Kraft Heinz การลงทุนที่ผิดพลาด ของบัฟเฟตต์

Kraft Heinz การลงทุนที่ผิดพลาด ของบัฟเฟตต์

Kraft Heinz การลงทุนที่ผิดพลาด ของบัฟเฟตต์ /โดย ลงทุนแมน
วอร์เรน บัฟเฟตต์ เคยบอกว่า การลงทุนใน Kraft Heinz บริษัทเจ้าของแบรนด์ซอส แบรนด์ชีส ที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก
เป็นหนึ่งในการลงทุนที่ผิดพลาดของเขา
ซึ่งนำไปสู่การที่บริษัท Berkshire Hathaway ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ตั้งด้อยค่าเงินลงทุน 97,000 ล้านบาท จากการถือหุ้น Kraft Heinz ในปี 2019

และล่าสุดไตรมาส 2 ปี 2025 บริษัท Berkshire Hathaway ได้ตั้งด้อยค่าเงินลงทุนอีกราว 122,000 ล้านบาท
เรื่องราวของ Kraft Heinz กลายเป็นการลงทุนที่ผิดพลาดของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ย้อนกลับไปในปี 2013 วอร์เรน บัฟเฟตต์ ตัดสินใจลงทุนครั้งใหญ่ร่วมกับ 3G Capital กองทุนจากบราซิล ร่วมกันเข้าซื้อกิจการ H.J. Heinz เจ้าของแบรนด์ซอส Heinz
ก่อนที่ปี 2015 จะนำมาควบรวมกิจการเข้ากับ Kraft Foods Group เจ้าของแบรนด์อย่าง Kraft Mac & Cheese, ชีสแผ่น Kraft, ชุดอาหาร Lunchables
ซึ่งรวมกันเป็นบริษัทใหม่ชื่อ Kraft Heinz ด้วยมูลค่าบริษัทราว 3 ล้านล้านบาท ทำให้กลายเป็นบริษัทอาหารที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก ในเวลานั้น
ส่วนเหตุผลที่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ และ 3G Capital ตัดสินใจควบรวม Kraft กับ Heinz ก็เพื่อหวังลดต้นทุน ขยายตลาด และรีดกำไรให้มากขึ้น
ซึ่งทาง 3G Capital เอง ถือเป็นกองทุนที่เชี่ยวชาญในดีลการควบรวมและซื้อกิจการ และใช้กลยุทธ์การลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัท
โดยหนึ่งในความสำเร็จคือการซื้อ Burger King ในปี 2010 แล้วพลิกฟื้นธุรกิจจนกำไรเติบโต ก่อนจะควบรวมกับ Tim Hortons กลายเป็น Restaurant Brands International หนึ่งในกลุ่มร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก
จากชื่อชั้นทั้ง 3G Capital และวอร์เรน บัฟเฟตต์
อาจคิดได้ว่า ดีล Kraft Heinz มีโอกาสเป็นดีลที่น่าจะประสบความสำเร็จสูงมาก
แต่เรื่องกลับไม่เป็นอย่างที่คิด..
แม้ 3G Capital จะใช้สูตรสำเร็จที่เคยเวิร์กกับหลายบริษัท โดยการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ เช่น ปลดพนักงานจำนวนมาก รวมไปถึงการลดค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและการวิจัยพัฒนาลงอย่างมาก
ซึ่งกลยุทธ์นี้ ปกติช่วยให้กำไรดีระยะสั้น
เนื่องจากค่าใช้จ่ายลดลงเร็ว
แต่ในกรณีของ Kraft Heinz กลยุทธ์นี้กลับส่งผลในระยะยาว เนื่องจากบริษัทขาดการลงทุนในนวัตกรรมและแบรนด์ ทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง
ส่งผลให้ เกิดช่องว่างที่เปิดโอกาสให้ คู่แข่งเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดได้มากขึ้น โดยเฉพาะแบรนด์สินค้าของร้านค้า (Private Brands) เช่น Kirkland ของห้าง Costco
นอกจากนี้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เคยกล่าวถึง Kraft Heinz
ในการประชุมผู้ถือหุ้นปี 2019 ไว้ว่า ปัญหาอยู่ที่ Kraft ไม่ใช่ Heinz
โดยการเข้าซื้อกิจการ H.J. Heinz ในปี 2013
นั้นเป็นการลงทุนที่ประสบความสำเร็จและมีราคาที่เหมาะสม
แต่การที่จ่ายเงินซื้อกิจการ Kraft Foods Group ที่แพงเกินไป เมื่อ 2 ปีให้หลังจากนั้นต่างหาก ที่นำไปสู่การลงทุนที่ผิดพลาด
ทีนี้ลองมาดูผลประกอบการของ Kraft Heinz กันบ้าง
ปี 2022
- รายได้ 860,257 ล้านบาท
- กำไร 76,717 ล้านบาท
ปี 2023
- รายได้ 866,414 ล้านบาท
- กำไร 92,817 ล้านบาท
ปี 2024
- รายได้ 839,518 ล้านบาท
- กำไร 89,163 ล้านบาท
ครึ่งแรกของปี 2025
- รายได้ 398,471 ล้านบาท
- ขาดทุน 229,486 ล้านบาท
โดยหมวดสินค้าที่ทำเงินให้ Kraft Heinz มากที่สุดคือ
กลุ่มซอสและเครื่องปรุงต่าง ๆ เช่น ซอสมะเขือเทศ Heinz และชีสสเปรด Philadelphia
กลุ่มนี้เรียกว่า Taste Elevation คิดเป็นรายได้กว่า 44% ของทั้งหมด
โดยรายได้มาจาก 2 กลุ่มภูมิภาคหลัก
- อเมริกาเหนือ 75% ของรายได้
- ตลาดอื่น ๆ 25% ของรายได้
จุดสังเกตคือ รายได้ปี 2024 นั้นถือว่าต่ำสุดในรอบ 10 ปี นับจากการควบรวมกิจการของบริษัทปี 2015 โดยไม่นับรวมปี 2020 ที่ล็อกดาวน์
นอกจากนี้ ครึ่งปีแรกของปี 2025 รายได้บริษัทมีแนวโน้มลดลง
รวมถึงการที่ขาดทุนกว่า 2 แสนล้านบาทนั้น
สาเหตุมาจาก บริษัทบันทึกผลขาดทุนทางบัญชีกว่า 3 แสนล้านบาท โดยเฉพาะจาก ความเสื่อมถอยของมูลค่าแบรนด์ ที่ไม่ได้ตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างในอดีตที่ผ่านมา
รวมถึงทาง Kraft Heinz ยังได้ประกาศว่า กำลังพิจารณาทางเลือกการปรับตัวเชิงกลยุทธ์ครั้งใหญ่ ซึ่งอาจรวมถึงการแยกกิจการ หรือขายแบรนด์บางส่วน
ปัจจุบันมูลค่าบริษัท Kraft Heinz อยู่ที่ 1.1 ล้านล้านบาท
ซึ่งช่วงปี 2017 ราคาหุ้นเคยไปอยู่จุดสูงสุดที่ 99.8 ดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบัน (4 สิงหาคม 2025) ราคาหุ้นอยู่ที่ 27.4 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลงกว่า 72.5% จากจุดสูงสุด
ซึ่งการที่บริษัท Berkshire Hathaway ตั้งด้อยค่าเงินลงทุน 97,000 ล้านบาท จากการถือหุ้นใน Kraft Heinz ในปี 2019

และล่าสุดไตรมาส 2 ปี 2025 บริษัท Berkshire Hathaway ตั้งด้อยค่าเงินลงทุนอีกราว 122,000 ล้านบาท
สะท้อนว่า เป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่ผิดพลาดของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ และไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่หวังไว้นั่นเอง..
ถึงตรงนี้จะเห็นว่า แม้แต่การลงทุนของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ กับ 3G Capital ที่เป็นสุดยอดการจับมือของพันธมิตรทางธุรกิจ บวกกับธุรกิจแบรนด์ที่โด่งดังทั่วโลก ก็ไม่อาจรับประกันความสำเร็จได้เสมอไป..
ซึ่งสุดท้าย การลงทุนอาจไม่ได้วัดว่า ถูกต้องหรือผิดพลาดกี่ครั้ง แต่วัดตรงที่ว่า หากผิดพลาดแล้วจะเสียหายแค่ไหนมากกว่า
แม้ Kraft Heinz จะเป็นการลงทุนที่ผิดพลาดของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ แต่ชื่อบริษัท Berkshire Hathaway ก็ยังคงยืนหยัดและเติบโตอย่างต่อเนื่องมาถึงวันนี้
ด้วยการบริหารความเสี่ยง สามารถดูดซับความเสียหายนั้นได้ โดยไม่ส่งผลกระทบถึงบริษัทขั้นหายนะ..
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon