
ย้อนรอยจุดเริ่มต้นสงครามโลก ที่มาจากปัญหาปากท้อง และสงครามการค้า
ย้อนรอยจุดเริ่มต้นสงครามโลก ที่มาจากปัญหาปากท้อง และสงครามการค้า /โดย ลงทุนแมน
รู้หรือไม่ว่า ต้นตอของสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 70 ล้านคนทั่วโลก ไม่ได้มีจุดเริ่มต้น จากความขัดแย้งทางเชื้อชาติ หรือเผ่าพันธุ์
รู้หรือไม่ว่า ต้นตอของสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 70 ล้านคนทั่วโลก ไม่ได้มีจุดเริ่มต้น จากความขัดแย้งทางเชื้อชาติ หรือเผ่าพันธุ์
แต่เริ่มต้นมาจากสงครามการค้า เศรษฐกิจที่พังทลาย และความสิ้นหวังของคนในชาติ
วิกฤติเศรษฐกิจทำให้ประเทศต่าง ๆ หันมากีดกันทางการค้า ขึ้นภาษีกันไปมา จนการค้าโลกหยุดชะงัก
แล้ววิกฤติเศรษฐกิจ นำไปสู่สงครามโลก ได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ปี 1929 โลกต้องเผชิญกับ Great Depression วิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ และตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ล่มสลาย แบบไม่ทันตั้งตัว
โดยช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1914-1918
ยุโรปกลายเป็นสมรภูมิรบ โรงงานและไร่นาเสียหาย
ทำให้ผลิตสินค้าได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ
ยุโรปกลายเป็นสมรภูมิรบ โรงงานและไร่นาเสียหาย
ทำให้ผลิตสินค้าได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ
สหรัฐอเมริกา ซึ่งไม่ได้เข้าร่วมสงครามตั้งแต่แรก (เข้าร่วมปี 1917 ซึ่งเป็นช่วงท้ายของสงคราม) จึงกลายเป็นผู้ส่งออกสำคัญ ทั้งอาหาร และสินค้าอุตสาหกรรม
เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเติบโตสุดขีด ตลาดหุ้นก็พุ่งตาม
ผู้คนเริ่มแห่กันมาลงทุนในหุ้นแบบไม่ดูความเสี่ยง เกิดภาวะเก็งกำไรจนตลาดหุ้นพองตัวเกินจริง กลายเป็นฟองสบู่
ผู้คนเริ่มแห่กันมาลงทุนในหุ้นแบบไม่ดูความเสี่ยง เกิดภาวะเก็งกำไรจนตลาดหุ้นพองตัวเกินจริง กลายเป็นฟองสบู่
แต่เมื่อสงครามจบ ยุโรปเริ่มฟื้นตัว ภาคการผลิตเริ่มกลับมาเข้าที่ และพึ่งพาตัวเองได้
สินค้าจากสหรัฐอเมริกา ก็เริ่มล้นตลาด และส่งออกได้น้อยลง
สินค้าจากสหรัฐอเมริกา ก็เริ่มล้นตลาด และส่งออกได้น้อยลง
สวนทางกับยุโรปที่เริ่มส่งออกกลับมาขายสหรัฐอเมริกาได้มากขึ้น เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา จึงเริ่มสะดุด
พอถึงปี 1929 ฟองสบู่ตลาดหุ้นก็แตก เกิดวิกฤติ Great Depression
ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ดิ่งลงเกือบ 90% (จากจุดสูงสุดในปี 1929 ถึงจุดต่ำสุดในปี 1932)
คนอเมริกันกว่า 1 ใน 4 ตกงาน
ธนาคาร 9,000 แห่งต้องปิดกิจการ
GDP ของสหรัฐอเมริกา หดตัวกว่า 30%
สร้างแรงกระแทกทางเศรษฐกิจที่สั่นสะเทือนไปทั่วโลก
ธนาคาร 9,000 แห่งต้องปิดกิจการ
GDP ของสหรัฐอเมริกา หดตัวกว่า 30%
สร้างแรงกระแทกทางเศรษฐกิจที่สั่นสะเทือนไปทั่วโลก
ส่งผลเป็นลูกโซ่ไปยังยุโรป โดยเฉพาะประเทศที่พึ่งพาเงินกู้จากสหรัฐอเมริกา
เศรษฐกิจประเทศต่าง ๆ เริ่มหยุดชะงัก ล้มตามกันเป็นโดมิโน
รวมถึงเยอรมนี ที่ยังต้องแบกภาระค่าปฏิกรรมสงครามจากสนธิสัญญาแวร์ซาย ซึ่งเป็นผลพวงจากการแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1
โดยหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญคือ
ต้องจ่าย “ค่าปฏิกรรมสงคราม” มหาศาลให้กับฝ่ายชนะ
ต้องจ่าย “ค่าปฏิกรรมสงคราม” มหาศาลให้กับฝ่ายชนะ
ผลคือ.. เศรษฐกิจเยอรมนีล่มสลาย
เงินเฟ้อรุนแรงจนเงินไม่มีค่า คนอดอยาก ธุรกิจล้ม
ความไม่พอใจแพร่กระจายไปทั่วประเทศ
เงินเฟ้อรุนแรงจนเงินไม่มีค่า คนอดอยาก ธุรกิจล้ม
