ThaiESG เทรนด์ลงทุนยั่งยืนพร้อมคืนภาษีของคนรุ่นใหม่

ThaiESG เทรนด์ลงทุนยั่งยืนพร้อมคืนภาษีของคนรุ่นใหม่

ThaiESG เทรนด์ลงทุนยั่งยืนพร้อมคืนภาษีของคนรุ่นใหม่ / ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง x ThaiESG
ย้อนกลับไปในปี 2547 สหประชาชาติเปิดเผยรายงาน “Who Cares Wins” เป็นครั้งแรก เพื่อกระตุ้นความสนใจใน ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) สำหรับการลงทุน
ถัดจากนั้นไป 2 ปี กรอบ PRI หรือ Principles for Responsible Investment ก็เกิดขึ้นในปี 2549 และกลายมาเป็นแนวทางพิจารณาการลงทุนด้าน ESG เพื่อส่งเสริมความยั่งยืน
นับจากนั้นเป็นต้นมา นานาประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์ ฯลฯ เริ่มนำแนวคิด ESG มาพัฒนากองทุนที่เน้นลงทุนในธุรกิจที่มี ESG เพื่อความยั่งยืนกันมากขึ้น รวมทั้ง ประเทศไทย ด้วยเช่นกัน
กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ ThaiESG เปิดตัวครั้งแรกในปี 2566
ผ่านมา 2 ปีแล้ว ตอนนี้ ThaiESG เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ตลอด 9 เดือนแรกของปี 2568 กองทุน ThaiESG มีเงินลงทุนไหลเข้าสุทธิรวม 8,392 ล้านบาท ทำให้มูลค่าทรัพย์สินรวม (AUM) ขยายตัวแตะ 42,369 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 32% จากต้นปีที่ผ่านมา แรงหนุนหลักมาจากกองทุนตราสารหนี้ในกลุ่ม ThaiESG ที่กำลังเติบโต
ตัวเลขนี้สะท้อนความเชื่อมั่นจากนักลงทุนได้อย่างดี ทั้งในแง่ของการลงทุนหาผลตอบแทน รวมทั้งภาพรวมการสนับสนุนธุรกิจที่ใส่ใจ ESG ที่สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ทีนี้ถ้าถามว่า ทำไมกองทุน ThaiESG เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทางเลือกการลดหย่อนภาษีของผู้ลงทุนเหลือเพียงกองทุน RMF และ ThaiESG ประกอบกับกองทุน ThaiESG เองก็มีจุดที่น่าสนใจไม่น้อย
จุดที่ 1 ต้องยกให้ไฮไลต์สิทธิประโยชน์ของกองทุน ThaiESG ที่น่าจับตามอง เช่น
- ระยะเวลาถือครองลดเหลือ 5 ปี (จากเดิม 8 ปี)
- วงเงินลดหย่อนภาษีเพิ่มเป็น 300,000 บาท (จากเดิม 100,000 บาท)
และไม่บังคับให้ลงทุนต่อเนื่องทุกปี ใช้สิทธิได้ในปีที่ลงทุน
- สิทธิวงเงินลดหย่อนแยกออกจากกลุ่มเกษียณ ไม่นับรวมกับวงเงิน RMF และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) เป็นต้น
ทั้งหมดนี้ช่วยเปิดโอกาสในการลดหย่อนภาษีให้กับคนไทยได้มากขึ้นนั่นเอง
จุดที่ 2 คือคนไทยสามารถเลือกลงทุนได้ทั้งหุ้นไทย และตราสารหนี้
ถ้าสังเกตหุ้นไทยที่อยู่ในกองทุน ThaiESG ล้วนผ่านด่านการคัดกรองมาอย่างเข้มข้น ทั้งในแง่ของการได้รับ ESG Ratings ที่ดีจากสถาบันจัดอันดับระดับสากล
และมักจะเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่มีคะแนน ESG สูงในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ส่วนมากอยู่ในกลุ่ม SET50, SET100 มีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นตัวเล็กในเชิงความผันผวน เช่น
- หุ้นที่มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แผนการจัดการ และการตั้งเป้าหมายที่จะลดและต้องผ่านการสอบทาน
- หุ้นที่ได้รับการประเมินว่ามี Governance ระดับดีเลิศ และเปิดเผยแผนการเพิ่มมูลค่ากิจการ
ขณะเดียวกัน ถ้าเป็นตราสารหนี้ที่อยู่ในกองทุน ThaiESG
มักจะเป็นตราสารหนี้ภาครัฐหรือภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับ ESG และได้รับการอนุญาตให้เสนอขาย เช่น Green Bond, Sustainability Bond รวมทั้ง ตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืน หรือ Sustainability-Linked Bond
ส่วนจุดที่ 3 ที่มองข้ามไม่ได้ คือข้อดีของการลงทุนผ่านกองทุนรวมในแง่มุมต่าง ๆ
ซึ่งถ้ามองในมุมของการช่วยกระจายความเสี่ยงก็ชัดเจนทีเดียว เพราะในหนึ่งกองทุน ThaiESG ย่อมมีการลงทุนหุ้น ESG หรือตราสารหนี้ ESG หลากหลายตัว
หรือถ้ามองในมุมของประเด็น ESG
แน่นอนว่า บริษัทที่ดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG มักมีความมั่นคงยั่งยืน และมีโอกาสฟื้นตัวจากวิกฤติได้ดีกว่า ทำให้ภาพรวมความเสี่ยงต่ำกว่า และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
นอกจากนี้ ด้วยพื้นฐานของการเป็นกองทุนรวม ที่มีผู้จัดการกองทุนช่วยบริหารพอร์ตการลงทุน ทั้งการช่วยคัดเลือกธุรกิจลงทุน, การช่วย Rebalance ตามเงื่อนไข ESG และภาวะตลาดอย่างเหมาะสม ถือว่าตอบโจทย์การลงทุนสำหรับนักลงทุนที่ไม่มีเวลา
ถึงตรงนี้จะเห็นว่า กองทุน ThaiESG กำลังตอบโจทย์คนไทยในวงกว้าง โดยเฉพาะผู้ลงทุนที่ต้องการลดหย่อนภาษีในรูปแบบของการลงทุนผ่านกองทุนรวม
รวมทั้งกลุ่มคนที่ชื่นชอบการลงทุนในกิจการที่คำนึงถึงการเติบโตแบบยั่งยืน ที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาโลกร้อน, การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, ความไม่เท่าเทียม รวมทั้งการสนับสนุนด้านความโปร่งใสในการบริหารงาน มีธรรมาภิบาล
อย่างไรก็ตาม สิทธิลดหย่อนภาษีจากกองทุน ThaiESG สามารถใช้ได้ในปีที่ลงทุนเท่านั้น
สำหรับโค้งสุดท้ายปี 2568 ที่เหลือไม่ถึง 2 เดือน !
ไม่ควรปล่อยผ่านกองทุน ThaiESG เทรนด์การลงทุนที่ตอบโจทย์ผู้ลงทุนรุ่นใหม่ใส่ใจความยั่งยืน ทั้งช่วยวางแผนภาษี และสร้างการออมระยะยาวไปพร้อมกัน
รายละเอียดเพิ่มเติม www.ThailandESG.com
#ThaiESG #ThailandESGFund #กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน
#ESG #ลงทุนยั่งยืนพร้อมคืนภาษี
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon