
รู้จักบริษัท เจ้าของเครื่องบิน B-2 ที่สหรัฐฯ ใช้ทิ้งระเบิดอิหร่าน
รู้จักบริษัท เจ้าของเครื่องบิน B-2 ที่สหรัฐฯ ใช้ทิ้งระเบิดอิหร่าน /โดย ลงทุนแมน
ไม่นานมานี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศว่าได้ใช้เครื่องบินล่องหน B-2 บินทิ้งระเบิดใส่ฐานนิวเคลียร์ของอิหร่าน
ไม่นานมานี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศว่าได้ใช้เครื่องบินล่องหน B-2 บินทิ้งระเบิดใส่ฐานนิวเคลียร์ของอิหร่าน
ซึ่งเป็นเครื่องบินที่มีราคาแพงถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
หรือคิดเป็นเงินไทยก็ราว ๆ ลำละ 66,000 ล้านบาท
หรือคิดเป็นเงินไทยก็ราว ๆ ลำละ 66,000 ล้านบาท
แม้มีราคาแพงแค่ไหน แต่ด้วยเทคโนโลยีการบินแบบล่องหน ทำให้กองทัพสหรัฐฯ กลายเป็นลูกค้าคนสำคัญของบริษัทที่ผลิตเครื่องบินรุ่นนี้ขึ้นมา
แล้วบริษัทเจ้าของเครื่องบิน B-2 ที่ว่านี้คือใคร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เจ้าของเครื่องบินล่องหน B-2 นี้ ถูกผลิตขึ้นโดยบริษัทอเมริกันที่มีชื่อว่า Northrop Grumman Corporation
ซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1939 ที่แคลิฟอร์เนีย โดยมีชื่อเดิมว่า Northrop ก่อนไปควบรวมกับ Grumman Corporation ในปี 1994 จนกลายมาเป็นชื่อปัจจุบันนั่นเอง
จากนั้นบริษัทก็ใช้วิธีซื้อธุรกิจอื่น ๆ เข้ามาเรื่อย ๆ จนบริษัทมีความเชี่ยวชาญทั้งการผลิตเครื่องบินและระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่คอยสนับสนุนการรบทางอากาศ
ในฝั่งการผลิตเครื่องบิน Northrop Grumman ไม่ได้ผลิตแค่เครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 เท่านั้น แต่ยังผลิตเครื่องบินรบรุ่นอื่น ๆ อีกด้วย
ไล่ตั้งแต่
- ผลิตเครื่องบินทิ้งระเบิด B-21
- ผลิตเครื่องบินเตือนภัยทางอากาศ E-2D Advanced Hawkeye
- ผลิตเครื่องบินไร้คนขับ MQ-4C Triton
- ผลิตลำตัวเครื่องบิน F-35 และ F/A-18
- ผลิตเครื่องบินทิ้งระเบิด B-21
- ผลิตเครื่องบินเตือนภัยทางอากาศ E-2D Advanced Hawkeye
- ผลิตเครื่องบินไร้คนขับ MQ-4C Triton
- ผลิตลำตัวเครื่องบิน F-35 และ F/A-18
ซึ่งลูกค้าคนสำคัญไม่ใช่แค่กองทัพสหรัฐฯ แต่ยังมีกองทัพฝรั่งเศส ญี่ปุ่น โปแลนด์ ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ รวมไปถึงองค์กรทหารอย่าง NATO
และนอกจากเครื่องบินรบแล้ว Northrop Grumman ยังรับผิดชอบโปรเจกต์พัฒนาระบบขีปนาวุธข้ามทวีป ICBM ร่วมกับกองทัพสหรัฐฯ อีกด้วย
ส่วนในฝั่งธุรกิจสนับสนุนการรบทางอากาศ ก็จะมีการขายระบบเรดาร์การยิงให้กับเครื่องบินรบต่าง ๆ รวมไปถึงระบบสื่อสารทางทหารผ่านดาวเทียมควบคู่ไปด้วยกัน
จากโมเดลธุรกิจทั้งสองฝั่งนี้ ทำให้ Northrop Grumman มีรายได้เข้ามาหลายทาง และค่อนข้างกระจายตัวในแต่ละกลุ่มธุรกิจ เห็นได้จากโครงสร้างรายได้ในปีที่ผ่านมา