ความไม่พอใจแพร่กระจายไปทั่วประเทศ
ในช่วงที่เยอรมนีกำลังสิ้นหวังจากเศรษฐกิจพัง
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ก็ปรากฏตัวในฐานะ ผู้กอบกู้
ฮิตเลอร์กล่าวโทษสนธิสัญญาแวร์ซาย ประเทศผู้ชนะสงคราม และกลุ่มชาติพันธุ์ชาวยิว ว่าเป็นต้นเหตุของความพังพินาศ
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ก็ปรากฏตัวในฐานะ ผู้กอบกู้
ฮิตเลอร์กล่าวโทษสนธิสัญญาแวร์ซาย ประเทศผู้ชนะสงคราม และกลุ่มชาติพันธุ์ชาวยิว ว่าเป็นต้นเหตุของความพังพินาศ
และให้ความหวังว่าจะพาเยอรมนี กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ ลัทธินาซี ค่อย ๆ เติบโต
จนกลายเป็นพลังที่พาฮิตเลอร์ขึ้นสู่อำนาจในที่สุด
นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ ลัทธินาซี ค่อย ๆ เติบโต
จนกลายเป็นพลังที่พาฮิตเลอร์ขึ้นสู่อำนาจในที่สุด
และเพื่อปกป้องเศรษฐกิจของตัวเอง
สหรัฐอเมริกา ออกกฎหมาย Smoot-Hawley Tariff Act ในปี 1930
สหรัฐอเมริกา ออกกฎหมาย Smoot-Hawley Tariff Act ในปี 1930
ซึ่งเป็นการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าต่างประเทศอย่างรุนแรง กว่า 20,000 รายการ ทำให้ภาษีนำเข้า พุ่งขึ้นเฉลี่ยถึงเกือบ 60% ภายในปี 1932
แต่แทนที่จะช่วย กลับกลายเป็นการจุดชนวน สงครามการค้า กับประเทศทั่วโลก..
คู่ค้าตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีเช่นกัน
การค้าโลกจึงหดตัวอย่างรุนแรงถึง 66% ในช่วงปี 1929‑1934
คู่ค้าตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีเช่นกัน
การค้าโลกจึงหดตัวอย่างรุนแรงถึง 66% ในช่วงปี 1929‑1934
หลายประเทศเริ่มปิดประเทศ หันมาพึ่งพาตัวเอง
แทนที่จะร่วมมือกัน กลับกลายเป็นการแข่งขัน และความหวาดระแวงระหว่างชาติ
แทนที่จะร่วมมือกัน กลับกลายเป็นการแข่งขัน และความหวาดระแวงระหว่างชาติ
จนสุดท้ายทาง ฮิตเลอร์ ก็ใช้ความสิ้นหวังจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ปลุกกระแสชาตินิยม
สุดท้ายในปี 1939 เมื่อเยอรมนีบุกโปแลนด์ สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ปะทุขึ้น
อีกตัวละครสำคัญในสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็คือ ญี่ปุ่น ซึ่งก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก Great Depression อย่างหนักเช่นกัน
วิกฤตินี้ทำให้การส่งออกสินค้าของญี่ปุ่นลดลงอย่างมาก เพราะตลาดทั่วโลกหดตัวตามกัน
ส่งผลให้เศรษฐกิจภายในประเทศหยุดชะงัก GDP ญี่ปุ่นหดตัวราว 8% ระหว่างปี 1929-1931
และมูลค่าส่งออกหดตัวกว่า 40% จนเกิดปัญหาการว่างงาน และความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจมากขึ้น
และมูลค่าส่งออกหดตัวกว่า 40% จนเกิดปัญหาการว่างงาน และความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจมากขึ้น
ทำให้ญี่ปุ่นเร่งขยายอาณานิคมเพื่อหาแหล่งทรัพยากรมาใช้สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ
โดยการขยายอำนาจ และการรุกรานประเทศเพื่อนบ้านของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในจีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แต่การกระทำเหล่านี้กลับไปคุกคามผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา รวมถึงสร้างความไม่มั่นคงให้กับภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา และชาติพันธมิตรจึงคว่ำบาตร ตัดการส่งออกน้ำมันให้ญี่ปุ่น
ซึ่งญี่ปุ่นมองว่าการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก เป็นภัยคุกคาม
สุดท้ายในปี 1941 ญี่ปุ่นจึงเลือกตอบโต้ด้วยการบุก “เพิร์ลฮาร์เบอร์” ท่าเรือและฐานทัพเรือสหรัฐอเมริกา ที่ตั้งอยู่บนเกาะโอวาฮู รัฐฮาวาย
กลายเป็นชนวนให้สหรัฐอเมริกา เข้าร่วมสงครามอย่างเต็มตัว
บทเรียนจากประวัติศาสตร์นี้ได้บอกเราว่า
จุดเริ่มต้นทั้งหมดของสงคราม
อาจไม่ได้มาจากความเกลียดชัง หรืออุดมการณ์ทั้งหมด
จุดเริ่มต้นทั้งหมดของสงคราม
อาจไม่ได้มาจากความเกลียดชัง หรืออุดมการณ์ทั้งหมด
แต่เริ่มต้นจากเศรษฐกิจที่พังทลาย
และปัญหาปากท้องของผู้คน
และปัญหาปากท้องของผู้คน
พอเศรษฐกิจไม่ดี นำมาสู่ปัญหาสังคมอื่น ๆ
ทั้งคุณภาพและความปลอดภัยในการดำรงชีวิต
มีการก่ออาชญากรรมมากขึ้น ประชาชนก็ยิ่งสิ้นหวัง
ทั้งคุณภาพและความปลอดภัยในการดำรงชีวิต
มีการก่ออาชญากรรมมากขึ้น ประชาชนก็ยิ่งสิ้นหวัง
บางคนใช้โอกาสนี้ ยุยงปลุกปั่นกระแสชาตินิยม
เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของผู้คนจากเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง หรือกระแสทางการเมืองที่ตกต่ำ
เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของผู้คนจากเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง หรือกระแสทางการเมืองที่ตกต่ำ
จึงเริ่มรุกรานประเทศอื่น นำไปสู่สงครามโลก ที่ทำให้บ้านเมืองและเศรษฐกิจเสียหายอย่างมหาศาล
และทำให้ผู้คนทั้งที่ร่วมสู้ หรือหลบหนีสงคราม ต่างก็ต้องล้มตาย นับหลายล้านคน..
References
-https://www.britannica.com/event/Treaty-of-Versailles-1919
-https://www.britannica.com/biography/Adolf-Hitler
-https://www.investopedia.com/ask/answers/042115/what-caused-stock-market-crash-1929-preceded-great-depression.asp
-https://www.britannica.com/topic/Smoot-Hawley-Tariff-Act
-https://www.history.com/articles/pearl-harbor
-https://www.britannica.com/event/Invasion-of-Poland
-https://www.investopedia.com/terms/s/smoot-hawley-tariff-act.asp?utm_source
-https://www.pewresearch.org/short-reads/2023/04/11/most-u-s-bank-failures-have-come-in-a-few-big-waves/?utm_source
-https://www.fdrlibrary.org/great-depression-facts?utm_source
-https://www.federalreservehistory.org/essays/stock-market-crash-of-1929?utm_source
-https://en.wikipedia.org/wiki/Protectionism?utm_source
-https://www.stlouisfed.org/the-great-depression/curriculum/economic-episodes-in-american-history-part-3?utm_source
-https://www.britannica.com/event/Treaty-of-Versailles-1919
-https://www.britannica.com/biography/Adolf-Hitler
-https://www.investopedia.com/ask/answers/042115/what-caused-stock-market-crash-1929-preceded-great-depression.asp
-https://www.britannica.com/topic/Smoot-Hawley-Tariff-Act
-https://www.history.com/articles/pearl-harbor
-https://www.britannica.com/event/Invasion-of-Poland
-https://www.investopedia.com/terms/s/smoot-hawley-tariff-act.asp?utm_source
-https://www.pewresearch.org/short-reads/2023/04/11/most-u-s-bank-failures-have-come-in-a-few-big-waves/?utm_source
-https://www.fdrlibrary.org/great-depression-facts?utm_source
-https://www.federalreservehistory.org/essays/stock-market-crash-of-1929?utm_source
-https://en.wikipedia.org/wiki/Protectionism?utm_source
-https://www.stlouisfed.org/the-great-depression/curriculum/economic-episodes-in-american-history-part-3?utm_source