SAPPE ขึ้นเวทีโลก ขับเคลื่อนประเด็นสังคม-วัฒนธรรม ในฐานะองค์กรที่ “ลงมือทำจริง”

SAPPE ขึ้นเวทีโลก ขับเคลื่อนประเด็นสังคม-วัฒนธรรม ในฐานะองค์กรที่ “ลงมือทำจริง”

SAPPE x ลงทุนแมน
ประเด็นทางสังคมและวัฒนธรรม (Socio-Cultural Issues) เป็นเรื่องที่ทั่วโลกให้ความสนใจและถกเถียงกันมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่เรื่องเพศหรือเชื้อชาติ
แต่รวมถึงโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากร การแสดงออก และความก้าวหน้าในอาชีพ
โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ “ความเท่าเทียม” ยังคงเป็นเรื่องที่พูดง่าย..แต่ทำยาก
แต่วันนี้ มีหนึ่งองค์กรจากประเทศไทยที่ก้าวขึ้นไปยืนบนเวทีระดับโลก ถ่ายทอดมุมมองในงาน Global Summit of Women 2025 เวทีผู้นำหญิงระดับนานาชาติที่ทรงอิทธิพลที่สุดงานหนึ่งของโลก
พร้อมส่งสัญญาณว่า องค์กรไทย..ให้ความสำคัญกับประเด็นความเท่าเทียมและความหลากหลาย ไม่ใช่แค่ในเชิงกลยุทธ์ แต่ในฐานะสิ่งที่เชื่อและลงมือทำจริง
องค์กรนั้นคือ บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE
ผู้บุกเบิกตลาด Snack Drink รายแรก ๆ ของโลก ผ่านแบรนด์อย่าง Mogu Mogu และ Sappe Beauti Drink โดยมีคุณปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นผู้ขับเคลื่อนองค์กร
แล้วเส้นทางของผู้นำหญิงคนนี้เป็นอย่างไร ?
และเธอพูดอะไรบนเวทีระดับโลก ที่หลายคนจับตามอง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
คุณปิยจิต เติบโตในครอบครัวเชื้อสายจีนรุ่นที่สอง เป็นลูกสาวคนเดียวในบรรดาพี่น้องชายสามคน
ก่อนเริ่มต้นเส้นทางอาชีพในสายการเงินกับสถาบันระดับโลกอย่าง Deutsche Bank, Barclays Capital และ BNP Paribas
กระทั่งวันที่ SAPPE เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัท
ครอบครัวจึงดึงตัวเธอกลับมาร่วมวางรากฐานองค์กรในบทบาท CFO ใช้ความเชี่ยวชาญด้านการเงินมาพัฒนาและวางระบบภายใน
ต่อมา เมื่อพี่ชายคนโตลงจากตำแหน่ง CEO คุณปิยจิตจึงก้าวขึ้นมารับตำแหน่งผู้นำเต็มตัว
นับจากวันนั้น SAPPE ก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การขับเคลื่อนของเธอ จนกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ไทยที่แข็งแกร่งในเวทีโลก
แล้วอะไรคือสิ่งสำคัญที่คุณปิยจิตเลือกจะพูดบนเวที Global Summit of Women 2025 ?
หัวข้อหลักของเวทีนี้ คือ “Should Companies Take a Position on Socio-Cultural Issues?” หรือแปลง่าย ๆ ว่า “องค์กรควรแสดงจุดยืนต่อประเด็นสังคมและวัฒนธรรมหรือไม่ ?”
อย่างที่กล่าวไปว่า ในบริบทเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเด็นนี้ยังถือเป็นเรื่องใหม่และค่อนข้างอ่อนไหว โดยเฉพาะเรื่องความเท่าเทียมและความหลากหลาย ที่หลายองค์กรยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเรียนรู้และปรับตัว
แต่สำหรับคุณปิยจิต มุมมองของ SAPPE ชัดเจนตั้งแต่ต้นว่า เรื่องนี้ไม่ใช่แค่กลยุทธ์ทางการตลาด แต่คือ “การยืนหยัดในคุณค่าที่องค์กรเชื่อจริง”
SAPPE เลือกสื่อสารจุดยืนนี้ออกมาอย่างตรงไปตรงมา โดยยึดหลัก 3 แนวคิดสำคัญในวัฒนธรรมองค์กร คือ
- ความเป็นนักนวัตกรรม
- การส่งเสริมบทบาทผู้หญิง และทุกเพศสภาพ
- ส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม (DEI)
ในแง่ธุรกิจ SAPPE ถือเป็นผู้บุกเบิกตลาด Snack Drink ผ่านแบรนด์ Mogu Mogu ที่ส่งออกไปกว่า 100 ประเทศ และต่อยอดด้วย Sappe Beauti Drink ที่เน้นคอนเซปต์ “รักและดูแลตัวเองจากภายใน”
ปีที่ผ่านมา SAPPE ยังเปิดตัวแคมเปญ “สวยเรา ไม่ต้องสวยใคร” ภายใต้แนวคิด Self-Love สะท้อนแนวคิดว่า “ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องรอใครมายืนยันคุณค่า แต่สามารถเชื่อมั่นในตัวเอง และเป็นพลังขับเคลื่อนสังคมได้”
ในด้านการบริหารองค์กร คุณปิยจิตให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมและความหลากหลายอย่างจริงจัง
รู้หรือไม่ว่า ? ปัจจุบัน พนักงานหญิงใน SAPPE มีสัดส่วน 53% ส่วนในระดับผู้บริหารสูงสุด ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็น 60%
พร้อมออกแบบโครงสร้างองค์กรเป็นแบบ Flat Organization ลดลำดับขั้น เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมและกล้าแสดงความคิดเห็นมากขึ้น
นอกจากนี้ SAPPE ยังเปิดพื้นที่รับฟังเสียงจากทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นเวทีประชุมผู้ถือหุ้นรายไตรมาส ช่องทางออนไลน์สำหรับผู้บริโภค รวมถึงช่องทางภายในที่ให้พนักงานเข้าถึงผู้บริหารได้โดยตรง อีกด้วย
แล้วถ้าถามว่าอะไรคือ “กุญแจแห่งความสำเร็จ” ที่ทำให้ SAPPE เปลี่ยนองค์กรได้ขนาดนี้ ?
