จิม โรเจอร์ส นักล่าสมบัติแห่งโลกการเงิน อดีตคู่หู จอร์จ โซรอส

จิม โรเจอร์ส นักล่าสมบัติแห่งโลกการเงิน อดีตคู่หู จอร์จ โซรอส

จิม โรเจอร์ส นักล่าสมบัติแห่งโลกการเงิน อดีตคู่หู จอร์จ โซรอส /โดย ลงทุนแมน
- นักลงทุนที่ไม่เชื่อเรื่องการเทรดตามกราฟเทคนิค
- มองว่าสกุลเงินดิจิทัลจะหายไปเหมือนกระแสอื่น ๆ
- มองว่าโอกาสยุคทองทางเศรษฐกิจ จะอยู่ที่เอเชีย
ชายผู้ได้รับฉายาว่า Indiana Jones ในโลกการเงิน
ตัวเขาเปรียบภาพเศรษฐกิจเหมือนกลไกตัวต่อปริศนา 3 มิติ
เขาคือ ผู้ร่วมก่อตั้งกองทุน Quantum Fund กับคุณจอร์จ โซรอส ที่ทำผลตอบแทนทะลุ 4,200% ใน 7 ปี
เขาไม่ได้แค่ลงทุนผ่านห้องสี่เหลี่ยม
แต่ออกเดินทางรอบโลกเพื่อหาโอกาสในการลงทุน
จนกลายมาเป็นผลงานเขียนหนังสือชื่อดังอย่าง Investment Biker (เซียนหุ้นยอดนักบิด)
และปัจจุบันเขามีความมั่งคั่งประมาณ 9,800 ล้านบาท
คุณจิม โรเจอร์ส มีแนวคิดการลงทุนน่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
คุณโรเจอร์ส เกิดในปี 1942 ที่สหรัฐอเมริกา
จบการศึกษาจาก Yale University และ Oxford University หลังจากนั้นเข้ารับใช้กองทัพ 2 ปี
โดยเขาเริ่มต้นการเทรดในตลาดหุ้นด้วยเงินราว 20,000 บาท ในปี 1968 หรือ 170,000 บาท หลังปรับเงินเฟ้อ
ปี 1973 ตัวเขาได้ร่วมกับคุณจอร์จ โซรอส ก่อตั้งกองทุนในตำนาน Quantum Fund ขึ้นมา โดยมีจุดน่าสนใจตรงที่ว่า กองทุนนี้มักจะใช้เงินกู้มาร์จินให้เต็มจำนวนเสมอ เพื่อขยายผลตอบแทนจากการลงทุน Leverage
พอมาปี 1980 หลังจากสะสมความมั่งคั่งได้ในระดับหนึ่ง คุณโรเจอร์ส ก็เกษียณออกมาลงทุนด้วยตนเอง และออกเดินทางรอบโลก
ซึ่งการเดินทางทั่วโลกนี่เอง ยังมีส่วนทำให้เขามีไอเดียการลงทุนเพิ่มขึ้นได้ด้วย
ระหว่างการเดินทางในตอนนั้น เขาได้เห็นโอกาสลงทุนในตลาดที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ
โดยเฉพาะสินค้าโภคภัณฑ์ ที่เขาคิดว่า ในอนาคตจะเป็นที่ต้องการอย่างมาก เนื่องจากการเจริญเติบโตของประชากรทั่วโลก
ซึ่งเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนและชื่อเสียงเป็นอย่างมากให้กับเขา และตัวเขาได้รับการยกย่องในฐานะกูรูด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์อีกด้วย
หนึ่งในกฎการลงทุนที่ดีที่สุดของเขา ที่ใครก็ตามสามารถเรียนรู้ได้คือ “การไม่ทำอะไรเลย” ยกเว้นแต่ว่าจะมีอะไรบางอย่างให้ทำเท่านั้น
ปกติคุณโรเจอร์ส ไม่ได้เทรดบ่อย ๆ แต่จะทำการตัดสินใจเทรดเพียงไม่กี่ครั้งต่อปี
และนอกจากลงทุนซื้อ (Long) ในทรัพย์สินต่าง ๆ แล้ว สไตล์การลงทุนของคุณโรเจอร์ส ก็มักจะ
1. ชอร์ตหุ้น
คือการยืมหุ้นหรือสินทรัพย์มาขายก่อน แล้วค่อยซื้อคืนทีหลัง โดยหวังว่าราคาจะลง เพื่อเอากำไรจากส่วนต่างราคา
2. ขายคอลออปชัน (รับค่าพรีเมียมเข้ากระเป๋า)
ออปชัน (Options) คือสัญญาที่ให้สิทธิในการ “ซื้อ” หรือ “ขาย” สินทรัพย์ในราคาที่ตกลงกันล่วงหน้า
ภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งถ้าคาดการณ์ผิด ก็จะเสียแค่ค่าซื้อสิทธิที่เรียกว่า พรีเมียม (Premium)
โดยเขาจะไม่ซื้อออปชัน เพราะเขามองว่า เคยมีบางคนทำการศึกษาและค้นพบว่า 90% ของออปชันทั้งหมดจะหมดอายุไปพร้อมกับการขาดทุน
เขาจึงเลือกเดิมพันข้าง ผู้ขายคอลออปชัน มากกว่า
อย่างไรก็ตาม แม้คุณโรเจอร์ส จะเทรดไม่บ่อย
แต่ก็เคยมีบทเรียนความผิดพลาดบ้างเช่นเดียวกัน
ในช่วงแรก ๆ ของการเทรดปี 1970 เขาเคยชอร์ตหุ้น Memorex ที่ราคา 48 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ราคาหุ้นกลับพุ่งขึ้น จนเขาปิดสถานะชอร์ตที่ราคา 72 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมันทำเขาเสียหายแทบหมดตัว
แต่ในท้ายที่สุด จากนั้นหุ้นก็ดิ่งลงมาเหลือ 2 ดอลลาร์สหรัฐ
สรุปคือ เขาคิดถูก แต่ผิดจังหวะ..
ความผิดพลาดครั้งนี้ ทำให้ได้บทเรียนว่า ตลาดไม่ได้สนใจหรอกว่าใครเป็นฝ่ายถูก เพราะต่อให้เป็นฝ่ายถูก
ก็สามารถเสียหายแทบหมดตัวได้เช่นกัน
มากกว่านั้น เขายังไม่เชื่อในเรื่องเทคนิค
หรือการเทรดตามกราฟ โดยเขาใช้ชาร์ตราคาแค่เพื่อดูว่า เกิดอะไรขึ้นในปัจจุบันเท่านั้น
ซึ่งคุณโรเจอร์ส มองว่า การลงทุนนั้นเป็นเรื่องของสามัญสำนึก คน 90% มักจะมองไปที่เรื่องเดียวกัน
แต่นักลงทุนที่โดดเด่นจะมองเห็นอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไป
ปัจจุบันคุณโรเจอร์ส ได้ออกให้สัมภาษณ์ ให้ความรู้ มุมมองเศรษฐกิจในรายการต่าง ๆ ซึ่งมีหลายประเด็นที่น่าสนใจ
หนึ่งในนั้นคือ คุณโรเจอร์ส นั้นไม่ลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล
เลย เพราะเขาไม่เห็นประโยชน์ในการใช้งาน และเชื่อว่า วันหนึ่งมันจะหายไป เหมือนกระแสนิยมอื่น ๆ
บวกกับเขาเชื่อว่า สุดท้ายคนก็จะใช้คริปโทเคอร์เรนซีของรัฐบาล
ไม่ใช่คริปโทเคอร์เรนซีเอกชน เพราะรัฐบาลจะไม่ยอมเสียอำนาจในการควบคุม
นอกจากนี้เขายังเชื่อว่า โอกาสทองในอนาคตจะอยู่ที่เอเชีย โดยมีจีนเป็นมหาอำนาจของฝั่งโลกตะวันออก
คุณโรเจอร์ส จริงจังถึงขนาดที่ว่า เขาและครอบครัวได้ย้ายไปอยู่ที่สิงคโปร์ และให้ลูกหัดพูดภาษาจีน อีกด้วย
มาถึงตรงนี้ ถ้าให้สรุปกลยุทธ์การลงทุนของคุณโรเจอร์ส จะมี 5 ข้อหลัก ๆ
1. ซื้อที่มูลค่า ไม่ใช่ราคา
ซื้อสิ่งที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ไม่ใช่แค่มองราคาขึ้นลงเพียงอย่างเดียว
2. รอให้มีตัวเร่งปฏิกิริยาเกิดขึ้น ก่อนเข้าลงทุน

คุณโรเจอร์ส แนะนำว่า ก่อนจะลงทุน อย่าเพิ่งรีบซื้อเพราะเห็นราคาถูกหรือแพง แต่ควรพิจารณาถึงตัวเร่งปฏิกิริยา หรือเหตุการณ์บางอย่าง ที่จะทำให้ตลาดยอมรับมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์นั้น
3. กล้าลงทุนสวนกระแส
เนื่องจากว่า กระแสมักเป็นสิ่งชั่วคราว ไม่สามารถดำรงอยู่ได้เป็นเวลานาน ดังนั้นถ้าเรากล้าทำสิ่งตรงข้ามกับคนส่วนใหญ่ และถูกต้อง เรามักจะเป็นฝ่ายได้เงิน
4. นั่งเฉย ๆ รอจนกว่าจะมีการลงทุนที่น่าสนใจจริง ๆ
นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะต้องการเทรดตลอดเวลา แต่สำหรับคุณโรเจอร์ส เขาเปรียบเทียบว่า เขาจะรอจนกว่าเงินจะกองอยู่ข้างหน้า แล้วค่อยเดินเข้าไปหยิบอย่างง่ายดาย
5. รู้ว่าเมื่อไรควรถือสถานะต่อ หรือตัดขาดทุน (Cut Loss)
ข้อนี้คือข้อแตกต่างระหว่างมืออาชีพ และมือสมัครเล่น เพราะว่านักลงทุนเก่ง ๆ มักจะมีความยืดหยุ่น และปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว เมื่อรู้ว่าตนเองเป็นฝ่ายคิดผิด
ท้ายที่สุด เรื่องราวของคุณโรเจอร์ส สอนให้เรารู้ว่า การลงทุนนั้น ไม่ได้อยู่ที่การทำตามกระแสของผู้คน หรือดูกราฟราคาขึ้นลงเพียงอย่างเดียว
แต่เกิดจากการสังเกต เชื่อมโยงข้อมูล และกล้าตัดสินใจด้วยสามัญสำนึก
หวังว่าบทความนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนได้เรียนรู้จากเซียนหุ้นโดยไม่ต้องเจ็บเอง และเตือนใจว่า การรู้จักรอคอยอย่างอดทน จนโอกาสที่ใช่มาถึง ก็มีส่วนสำคัญไม่น้อย
เพราะในโลกการเงิน อาจไม่ใช่คนที่เคลื่อนไหวตลอดเวลาที่จะรวยที่สุด แต่เป็นคนที่รู้ว่า เมื่อไรควรลงมือ และเมื่อไรควรอยู่นิ่งเฉย ต่างหาก..
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon