สรุปวิธีใช้ “ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง” ให้เกิดผลดี ฉบับนักการเงิน ที่ใคร ๆ ก็ทำตามได้ /โดย ลงทุนแมน
รู้หรือไม่ ? จากการสำรวจพบว่า 1 ใน 5 ของคนไทย เคยใช้บริการซื้อก่อน จ่ายทีหลัง
ไม่ว่าจะเป็น SPayLater ของ Shopee
Pay Next ของ TrueMoney Wallet
LazPayLater ของ Lazada หรือ atome ก็ตาม

โดยบริการนี้เริ่มได้รับความนิยมในไทย จากความสมัครง่าย ไม่ต้องมีรายได้ประจำ ก็สามารถใช้วงเงินซื้อของได้เลย

อย่างไรก็ตาม ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง ก็เปรียบเสมือนดาบสองคม

เพราะถ้าใช้เป็น เราจะมีเครื่องมือที่ช่วยบริหารด้านการเงินเพิ่มอีกตัว
แต่หากใช้ไม่เป็นหรือไม่ระวัง อาจทำให้หนี้สินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว

อยากใช้ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง แบบนักการเงิน ให้เกิดประโยชน์ ไม่ติดกับดักหนี้ ทำอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง หรือ Buy Now Pay Later (BNPL) คือบริการทางการเงิน ที่ช่วยให้เราสามารถซื้อสินค้าหรือบริการได้ทันที โดยยังไม่ต้องชำระเงินเต็มจำนวน แต่แบ่งจ่ายเป็นงวด ๆ หรือชำระเต็มจำนวนในภายหลังได้

ซึ่งปกติแล้วถ้าชำระเต็มจำนวนใน 1 เดือน มักจะไม่มีการคิดดอกเบี้ย
แต่ถ้าผ่อนหลายเดือน ดอกเบี้ยอาจสูงถึง 25% ต่อปีเลยทีเดียว

จะเห็นได้ว่า ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง มีความคล้ายกับบัตรเครดิต

แต่ที่คนไทยมีแนวโน้มใช้บริการนี้พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะความง่าย เพียงแค่ใช้เวลาไม่กี่นาทีในการกดผ่านแอปต่าง ๆ ก็สมัครได้แล้ว

ทำให้ซื้อก่อน จ่ายทีหลังนั้นตรงใจคนไทย ที่มากกว่า 50% ของคนที่มีงานทำ เป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ มากกว่าบัตรเครดิตที่ต้องยื่น Statement และเอกสารอื่น ๆ ประกอบ โดยไม่รู้ว่าจะผ่านด้วยหรือไม่

แต่ด้วยความง่ายนี่เอง คนจำนวนไม่น้อยเลยเผลอใช้มันแบบไม่ระวัง นั่นจึงเป็นที่มาว่า ทำไมควรรู้วิธีใช้ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง แบบนักการเงิน

แล้วต้องทำอย่างไร ?

1. ใช้เพื่อจัดการกระแสเงินสด ไม่ใช่เพื่อกู้เงิน

ดังนั้นเราจะต้องเลือกผ่อนแค่ 1 เดือน หรือผ่อนหลายเดือน แต่คิดดอกเบี้ย 0% และต้องจ่ายตรงเวลา เพราะหากมีดอกเบี้ยจะเท่ากับการกู้เงินแล้ว และหลายครั้งดอกเบี้ยก็สูงกว่าบัตรเครดิตด้วยซ้ำ

ถ้าอยากรู้ว่า ดอกเบี้ยมากน้อยแค่ไหน ให้ลองนำค่าผ่อนทั้งหมดมาบวกกัน แล้วเทียบกับราคาสินค้า โดยแนะนำให้คิดเป็นเปอร์เซ็นต์แทนจำนวนเงิน จะได้เห็นอัตราดอกเบี้ยชัดเจน

ดังนั้นคนที่เหมาะกับการใช้ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง เพื่อจัดการกระแสเงินสด จึงเป็นคนที่มีรายได้เข้าแน่นอนทุกเดือน หรือมีเงินเพียงพอกับราคาสินค้าแล้ว แต่ไม่อยากจ่ายก้อนโตทีเดียว

เพราะอยากให้กระแสเงินสดในแต่ละเดือนไม่สะดุด รวมถึงสามารถนำเงินก้อนนั้นไปทำประโยชน์ต่อได้

เช่น เราซื้อ MacBook Air 50,000 บาท ผ่อน 1 เดือน ก็สามารถนำเงินก้อน 50,000 บาท ที่ตอนแรกจะต้องจ่ายทีเดียว ไปฝากเงินในธนาคาร หรือลงทุนในตลาดเงินไปก่อนได้ เพื่อรับผลตอบแทนประมาณ 0.5-3.0% ต่อปี