คุณปิยจิตอธิบายว่า ในฐานะผู้นำองค์กรระดับโลก SAPPE ให้ความสำคัญกับการเคารพความหลากหลายทางวัฒนธรรม ไม่บริหารด้วยแนวทางเดียวกันทุกประเทศ หรือที่เรียกว่า “One Size Fits All”
อีกหนึ่งหลักคิดสำคัญ คือ ผู้นำต้อง “Walk The Talk” หรือเป็นคนที่ลงมือทำจริงในทุกสิ่งที่องค์กรยึดถือ ไม่ใช่แค่พูด แต่ต้องทำให้เห็นเป็นรูปธรรม
ทั้งในเรื่องความโปร่งใส ความซื่อสัตย์ และความรับผิดชอบต่อพนักงาน ผู้บริโภค และสังคม
สำหรับการสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ คุณปิยจิตยกตัวอย่างว่า ปัจจุบัน SAPPE มีพนักงาน Gen Z ถึง 20% ขององค์กร ซึ่งเป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับ “Purpose” หรือเป้าหมายในการทำงานอย่างมาก
“พวกเขาอยากรู้ว่าทำอะไร ทำไปเพื่ออะไร และทำแล้วจะเกิดอะไรขึ้น”
SAPPE จึงเน้นการสื่อสารพันธกิจ ค่านิยม และเป้าหมายขององค์กรให้ชัดเจน ควบคู่กับการดูแลคุณภาพชีวิตและสุขภาพจิตของพนักงาน ออกแบบระบบประเมินผลที่ยุติธรรม และสร้างความรู้สึกว่าพนักงานคือเจ้าขององค์กรอย่างแท้จริง
แนวคิดเหล่านี้ คือสิ่งที่ทำให้ SAPPE เติบโตด้วยไอเดียใหม่ ๆ และเชื่อมโยงกับความเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเข้าร่วม Global Summit of Women ในครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่เวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระดับโลก แต่เป็นเวทีที่ผู้หญิงไทยคนหนึ่งได้แสดงให้เห็นว่า
“องค์กรไทย” ก็สามารถเติบโตบนเวทีโลกได้ ด้วยความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย วิสัยทัศน์ที่ชัดเจน และความกล้าที่จะยืนหยัดในสิ่งที่เชื่อ
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ..
Global Summit of Women คือเวทีประชุมระดับนานาชาติที่จัดต่อเนื่องมายาวนานถึง 35 ปี โดยปีนี้มีผู้เข้าร่วมกว่าพันคนจากกว่า 60 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมทั้งภาครัฐ องค์กรระหว่างประเทศ และภาคเอกชน
โดยมีผู้นำระดับสูงเข้าร่วม อาทิ รัฐมนตรี ผู้อำนวยการอาวุโส และ CEO จากบริษัทชั้นนำของโลก เช่น IBM, EY, UNCTAD, Huawei, Adecco, Bayer, Mercedes-AMG, National Bank of Australia และ Commerzbank
การประชุมครั้งนี้ประกอบด้วยเวทีหลากหลาย ทั้ง
- Plenary Session ที่เจาะลึกเมกะเทรนด์และนโยบายระดับโลก
- เวทีว่าด้วยการพัฒนาอาชีพผู้หญิงในยุคดิจิทัล
- และการประชุมระหว่างภาครัฐกับเอกชน เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติจริงจากหลากหลายประเทศ
เวทีนี้ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่แห่งแรงบันดาลใจ แต่ยังมีบทบาทสำคัญในระดับนโยบายและความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อขับเคลื่อนประเด็นสำคัญอย่าง
- การลดช่องว่างค่าจ้างระหว่างเพศ
- การเพิ่มสัดส่วนผู้หญิงในตำแหน่งผู้บริหาร
- และการส่งเสริมบทบาทผู้หญิงในระบบเศรษฐกิจ ที่มีส่วนช่วยขับเคลื่อน GDP ในระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรม
อ่านมาถึงตรงนี้ เราคงพอสรุปได้ว่า การที่ SAPPE ได้ขึ้นไปพูดบนเวทีระดับโลกครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การสะท้อนถึงการปรับตัวขององค์กรให้ทันยุคแห่งความเท่าเทียมและความหลากหลาย
แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นว่า SAPPE คือหนึ่งในตัวอย่างของบริษัทไทย ที่พิสูจน์ว่าความคิดสร้างสรรค์ วิสัยทัศน์ที่ชัดเจน และความกล้ายืนหยัดในคุณค่า สามารถพาองค์กรไทยไปยืนบนเวทีโลกได้จริง นั่นเอง..
Reference :
- ข่าวประชาสัมพันธ์ SAPPE
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon