César Ritz จากลูกชาวนาที่โดนดูถูก สู่ผู้สร้างอาณาจักร The Ritz-Carlton สุดหรู

César Ritz จากลูกชาวนาที่โดนดูถูก สู่ผู้สร้างอาณาจักร The Ritz-Carlton สุดหรู

César Ritz จากลูกชาวนาที่โดนดูถูก สู่ผู้สร้างอาณาจักร The Ritz-Carlton สุดหรู /โดย ลงทุนแมน
ใครที่เคยไปเดิน One Bangkok อาจเคยได้ยินชื่อของ The Ritz-Carlton โรงแรมสุดหรู ที่เป็นส่วนหนึ่งในโครงการ One Bangkok
The Ritz-Carlton เป็นหนึ่งในแบรนด์โรงแรมระดับบนที่อยู่ภายใต้เครือ Marriott International เชนโรงแรมยักษ์ใหญ่ของโลก
ที่น่าสนใจคือ แบรนด์โรงแรมสุดหรูแห่งนี้ ถือเป็นต้นแบบของการบริหารโรงแรมระดับ Ultra Luxury ในยุคปัจจุบัน
โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากผู้ก่อตั้งอย่างคุณ César Ritz ที่เปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับโรงแรม จาก “ที่พักค้างคืน” มาเป็น “ที่พักสุดหรู”
ที่มาที่ไปของ The Ritz-Carlton เป็นอย่างไร ?
ทำไมถึงกลายเป็นมาตรฐานของโรงแรมหรูทั่วโลก ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
จุดเริ่มต้นของ The Ritz-Carlton ต้องย้อนไปถึงเรื่องราวชีวิตของผู้ก่อตั้งอย่างคุณ César Ritz ที่เกิดในครอบครัวชาวนา และมีฐานะยากจน ทำให้ต้องทำงานตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
ในวัย 15 ปี คุณ Ritz มีโอกาสได้ลองเข้าไปทำงานในตำแหน่ง ซอมเมอลิเยร์ (ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์และพนักงานเสิร์ฟไวน์) ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมือง Brig
อย่างไรก็ตาม เขาถูกไล่ออกในเวลาไม่นาน พร้อมกับโดนปรามาสว่า “จะไม่มีวันประสบความสำเร็จในสายงานเกี่ยวกับโรงแรมแน่นอน”
แต่แทนที่จะท้อถอย เขากลับเลือกเดินทางไปยังกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในปี 1867 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการจัดงาน World’s Fair และเริ่มทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในโรงแรมอีกครั้ง
โดยในช่วงเวลาหลังจากนั้น คุณ Ritz ได้มีโอกาสทำงานในหลาย ๆ ตำแหน่ง ทั้งพนักงานเสิร์ฟและผู้ช่วยคนครัว
ทำให้เขาได้เรียนรู้ในหลาย ๆ แง่มุมของธุรกิจโรงแรม ประกอบกับไหวพริบ ความตั้งใจ และเป็นคนหัวไว
คุณ Ritz จึงเติบโตในหน้าที่การงานอย่างต่อเนื่อง และไต่เต้าไปจนถึงระดับบริหารได้สำเร็จ โดยเขาได้เป็นผู้จัดการโรงแรมระดับแนวหน้าของยุโรป ก็คือ
- Grand Hôtel National ในเมือง Lucerne
- Grand Hôtel ในเมือง Monte Carlo
ด้วยประสบการณ์ที่โชกโชน ทำให้คุณ Ritz เข้าใจในความต้องการของลูกค้าระดับบนเป็นอย่างดี ซึ่งเขาใส่ใจในรายละเอียดต่าง ๆ ตั้งแต่การจัดโต๊ะ อาหาร แสงไฟในโรงแรม ไปจนถึงกลิ่นหอมในห้องพัก
นอกจากนี้ เขายังยึดหลักการ “ลูกค้าถูกเสมอ” ในการบริหารโรงแรม
โดยการกำหนดให้พนักงานหมั่นสังเกตและตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้เร็ว และไม่ต้องตั้งคำถาม เช่น ถ้าลูกค้าไม่พอใจกับอาหารหรือไวน์ ให้เอามันออกทันทีและเปลี่ยนใหม่โดยไม่ต้องถามคำถาม
รวมถึงต้องใส่ใจในเรื่องสุขอนามัยและความสะอาด ภายในโรงแรมด้วย
คุณ Ritz มีโอกาสได้รู้จักกับคุณ Auguste Escoffier พ่อครัวชื่อดังชาวฝรั่งเศส และได้กลายมาเป็นพาร์ตเนอร์กัน โดยเปิดร้านอาหาร Conservations Haus ร่วมกันในเมือง Baden-Baden
ซึ่งต่อมา ทั้งสองคนได้รับเชิญไปยังกรุงลอนดอน โดยคุณ Richard D'Oyly Carte ผู้ก่อตั้งโรงแรม Savoy Hotel
เพื่อให้มาร่วมงานด้วย ซึ่งคุณ Ritz ได้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการโรงแรม และคุณ Escoffier ได้เป็นพ่อครัวของ Savoy Hotel
Savoy Hotel ภายใต้การบริหารของทั้งสองคน เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก กลายเป็นโรงแรมหรูระดับโลก ที่มีการใช้ไฟฟ้า ลิฟต์ และครัวฝรั่งเศส
โดยเป็นที่พักประจำของบุคคลสำคัญมากมายของยุโรป ทั้งนักธุรกิจ มหาเศรษฐี ไปจนถึงสมาชิกราชวงศ์ในยุโรป
อย่างไรก็ตาม ในปี 1898 คุณ Ritz และคุณ Escoffier ถูกไล่ออกจาก Savoy Hotel จากข้อกล่าวหาฉ้อโกงเรื่องการหายไปของไวน์และสุรา ซึ่งแม้ตอนแรกเขาจะฟ้องร้องต่อข้อกล่าวหา แต่ก็ตัดสินใจไม่ฟ้องในเวลาต่อมา
แม้ชีวิตจะสะดุดอีกครั้ง แต่คุณ Ritz ก็ไม่ได้ละทิ้งความชื่นชอบในธุรกิจโรงแรมเลย
เขาและคุณ Escoffier มองหานักลงทุนและเริ่มเปิดโรงแรมของตัวเองอีกครั้ง ภายใต้ชื่อ The Ritz Hotel
และเลือกกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นที่ตั้งโรงแรมแห่งแรกโดยใช้ชื่อ The Ritz Paris ก่อนที่จะขยายสาขาไปยังกรุงลอนดอน และกรุงมาดริดในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ เขายังได้เปิด Carlton Hotel ขึ้นในลอนดอนด้วย
The Ritz Hotel ถือเป็นโรงแรมที่โดดเด่นในด้านความหรูหราและบริการระดับแนวหน้าในยุคสมัยนั้น
ซึ่งสไตล์การบริหารของคุณ Ritz ยังคงเหมือนกับที่คุณ Ritz ใช้บริหารโรงแรมอื่น ๆ ในช่วงที่ผ่านมา
ที่สำคัญ The Ritz-Carlton ได้กลายมาเป็นรากฐานของโรงแรมยุคใหม่ ที่ผนวกการเป็นที่พักสุดหรู ร้านอาหารชั้นเลิศเข้าไว้ด้วยกัน พร้อม ๆ กับการบริการที่เหนือกว่ามาตรฐานโรงแรมทั่วไปในยุคนั้น
และชื่อของ Ritz ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหรา โดยคำว่า “Ritzy” ในภาษาอังกฤษ หมายถึง “หรูหรา มีระดับ” ซึ่งก็ได้แรงบันดาลใจมาจากชื่อของเขานั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงบั้นปลายชีวิตของคุณ Ritz อาจไม่สดใสเท่าไรนัก เพราะเขาล้มป่วยด้วยโรคทางจิตเวชจากความเครียดจากการทำงานอย่างหนัก และเสียชีวิตในปี 1918
แต่ธุรกิจโรงแรมของเขา ก็ยังแข็งแรงและเติบโตเรื่อยมา ภายใต้การบริหารของคนอื่น ๆ
โดยในช่วงปี 1983 มีกลุ่มนักลงทุน นำโดยคุณ William B. Johnson ได้ซื้อสิทธิ์การใช้ชื่อ The Ritz-Carlton เพื่อต่อยอดธุรกิจ และเริ่มเปิดโรงแรมใหม่ทั่วอเมริกา
จนกระทั่งในปี 1995 Marriott International ต้องการเจาะตลาด Luxury Hotel จึงได้เข้าซื้อหุ้น 49% ใน The Ritz-Carlton และขยับขึ้นมาถือหุ้น 100% ในปี 1998
ซึ่ง The Ritz-Carlton ภายใต้เครือ Marriott International ก็ได้รับการสนับสนุนด้านการบริหาร และขยายตัวอย่างรวดเร็วในระดับโลก ซึ่งปัจจุบัน The Ritz-Carlton มีโรงแรมมากกว่า 100 แห่ง ในกว่า 30 ประเทศ
และนี่คือเรื่องราวของ The Ritz-Carlton แบรนด์โรงแรมสุดหรู ที่ก่อตั้งโดยลูกชาวนา ผู้ซึ่งเคยโดนดูถูกว่าจะไม่มีวันประสบความสำเร็จในสายงานโรงแรม ซึ่งคุณ Ritz ก็ได้พิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์แล้วในวันนี้
จนเขาได้รับสมญานามว่า “King of Hoteliers and Hotelier to Kings”
หรือ “ราชาแห่งโรงแรม และนักทำโรงแรมของราชา”
และนอกจากการลบคำปรามาสแล้ว คุณ Ritz ยังได้สร้างมาตรฐานการบริหารโรงแรมไว้อย่างเป็นระบบ และได้กลายมาเป็นต้นแบบของโรงแรมหรูทั่วโลก ในยุคสมัยต่อมา..
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon