
เจาะเหตุผลที่ "อธิปไตยดิจิทัล" คือหัวใจสำคัญของอนาคตธุรกิจไทย
AIS Hyperscale Cloud x ลงทุนแมน
“หากเรามีสินทรัพย์ที่มีค่าในชีวิต เราจะเก็บไว้ในตู้เซฟที่มีความปลอดภัยสูง และต้องอยู่ในบ้านเราเท่านั้น ไม่ต่างจากบริษัทที่มีข้อมูลธุรกิจสำคัญมากมาย หากจะอุ่นใจ ก็ต้องเก็บไว้ในสถานที่ที่มีความปลอดภัยสูงสุด”
คุณธีสัข ชินไพโรจน์ หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ Enterprise Digital Platform
เผยถึง Insight เจ้าของธุรกิจหรือแม้หน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ ที่ให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยข้อมูล ในงานสัมมนา THAI Hyperscale Cloud & AI for Sustainable Nation
“หากเรามีสินทรัพย์ที่มีค่าในชีวิต เราจะเก็บไว้ในตู้เซฟที่มีความปลอดภัยสูง และต้องอยู่ในบ้านเราเท่านั้น ไม่ต่างจากบริษัทที่มีข้อมูลธุรกิจสำคัญมากมาย หากจะอุ่นใจ ก็ต้องเก็บไว้ในสถานที่ที่มีความปลอดภัยสูงสุด”
คุณธีสัข ชินไพโรจน์ หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ Enterprise Digital Platform
เผยถึง Insight เจ้าของธุรกิจหรือแม้หน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ ที่ให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยข้อมูล ในงานสัมมนา THAI Hyperscale Cloud & AI for Sustainable Nation

เหตุผลที่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ เพราะหลายบริษัทในประเทศไทยเลือกใช้บริการ Cloud ที่ข้อมูลต่าง ๆ ถูกเก็บไว้ใน Data Center ที่ตั้งอยู่ต่างประเทศ หรือเป็นผู้ให้บริการที่อยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศนั้น ๆ
อาจจะรู้หรือไม่รู้ว่าข้อมูลต่าง ๆ ในบริษัทตัวเองจะอยู่ภายใต้กฎหมายในประเทศนั้น ที่จะนำมาซึ่งความเสี่ยงใน “อธิปไตยด้านข้อมูล”
สมมติเราใช้บริการ Cloud จัดเก็บหรือประมวลผลข้อมูลสำคัญในธุรกิจกับบริษัทที่จดทะเบียนภายใต้กฎหมายสหรัฐฯ ไม่ว่าจะอยู่ใน Data Center ที่ใดในโลก หากเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ หรือเหตุการณ์อื่น ๆ ที่เข้าเงื่อนไขกฎหมาย หน่วยงานภาครัฐของสหรัฐฯ มีสิทธิร้องขอข้อมูลผ่าน US CLOUD Act เพื่อเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ของบริษัทเราได้ทันที โดยไม่ต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าของบริษัท
สถานะข้อมูลลับ อาจกลายเป็น “ข้อมูลรั่วไหล” ในทันที โดยที่เจ้าของธุรกิจไม่สามารถฟ้องร้องหรือเข้าถึงสิทธิในการใช้กฎหมายไทยเข้ามาคุ้มครอง
พอได้ยินแบบนี้ เจ้าของธุรกิจย่อมต้องการ “ปิดตาย” ประตูความเสี่ยงในทันที
Insight ตรงนี้เองที่ทำให้เป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้ AIS ร่วมมือกับ Oracle บริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรม Cloud ระดับโลก เปิดตัวบริการ “AIS Cloud – Thai Hyperscale Cloud ที่มีมาตรฐานระดับสากล โดยเป็น Hyperscale Cloud เพียงรายเดียวที่มี Data Center อยู่ในประเทศไทย
การเคลื่อนไหว Big Move ของ AIS ในธุรกิจนี้ จะสร้าง “จุดเปลี่ยน” ในวงการอุตสาหกรรมการให้บริการ Cloud เมืองไทยได้ดีแค่ไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
Hyperscale Cloud แตกต่างจาก Cloud ทั่วไปก็ตรงตามชื่อคือ เป็นระบบ Cloud ที่ถูกออกแบบเพื่อรองรับการประมวลผลขนาดใหญ่ พร้อมรองรับนวัตกรรมใหม่ เช่น AI และ Data Platform อีกทั้งยัง ขยายตัวได้ไม่จำกัด ทั้งความจุ ประสิทธิภาพ และจำนวนผู้ใช้งาน
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
Hyperscale Cloud แตกต่างจาก Cloud ทั่วไปก็ตรงตามชื่อคือ เป็นระบบ Cloud ที่ถูกออกแบบเพื่อรองรับการประมวลผลขนาดใหญ่ พร้อมรองรับนวัตกรรมใหม่ เช่น AI และ Data Platform อีกทั้งยัง ขยายตัวได้ไม่จำกัด ทั้งความจุ ประสิทธิภาพ และจำนวนผู้ใช้งาน
ทำให้ระบบการทำงานจะมีความยืดหยุ่นสูงรองรับทั้งธุรกิจเล็ก ๆ จนถึงธุรกิจที่มีฐานข้อมูลขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เช่น ฐานข้อมูลในธุรกิจ E-Commerce, Super App, กลุ่มธุรกิจการเงิน เป็นต้น

