โลกยุคใหม่ กำลังเกิด 4 ชนชั้นทางเศรษฐกิจ /โดย ลงทุนแมน
ดร.สันติธาร เสถียรไทย ได้พูดในงาน KBTG Techtopia 2025 ว่า ต่อไปจะมีชนชั้นเศรษฐกิจใหม่เกิดขึ้นมา 4 กลุ่มด้วยกัน

ซึ่งการเกิดขึ้นของ 4 กลุ่มชนชั้นใหม่นี้ ยังส่งผลต่อภาพการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย ต่อจากนี้อีกด้วย

4 ชนชั้นเศรษฐกิจใหม่ มีอะไรบ้าง
แล้วประเทศไทย จะเป็นอย่างไรบ้างต่อไปจากนี้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

ดร.สันติธาร เริ่มต้นฉายภาพกว้างของเศรษฐกิจโลกให้เห็นว่า ตอนนี้เรากำลังอยู่ในโลก New Age of Intelligence

ซึ่งทุก ๆ การเปลี่ยนผ่านของเศรษฐกิจโลก มักจะเกิดชนชั้นเศรษฐกิจใหม่ ๆ ขึ้นมาเสมอ และตอนนี้เอง มันก็กำลังเกิด 4 ชนชั้นเศรษฐกิจใหม่

โดยชนชั้นเศรษฐกิจใหม่ที่ว่านี้ ได้แก่ AI Landlord, The Cyborg, Service Professional และ The Displaced

เริ่มกันที่กลุ่ม AI Landlord เป็นกลุ่มที่ครอบครองสิ่งที่เกี่ยวกับ AI ทุกอย่าง เช่น ชิปประมวลผล, ศูนย์ข้อมูล, โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนี้

ต่อมาคือ กลุ่ม The Cyborg ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของ AI โดยตรง แต่นำ AI ต่าง ๆ มาผนวกกับตัวเอง จนสามารถโตไปข้างหน้าแบบมีมูลค่าเพิ่มขึ้น

กลุ่มที่สาม เราเรียกว่า Service Professional คือกลุ่มที่ยังเน้นการมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ทั่วไปโดยตรง แต่มีจุดเด่นในการเข้าใจมนุษย์ได้เป็นอย่างดี

และกลุ่มสุดท้ายคือ The Displaced ที่ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับการมาของ AI ได้ ซึ่งจะเป็นกลุ่มชนชั้นเศรษฐกิจที่โดนดีดออกไปสู่ชายขอบแทน

พอโลกกำลังจะเป็นแบบนี้ คำถามคือ แล้วประเทศไทย ควรวางตำแหน่งตัวเองในจุดไหน ?

ประเทศไทยตอนนี้ก็เหมือนกับโรงงานที่มีคนงานน้อยลงไปเรื่อย ๆ เพราะเข้าสู่สังคมสูงวัย ซึ่งพอผลิตภาพเท่าเดิม เลยทำให้เศรษฐกิจภาพรวมโตต่ำไปด้วย

แต่จุดวิกฤตินี้เอง ก็อาจกลายเป็นโอกาสให้กับประเทศไทยได้เหมือนกัน โดยเฉพาะเทรนด์เศรษฐกิจที่เรียกกันว่า Longevity Economy

เมื่อก่อน เราอาจมองว่าอุตสาหกรรมสุขภาพน่าจะอยู่
ในฝั่งผู้สูงอายุแค่อย่างเดียว แต่ตอนนี้ กลายเป็นเทรนด์การลงทุนเพื่อสุขภาพตั้งแต่อายุน้อย ไม่ใช่แค่ตอนแก่อย่างเดียวอีกต่อไป

ทำให้เราสามารถสร้างซัปพลายเชนที่เริ่มตั้งแต่ต้นน้ำอย่างเกษตรกรรมของเราได้ ให้ยาวไปจนถึงปลายน้ำเรื่องอาหารและอุปกรณ์การแพทย์อื่น ๆ ได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ในวันที่ค่ายของโลกเศรษฐกิจแบ่งออกเป็นจีนกับสหรัฐฯ ทำให้เรามองว่า ยุคที่เราได้ประโยชน์ในเม็ดเงินส่งออกจากการค้าเสรีก่อนหน้านี้อาจจะหมดไปแล้ว

แต่จริง ๆ เราสามารถทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย ยังเติบโตจากกระแสโลกาภิวัตน์ได้เหมือนเดิม ซึ่งยังเป็นตลาดที่มีโอกาสให้เติบโตอีกมาก

โดยไม่ใช่แค่เป็นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างเดียว แต่อาจจะไปทับซ้อนหรือร่วมกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการท่องเที่ยวไทยมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม อย่างที่บอกไปว่า 4 ชนชั้นเศรษฐกิจใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ แต่ละกลุ่มก็จะได้ประโยชน์จากโลกของ AI ไม่เท่ากัน

แถมบางกลุ่มอย่าง The Displaced ก็อาจตกขบวนไปเลย เพราะปรับตัวไม่ทันกับโลกยุคใหม่นี้

ประเทศไทย จึงควรต้องมีอุปกรณ์ 3 อย่าง นั่นคือ จรวด, สปริงบอร์ด และตาข่าย เพื่อรองรับคนแต่ละกลุ่มในสังคม

กลุ่มคนที่เก่งไปเลย ก็ต้องมีจรวดให้คนกลุ่มนี้ เพื่อให้ทะยานไปข้างหน้าได้ไวมากขึ้น

กลุ่มคนที่กำลังปรับตัว ก็ทำให้คนกลุ่มนี้เก่งขึ้นด้วยการสร้างสปริงบอร์ด เพื่อไปได้ไวกว่าเดิม

ส่วนกลุ่มที่ปรับตัวไม่ทัน เราก็ต้องมีตาข่ายรองรับการเปลี่ยนผ่านของกลุ่มนี้ เพื่อให้เวลากับคนกลุ่มนี้ในการปรับตัวสักหน่อยเพิ่มเติม

และสุดท้าย ดร.สันติธาร ก็ทิ้งท้ายได้อย่างน่าสนใจว่า ต่อไปการเรียนรู้ตลอดชีวิตของเราในโลกยุคใหม่นี้ เหมือนกับการที่เราต้องมีนม, วิสกี้ และน้ำเปล่า ของตัวเอง

นม คือความรู้ที่มีประโยชน์เหมือนเวลาเราดื่มนม แต่ก็อาจจะบูดไวมาก จนต้องอัปเดตตลอดเวลาอยู่เสมอ

วิสกี้ คือทักษะที่ต้องใช้การบ่มเพาะ เช่น ทักษะทางสังคมต่าง ๆ ที่ต้องอาศัยการลงมือทำจริงอยู่ตลอดเวลา

และน้ำเปล่า เป็นเหมือนกระจกสะท้อนเราอยู่ตลอดเวลา ว่ามีจุดแข็งหรือจุดอ่อนแบบไหนนั่นเอง..