- 29.3% มาจากรายได้ Aeronautics Systems เช่น เครื่องบินรบ เครื่องบินทิ้งระเบิด
- 28.5% มาจากรายได้ Space Systems เช่น ระบบสื่อสารทางทหารผ่านดาวเทียม
- 27.7% มาจากรายได้ Mission Systems เช่น ระบบเรดาร์
- 14.5% มาจากรายได้ Defense Systems เช่น ระบบขีปนาวุธ
ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่ทำกำไรดีสุดของบริษัท นั่นคือ กลุ่ม Mission Systems เพราะระบบเรดาร์เป็นสินค้าประเภทซอฟต์แวร์ที่มีต้นทุนน้อยกว่าการผลิตเครื่องบินหรืออุปกรณ์ทางทหารอื่น ๆ
แม้จะมีสัดส่วนรายได้ที่ค่อนข้างกระจาย แต่ลูกค้าหลักส่วนใหญ่ของบริษัท ยังคงเป็นกองทัพสหรัฐฯ ที่เป็นแหล่งรายได้สำคัญถึง 87% ของรายได้ทั้งหมด
ดังนั้น ถ้าจะบอกว่าบริษัทนี้โตได้เพราะกองทัพสหรัฐฯ
ก็คงไม่ผิดนัก เพราะต้องพึ่งพารายได้ก้อนโตอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง
ก็คงไม่ผิดนัก เพราะต้องพึ่งพารายได้ก้อนโตอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง
แล้วที่ผ่านมา ผลประกอบการของ Northrop Grumman เป็นอย่างไรบ้าง ?
ปี 2022
รายได้ 1,207,939 ล้านบาท
กำไร 161,577 ล้านบาท
รายได้ 1,207,939 ล้านบาท
กำไร 161,577 ล้านบาท
ปี 2023
รายได้ 1,296,648 ล้านบาท
กำไร 67,852 ล้านบาท
รายได้ 1,296,648 ล้านบาท
กำไร 67,852 ล้านบาท
ปี 2024
รายได้ 1,354,171 ล้านบาท
กำไร 137,750 ล้านบาท
รายได้ 1,354,171 ล้านบาท
กำไร 137,750 ล้านบาท
เรียกได้ว่า รายได้ของบริษัทโตต่อเนื่องมาตลอด ส่วนกำไรที่ลดลง ส่วนหนึ่งมาจากการลงทุนในโปรเจกต์เครื่องบิน B-21 ร่วมกับกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมานี้
โดยปัจจุบัน บริษัทนี้มีมูลค่าอยู่ที่ 2.4 ล้านล้านบาท
ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลกในอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ
ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลกในอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ
ถึงตรงนี้ เราคงรู้จักบริษัท Northrop Grumman Corporation แล้วว่า เป็นผู้ที่ผลิตเครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 ที่สหรัฐฯ ใช้ทิ้งระเบิดอิหร่าน
ซึ่งทำให้เห็นว่า ความสามารถของเครื่องบินจากบริษัทนี้ มีมากแค่ไหน ถึงสามารถโจมตีอิหร่านได้แบบล่องหนขนาดนี้
แต่อีกมุมหนึ่ง ก็เป็นการจุดชนวนความขัดแย้งในตะวันออกกลางมากขึ้น และทำให้เศรษฐกิจโลก อาจได้รับผลกระทบทางอ้อมจากเรื่องราวที่เกิดขึ้น
เรียกได้ว่า บริษัทผลิตเครื่องบินนี้ได้ประโยชน์ แต่ธุรกิจอื่น ๆ ในระบบเศรษฐกิจโลก กำลังเสี่ยงที่จะเสียประโยชน์จากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในตอนนี้แทน..