ส่วนระบบ Cloud ทั่วไป จะมีขนาดเล็กกว่ามากและไม่สามารถสเกลอัปข้อมูลได้เหมือน Hyperscale Cloud ทำให้ขาดความยืดหยุ่นในการใช้งานและจัดการต้นทุน
พอได้ยินแบบนี้ หลายคนอาจคิดว่าธุรกิจ SME อาจไม่เหมาะสมกับการใช้ Hyperscale Cloud แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อ Hyperscale Cloud ของทาง AIS จะคิดค่าบริการตามการใช้งานจริง
“บริการ Cloud ส่วนใหญ่จะคิดค่าบริการแบบรายเดือนต่อข้อจำกัดการใช้ เช่น ราคา XX จะได้หน่วยประมวลผลและเก็บข้อมูลขนาดต่อเดือน
พอได้ยินแบบนี้ หลายคนอาจคิดว่าธุรกิจ SME อาจไม่เหมาะสมกับการใช้ Hyperscale Cloud แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อ Hyperscale Cloud ของทาง AIS จะคิดค่าบริการตามการใช้งานจริง
“บริการ Cloud ส่วนใหญ่จะคิดค่าบริการแบบรายเดือนต่อข้อจำกัดการใช้ เช่น ราคา XX จะได้หน่วยประมวลผลและเก็บข้อมูลขนาดต่อเดือน
ขณะที่ Hyperscale Cloud ของ AIS แตกต่าง เราคิดค่าบริการใช้เท่าไรจ่ายเท่านั้นเหมือนค่าน้ำค่าไฟ ความยืดหยุ่นตรงนี้ ทำให้เราตอบโจทย์ลูกค้าได้กว้างตั้งแต่ SME ถึงองค์กรขนาดใหญ่”
เป็นคำพูดของคุณภูผา เอกะวิภาต หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร พร้อมกับเสริมต่อว่า
เป็นคำพูดของคุณภูผา เอกะวิภาต หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร พร้อมกับเสริมต่อว่า

AIS Cloud ยังคิดค่าบริการเป็นสกุลเงินบาท ตัดปัญหาด้านความผันผวนของค่าเงินที่อาจส่งผลต่อค่าบริการ
เหตุผลที่ทำอย่างนี้ได้ เพราะ AIS เป็นผู้ให้บริการ Hyperscale Cloud มาตรฐานระดับโลกรายเดียวในประเทศไทยที่เป็นของคนไทย 100% และมี Data Center อยู่ในประเทศไทย
เหตุผลที่ทำอย่างนี้ได้ เพราะ AIS เป็นผู้ให้บริการ Hyperscale Cloud มาตรฐานระดับโลกรายเดียวในประเทศไทยที่เป็นของคนไทย 100% และมี Data Center อยู่ในประเทศไทย
สอดคล้องกับสิ่งที่เกริ่นไว้ข้างต้นในประเด็นอำนาจอธิปไตยด้านข้อมูล (Data Sovereignty) หากเราใช้บริการ Cloud ที่มี Data Center อยู่ต่างประเทศหรือผู้ให้บริการที่อยู่ภายใต้กำกับของอำนาจศาลประเทศใดก็จะอยู่ภายใต้กฎหมายในประเทศนั้น ที่ภาครัฐสามารถมีสิทธิร้องขอเพื่อเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ในบริษัทได้โดยไม่ต้องขออนุญาตเจ้าของข้อมูล

ต่างจาก AIS Cloud ซึ่งเป็น Hyperscale Cloud ของไทยที่มีฐานข้อมูล Data Center ในประเทศไทย และอยู่ภายใต้ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ที่จะให้สิทธิเจ้าของข้อมูลควบคุมข้อมูลต่าง ๆ ของตนเองตามกฎหมาย
หากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เจ้าของข้อมูลมีสิทธิกำหนดเองได้ว่า จะอนุญาตให้คนอื่นหรือหน่วยงานที่ร้องขอเข้าถึงข้อมูลบริษัทได้หรือไม่
อีกทั้งหากมีปัญหาด้านข้อบังคับกฎหมายต่าง ๆ จะอยู่ภายใต้ศาลและกฎหมายไทย
เรื่องนี้ถือว่าสำคัญโดยเฉพาะธุรกิจที่ข้อมูลลูกค้าคือ สิ่งที่ต้องการความปลอดภัยขั้นสูง เช่น ธนาคารที่มีข้อมูลการเงินลูกค้าแต่ละคน,โรงพยาบาลที่มีข้อมูลคนไข้, หรือแม้แต่ธุรกิจมหภาคที่มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของผู้คน
ข้อดีอีกอย่างที่ต้องพูดคือ หากบริษัทตั้งอยู่ในประเทศไทยและใช้บริการ Cloud ที่มี Data Center อยู่ในประเทศไทย จะทำให้การใช้งานไหลลื่นมากกว่า Cloud ที่มี Data Center ในต่างประเทศ มากสูงสุดถึง 10 เท่าเลยทีเดียว
ขณะเดียวกัน เมื่อ AIS Cloud อยู่ในสถานะ Sovereign Clound ที่ข้อมูลผู้ใช้บริการ Cloud จะถูกจัดเก็บในประเทศและได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายไทย ทำให้ภาครัฐ บริษัทเอกชน หรือ SME ที่มาใช้บริการเชื่อมั่นได้ว่าข้อมูลธุรกิจของตัวเองนั้นได้อยู่ในระบบ High Security สูงสุดในประเทศไทย
กลายเป็นอีกหนึ่งจุดแข็ง ที่ทำให้บริการ AIS Cloud เป็นผู้ให้บริการรายแรกในเมืองไทย ที่ได้รับรองมาตราฐาน dSURE Cloud ระดับ 3 ดาว จากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) รวมถึงการเป็นบริการที่มีมาตรฐานด้าน Green Technology และการมีบริการที่มีมาตรฐานสากลที่มาจากการร่วมมือกับทาง Oracle บริษัทยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรม Cloud ระดับโลก
ตรงนี้เองที่ทำให้ AIS Cloud ถือเป็น Hyperscale Cloud ที่มีมากกว่า 150 ฟังก์ชันการใช้งานครอบคลุมไปยังทุก ๆ อุตสาหกรรมขั้นพื้นฐานจนถึงอุตสาหกรรมดิจิทัล

- บริการในกลุ่มผู้พัฒนา Application ที่สนับสนุนในการพัฒนาและการรวบรวมจัดเก็บข้อมูล
AI Analytics Data เป็นต้น
AI Analytics Data เป็นต้น
- กลุ่มบริการ Data Management ที่เกี่ยวข้องเกือบทุก ๆ อุตสาหกรรมในโลกใบนี้ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โดยมีการจัดการบริหารข้อมูล เป็นหัวใจสำคัญ
- บริการในกลุ่ม Infrastructure as a Service หรือโมเดลธุรกิจที่นำเสนอโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที
ถึงแม้การเข้ามาสู่ธุรกิจให้บริการ Cloud ในเมืองไทยของ AIS จะเป็นการสร้างรายได้จากธุรกิจใหม่ ๆ
ที่ไม่ได้จำกัดแค่รายได้จากอุตสาหกรรมโทรคมนาคม อย่างเดียวเหมือนในอดีต
ที่ไม่ได้จำกัดแค่รายได้จากอุตสาหกรรมโทรคมนาคม อย่างเดียวเหมือนในอดีต

แต่อีกหนึ่งเป้าหมายที่อาจจะสำคัญกว่ารายได้ในธุรกิจนี้ นั่นคือการที่คุณสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ประกาศอย่างมุ่งมั่นว่า AIS จะเป็นส่วนหนึ่งในการวางโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ให้แก่ประเทศไทย ให้ธุรกิจไทยและคนไทย มีความมั่นคงทางดิจิทัล และพร้อมทำงานร่วมกับทุกองค์กรเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยไปพร้อมกับพันธมิตรในหลากหลายอุตสาหกรรม
และนี่จะเป็นวิธี “สร้างรากฐานระบบเศรษฐกิจดิจิทัลไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน”
สำหรับผู้ที่สนใจ AIS Cloud สามารถติดต่อทีมงาน AIS Business ได้ที่ email: business@ais.co.th หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://m.ais.co.th/LJHr8vAsx
Reference :
- งานสัมมนา THAI Hyperscale Cloud & AI for Sustainable Nation
Reference :
- งานสัมมนา THAI Hyperscale Cloud & AI for Sustainable Nation