรองแม่นยำและลดเวลาในการสรรหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• พิจารณาความเหมาะสมกับตำแหน่งแม่นยำขึ้น: AI วิเคราะห์ข้อมูลผู้สมัคร เช่น ทักษะ ประสบการณ์ และพฤติกรรม เพื่อนำประเมินร่วมกับความต้องการของตำแหน่ง ช่วยให้การคัดเลือกตรงจุดและลดความคลาดเคลื่อน
• ลดอคติในการตัดสินใจ: AI คัดเลือกผู้สมัครโดยประเมินจากข้อมูลที่สอดคล้องกับตำแหน่งงาน จึงช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างโปร่งใสและอิงศักยภาพที่แท้จริงของผู้สมัคร ลดอคติจากปัจจัยภายนอก ทำให้กระบวนการสรรหาบุคลากรมีความยุติธรรมมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม หากองค์กรต้องการใช้ระบบ AI ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ใช่เพียงแค่การนำเทคโนโลยีมาใช้เท่านั้น แต่ต้องมีพื้นฐานการบริหารจัดการที่ดี ครอบคลุมทั้งด้านโคฃรงสร้างข้อมูล กระบวนการทำงาน และบุคลากรที่เข้าใจการใช้ AI อย่างเหมาะสม เพราะแม้ AI จะมีศักยภาพสูงเพียงใด หากขาดข้อมูลที่เป็นระบบ หรือไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ก็อาจทำให้ผลลัพธ์คลาดเคลื่อนหรือไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควร ซึ่งสิ่งที่องค์กรควรคำนึงเมื่อใช้ AI มีดังนี้

• ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้สมัคร (Data Privacy & Ethics)
• การฝึกอบรมบุคลากรให้เข้าใจและใช้งาน AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ไม่พึ่งพา AI จนขาดการใช้วิจารณญาณของมนุษย์
• การออกแบบระบบให้ยืดหยุ่นและปรับใช้กับวัฒนธรรมองค์กร
• ความถูกต้องและครบถ้วนของข้อมูล และการกำกับดูแลที่มีจริยธรรม

AI ไม่ได้มาแทนที่ “มนุษย์” แต่เป็นตัวช่วยสำคัญในการยกระดับกระบวนการสรรหาให้แม่นยำ โปร่งใส และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้ข้อมูลจริงในการวิเคราะห์และตัดสินใจ องค์กรจึงสามารถสรรหาคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ลดอคติ เพิ่มความยุติธรรม และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้สมัคร ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าในโลกการทำงานยุคใหม่ "AI" คือพลังขับเคลื่อนที่จะพาองค์กรก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ทันสมัย และยั่งยืน