จากตัวอย่าง จะเห็นได้ว่ายิ่งหากเราได้ผ่อน 0% แบบหลายเดือนยิ่งดี เพราะเงินส่วนนี้ก็จะถูกนำไปใช้สร้างเงินได้เรื่อย ๆ

อย่างไรก็ตาม เราควรกำหนดค่างวดของการซื้อก่อน จ่ายทีหลังไว้ด้วย เพื่อจะได้มีเงินเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่าย

โดยค่างวดของการซื้อก่อน จ่ายทีหลัง + ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ต้องไม่เกินรายได้ 1 เท่า
ถ้าให้ดี ควรจดรายการและค่าใช้จ่ายทั้งหมดไว้ในสักที่ เช่น Excel จะได้ติดตามรายจ่ายได้ง่าย

2. ถ้าของที่ซื้อเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มรายได้ในอนาคต จะยิ่งดี

เพราะเป็นการเพิ่มกระแสเงินสดเข้าบัญชีเรื่อย ๆ ต่างจากการใช้ซื้อของอย่างอื่น ที่เป็นการนำเงินออกเพียงอย่างเดียว

ตัวอย่างการซื้อของที่ก่อให้เกิดประโยชน์ เช่น

- นักเขียนกับ Content Creator ต้องมี Notebook
- ขายขนม ชานมเป็นงานเสริม ต้องซื้อวัตถุดิบและอุปกรณ์ต่าง ๆ
- ปล่อยเช่าโทรศัพท์มือถือในงานคอนเสิร์ต ต้องมีสมาร์ตโฟน

สำหรับคนที่ทำธุรกิจส่วนตัว การใช้ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง เหมือนได้รับเครดิตเทอมอย่างน้อย 30 วัน ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจ

และถ้าเรามีประวัติการจ่ายเงินที่ดี ยิ่งเพิ่มโอกาสในการขยายวงเงินขึ้นไปอีก บางเจ้าให้วงเงินสูงสุดถึง 100,000 บาท

3. ใช้สร้าง Credit Score หรือคะแนนเครดิตที่ดี เพื่อประโยชน์ต่อการกู้ซื้อสิ่งที่จำเป็นในชีวิต เช่น รถยนต์และบ้าน

คำเตือนตัวใหญ่ ๆ บริการซื้อก่อน จ่ายทีหลังหลายเจ้า ส่งประวัติเข้าเครดิตบูโรแล้ว อย่าง SPayLater ของ Shopee ก็เข้าร่วมด้วย

หากประวัติการชำระเงินไม่ดี จ่ายหนี้ไม่ครบ ไม่ตรงเวลา มีผลต่ออนาคตในการกู้ซื้อรถ กู้ซื้อบ้าน

กลับกัน นี่ถือเป็นโอกาสของหลายคนที่ประกอบอาชีพอิสระในการสร้างเครดิตที่ดีให้กับตัวเอง

ทำให้พอเวลาจะกู้ซื้อของชิ้นใหญ่นั้นง่ายขึ้น ดีไม่ดีอาจได้อัตราดอกเบี้ยที่น้อยกว่าคนกลุ่มเดียวกัน แต่ไม่เคยสร้างประวัติการชำระเงินที่ดีให้เห็น

4. ถ้าผ่อนหลายเดือนแบบมีดอกเบี้ยไปแล้ว มีเงินควรรีบโปะ

หลายคนคิดว่า ถ้าเลือกผ่อนยาว ๆ ไปแล้ว จะต้องจ่ายแต่ละเดือนตามที่กำหนดไว้

แต่จริง ๆ แล้ว เราสามารถจ่ายหนี้ที่เหลือก่อนกำหนดได้ และควรจ่ายด้วย เพราะดอกเบี้ยของซื้อก่อน จ่ายทีหลัง คิดแบบ “ลดต้นลดดอก” ซึ่งดอกเบี้ยจะน้อยลง หากจ่ายเงินต้นไปมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ผู้ให้บริการบางรายอาจไม่ลดดอกเบี้ยให้ตั้งแต่แรก ซึ่งเราก็ต้องศึกษาเงื่อนไขให้ดีก่อน

และนี่คือวิธีการใช้ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง ที่ทุกคนควรรู้
จะเห็นได้เลยว่า นอกจากทำตามได้ไม่ยาก ถ้าใช้เป็นและมีวินัย จะได้ประโยชน์จากบริการนี้ มากกว่าที่คิด..

References
-https://www.bbc.com/thai/articles/c80pymvnk31o
-https://www.ktc.co.th/article/knowledge/credit-card/buy-now-pay-later-vs-credit-card-installment
-https://nesdc.d3bug.me/wp-content/uploads/2025/06/2566_article_q3_001.pdf
-https://www.krungsri.com/th/wealth/krungsri-prime/privileges/articles/buy-now-pay-later
-https://www.bot.or.th/th/statistics/interest-rate.html