เศรษฐกิจยุค AI ทำไมของจะถูก แต่บางคนอาจจนลง ?

เศรษฐกิจยุค AI ทำไมของจะถูก แต่บางคนอาจจนลง ?

เศรษฐกิจยุค AI ทำไมของจะถูก แต่บางคนอาจจนลง ? /โดย ลงทุนแมน
ดร. ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ หรือ หรือ ดร. คิด เชื่อว่าในอนาคตทุกคนที่ใช้ AI จะมี productivity เพิ่มขึ้น หลังจากที่เขาไปสหรัฐอเมริกาแล้วได้มีโอกาสซื้อแว่น Meta Glasses ก็เข้าใจได้ว่า AI จะมาอยู่รอบตัวของทุกคน จึงตัดสินใจซื้อหุ้น Meta ด้วยจากเหตุการณ์นี้
อย่างไรก็ตามเขาเห็นถึงความท้าทายของการเข้ามาของ AI ที่จะมาแย่งงานมนุษย์ เขาเผยว่า ปัจจุบันต้นทุนของ AI อยู่ที่ประมาณ 3-15 บาทต่อชั่วโมง เทียบกับค่าแรงขั้นต่ำของคนไทยที่ 50 บาทต่อชั่วโมง
และเชื่อว่า AI จะมาทดแทน แรงงานในระบบด้วยค่าแรงที่ถูกกว่า โดยคนจะไปทำงานที่มีคุณค่ามากขึ้น
เพราะ AI มีความฉลาดเทียบเท่าหรือเหนือกว่ามนุษย์ ทำงานได้โดยไม่เหนื่อย ไม่ต้องพัก และถูกใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งทำให้ธุรกิจมีแรงจูงใจที่จะใช้ AI เพื่อเพิ่มผลกำไร โดยเฉพาะเมื่อทักษะเท่ากัน แต่ต้นทุนต่างกัน 10 เท่า
สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า แรงงานจะรักษางานและมูลค่าของตัวเองไว้ได้อย่างไร ?
ในอดีต เศรษฐกิจพึ่งพาทุนมนุษย์ (แรงงาน) และทุนที่เป็นเครื่องจักรโรงงาน
ในยุค AI และ AGI มี "ทุนปัญญา" (Intelligence Capital) เกิดขึ้น ซึ่งเป็นทุนที่ถูกผลิตขึ้นมา โดยบริษัทใหญ่ ๆ (ส่วนมากในสหรัฐอเมริกาและจีน)
ทุนปัญญานี้เป็นปัจจัยการผลิตที่ 3 ที่เข้ามาเสริมทุนมนุษย์และเครื่องจักร
ความพิเศษของทุนปัญญาคือ การผลิตปัญญาในโรงงานของผู้ผลิตปัญญา เช่น Large Language Models อย่าง ChatGPT หรือ Claude
“หาได้ง่ายกว่าและถูกกว่า”
เมื่อก่อนการหาคนเก่งหรือ "ทุนปัญญา" เป็นเรื่องยาก แต่ตอนนี้ AI สามารถผลิตปัญญาได้เป็นร้อยเป็นพันในต้นทุนที่ถูกลง และต้นทุนลดลงเรื่อย ๆ โดย Sam Altman, CEO ของ OpenAI ได้กล่าวว่า ต้นทุนการผลิตปัญญาจะลดลง 10 เท่าไปเรื่อย ๆ
แถมยังฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งความฉลาดที่เพิ่มขึ้น ทำให้ AI ทำงานได้หลากหลายประเภทมากขึ้นมาก เช่น จากที่เคยเล่นหมากรุกได้อย่างเดียว ก็สามารถวาดรูป แต่งกลอน หรือทำงานอัตโนมัติที่มนุษย์คิดว่าทำไม่ได้
ในมุมของผลกระทบของ AI ต่อตลาดแรงงานและสังคมนั้น
ดร. คิด มองว่า สิ่งที่ควรถูกทำลายในระบบทุนนิยมคือ "งานเก่า" แต่ไม่ใช่ "แรงงาน"
แรงงานควรถูกรักษาไว้ แต่ลักษณะงานแบบเดิม อาจต้องหายไป
ในอดีต งานส่วนใหญ่ถูกทำลายไป และถูกทดแทนด้วยงานใหม่ ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า
แต่ต้องรอดูกันว่างานใหม่หลังจากนี้ จะให้ผลตอบแทนดีกว่าจริงหรือไม่
สิ่งที่ต้องตระหนักคือ ผู้คนมักคาดเดาผลกระทบเรื่องความเร็วและความฉลาดของ AI ผิดไปมาก
AI ในปัจจุบันก็ฉลาดพอที่จะทำงานหลายประเภทในออฟฟิศ ที่ไม่ได้ซับซ้อนมาก
และมีการพัฒนา AIOS (Operating System สำหรับ AI) ที่สามารถทำภารกิจซับซ้อนให้สำเร็จพร้อมกัน ได้โดยอัตโนมัติ
เงินเดือนพนักงาน มีแนวโน้มที่จะถูกบีบให้ลดลง หากทักษะเท่า AI แต่ AI มีต้นทุนถูกกว่ามาก
ธุรกิจจำเป็นต้อง Maximize profit และตอบแทนผู้ถือหุ้น
ตอนนี้บริษัทเริ่มวางแผนปรับตัว ไม่รอให้ถึงวันที่ต้องเลิกจ้างคนจำนวนมาก บทบาทของคนจะเปลี่ยนไปเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์กับลูกค้า (relationship) การเป็นผู้นำ (leadership) หรือการสร้างธุรกิจใหม่ ๆ
งานเอกสาร งาน Excel งานวิเคราะห์ข้อมูล อาจไม่ใช่งานที่เหมาะกับมนุษย์ ธนาคารก็เป็นตัวอย่างที่งานเอกสารและวิเคราะห์จำนวนมาก อาจถูกแทนที่โดย AI และพนักงานอาจต้องไปเน้นงานที่ปรึกษาหรือหาผลิตภัณฑ์ใหม่
มนุษย์ควรใช้ AI เพื่อเสริมจุดแข็งของตนเอง
AI ไม่สามารถทำงานได้ทุกอย่าง เช่น งานทีมเวิร์ค ความสัมพันธ์กับลูกค้า หรือความสัมพันธ์ภายในทีม มนุษย์ควรเรียนรู้ว่า AI เก่งอะไร และตนเองต้องทำหน้าที่อะไร เพื่อเพิ่มคุณค่า
ขณะที่ผลกระทบทางเศรษฐกิจมหภาค
- การบริโภค (Consumption) หากคนส่วนใหญ่มีรายได้ลดลง อาจทำให้เศรษฐกิจไม่เติบโต แม้คอมพิวเตอร์และหุ่นยนต์ จะเก่งขึ้นและผลิตได้ดี
- การลงทุน (Investment) ทรัพย์สินอาจจะไปกองอยู่กับคนกลุ่มเล็ก ๆ ที่มั่งคั่งมหาศาล ทำให้ราคา Asset Price พุ่งสูงขึ้น
ซึ่งปัญหาความเหลื่อมล้ำ หากไม่ดูแล สังคมจะอยู่ยาก อาจนำไปสู่ปัญหาอาชญากรรมและความไม่มั่นคงทางการเมือง
ส่วนนโยบาย UBI (Universal Basic Income) เป็นนโยบายที่อาจจำเป็นเพื่อช่วยให้คนมีข้าวกิน
แต่ ดร. คิดมองว่า UBI อย่างเดียวไม่ยั่งยืนและไม่เพียงพอ เพราะการขึ้นภาษีเพื่อเก็บจากธุรกิจอาจไม่เวิร์คเสมอไป และคนเราควรมี self-worth จากการทำงาน
- การส่งออก (Export) AI อาจเปลี่ยนโครงสร้างต้นทุนการผลิตสินค้าบางอย่าง เช่น อาหาร ยา ทำให้ประเทศที่เคยต้องนำเข้าสามารถผลิตเองได้
ซึ่งแนวโน้ม de-globalization และ re-shoring อาจเป็นภัยคุกคามต่อประเทศที่พึ่งพาการส่งออก อย่างประเทศไทย
ประเทศไทยต้องกลับมาคิดหาจุดขายที่แตกต่าง และใช้ AI เพื่อผลิตสินค้าและบริการที่เหนือกว่า ถูกกว่า หรือแตกต่างจากคู่แข่ง
บทบาทของภาครัฐในตลาดแรงงาน
ควรอำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนผ่านของงาน โดยช่วยจับคู่คนตกงานกับงานใหม่ให้ดีขึ้น
ปัจจุบันประเทศไทย ขาดแคลนแรงงานในบางตำแหน่ง แต่คนก็ว่างงานอยู่ เป็นปัญหาการจับคู่ที่ไม่ลงตัว ภาครัฐควรรายงานข้อมูลการตกงาน และค่าจ้างอย่างละเอียดทุกเดือน
และอาจมีนโยบาย Unemployment Insurance (ประกันการว่างงาน) ที่จะช่วยสนับสนุนผู้ที่ตกงาน โดยเฉพาะเด็กจบใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ อาจเป็นการร่วมมือระหว่างเอกชน (บริษัทประกัน) และภาครัฐ โดยมีเงื่อนไขว่า ผู้รับเงินต้องแสดงว่ากำลังหางาน หรือเข้าร่วมโปรแกรมฝึกงาน/หางาน เพื่อไม่ให้คนอยู่เฉย ๆ
รวมถึงภาครัฐไม่ควรพยุงงานเก่า หรือบริษัทซอมบี้ ที่ไม่มีประสิทธิภาพ ควรปล่อยให้งานเก่าถูกทำลาย เพื่อให้เกิดงานใหม่
แล้วเราในฐานะมนุษย์ ควรปรับตัวอย่างไรในวันนี้ ?
สิ่งสำคัญที่สุดคือ "อย่าหยุดเรียนรู้" และ "ทดลอง" ว่าโลกของ AI เป็นอย่างไร
เริ่มจากการทดลองใช้ AI บนคอมพิวเตอร์ เพื่อทำความเข้าใจว่า AI ทำอะไรได้บ้าง และทำอะไรไม่ได้บ้าง
AI จะเข้ามาอยู่ในทุกที่ เช่น แว่นตา, แหวน, ในรถ
การปรับตัวเข้าหา AI จะช่วยให้มนุษย์รู้ว่าตนเองต้องเก่งขึ้นในด้านไหน เพื่อเพิ่มคุณค่า..
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon