
“ระบบ Supply Chain ของ MK ในปัจจุบัน ทำให้สามารถส่งต่อวัตถุดิบคุณภาพให้ผู้บริโภคได้ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งสิ่งนี้เองที่สร้างความแตกต่างให้ MK”
“ทาง MK เราฟังเสียงของลูกค้าเยอะมาก ๆ
ตอนนี้ เราอยากขยายสาขามากขึ้น เพราะยิ่งทำบุฟเฟต์แล้วยิ่งสนุก อยากลองเล่นอะไรใหม่ ๆ มากขึ้น”
คุณธีร์ ธีระโกเมน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MK Group ได้พูดในรายการ SNAPSHOT ลงทุนแมน ตอนล่าสุด ซึ่งเต็มไปด้วยอินไซต์ และเบื้องหลังทางธุรกิจมากมาย ที่น่าสนใจ
ทำไม MK ต้องมีพรีเมียมบุฟเฟต์ ?
ผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างไร ?
อะไรทำให้ MK คิดว่า จะชนะในสงครามนี้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เริ่มด้วยเรื่อง กลยุทธ์ของ MK และสถานการณ์ตลาดสุกี้ในปัจจุบัน
ตอนนี้ เราอยากขยายสาขามากขึ้น เพราะยิ่งทำบุฟเฟต์แล้วยิ่งสนุก อยากลองเล่นอะไรใหม่ ๆ มากขึ้น”
คุณธีร์ ธีระโกเมน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MK Group ได้พูดในรายการ SNAPSHOT ลงทุนแมน ตอนล่าสุด ซึ่งเต็มไปด้วยอินไซต์ และเบื้องหลังทางธุรกิจมากมาย ที่น่าสนใจ
ทำไม MK ต้องมีพรีเมียมบุฟเฟต์ ?
ผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างไร ?
อะไรทำให้ MK คิดว่า จะชนะในสงครามนี้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เริ่มด้วยเรื่อง กลยุทธ์ของ MK และสถานการณ์ตลาดสุกี้ในปัจจุบัน
คุณธีร์ เล่าว่าจุดเปลี่ยนคือช่วงโควิด ช่วงนั้นร้านอาหารในห้างปิดตัว แต่คนก็ยังมีการกินอาหารนอกห้างได้ ซึ่งคุณธีร์มองว่านี่คือเทรนด์ในอนาคต
เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป หลังจากศึกษาความเป็นไปได้ คุณธีร์มองว่า MK ยังเป็นผู้นำ และมีหลายสาขาอยู่แล้ว ทำให้มีความพร้อมที่จะเข้ามาเล่นในตลาดบุฟเฟต์
โดยความพร้อมที่ว่า คือความพร้อมด้านครัวกลาง Infrastructure ของ Supply Chain ระบบขนส่ง หรือแม้กระทั่งการ Training
คุณธีร์มองว่าด้วยความพร้อมทั้งหมด ถ้า MK กระโดดเข้ามาในตลาดนี้ ก็มีโอกาสได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ
คุณธีร์มองว่าด้วยความพร้อมทั้งหมด ถ้า MK กระโดดเข้ามาในตลาดนี้ ก็มีโอกาสได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ
ด้วยสภาพเศรษฐกิจ และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยน รวมถึงเรื่องการตัดสินใจจับจ่ายใช้สอยของลูกค้า ทำให้ MK ต้องปรับตัวเพื่อให้เข้ากับลูกค้าในปัจจุบันมากขึ้น
เปลี่ยนมาทำบุฟเฟต์ตอนนี้ สายไปหรือเปล่า ?
คุณธีร์บอกว่า MK มีการศึกษาตลาดนี้มานานแล้ว และมองว่า MK ไม่ได้มาช้าไป
เปลี่ยนมาทำบุฟเฟต์ตอนนี้ สายไปหรือเปล่า ?
คุณธีร์บอกว่า MK มีการศึกษาตลาดนี้มานานแล้ว และมองว่า MK ไม่ได้มาช้าไป
เนื่องจากหลังจากผ่านโควิดมา 2 ปี คุณธีร์เริ่มมองเห็นพฤติกรรมผู้บริโภคที่เริ่มเปลี่ยน คุณธีร์จึงมองว่านี่คือโอกาส ถ้าทำแล้ว ลูกค้าจะกลับมาหาเรา
ด้วยความพร้อม MK สามารถสเกลได้ทั่วประเทศ จึงเป็นที่มาของราคา 299 บาท ที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น
ด้วยความพร้อม MK สามารถสเกลได้ทั่วประเทศ จึงเป็นที่มาของราคา 299 บาท ที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น
ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง MK ก็ได้ทดลองตลาดมาบ้างแล้ว เช่น แคมเปญหมูมาราธอน ซึ่งผลตอบรับก็ดี
หลังจากนั้นก็มี แคมเปญซีฟู้ดมาราธอน และได้นำข้อคิดเห็นของลูกค้า มาเริ่มทำแคมเปญ 299 พร้อมขยายไป 254 สาขาทั่วประเทศ
และหลังจากทำไปโมเดลบุฟเฟต์ คุณธีร์บอกว่าผลลัพธ์คือ ลูกค้าชอบมาก จากข้อมูล ลูกค้านั้นกลับมา 300% ซึ่งทางหน้าร้านเอง ก็มีกลุ่มลูกค้าหลากหลายมากยิ่งขึ้น เช่น น้อง ๆ นักศึกษา ถึงขนาดที่บางคนกลับมากินบุฟเฟต์แบบวันเว้นวันเลย..
แล้วบริษัทมีการวางแผนจัดการ Supply Chain อย่างไร ?
คุณธีร์บอกว่า ครัวสินค้ากลาง ตอนนี้มีอยู่ที่เดียว คือบางนา แต่ก็มีความพร้อมในการส่งทั่วประเทศ
แล้วบริษัทมีการวางแผนจัดการ Supply Chain อย่างไร ?
คุณธีร์บอกว่า ครัวสินค้ากลาง ตอนนี้มีอยู่ที่เดียว คือบางนา แต่ก็มีความพร้อมในการส่งทั่วประเทศ
ด้วยระบบ Supply Chain ของ MK ในปัจจุบัน ทำให้สามารถส่งต่อวัตถุดิบคุณภาพให้ผู้บริโภคได้ภายใน 24 ชั่วโมง
ซึ่งสิ่งนี้เองที่สร้างความแตกต่างให้ MK ทั้งกระบวนการ Supply Chain นั้นมีการควบคุมอุณหภูมิ แม้กระทั่งรถในการขนส่ง ก็ต้องควบคุมอุณหภูมิ ทำให้ยังคงรักษาความสดไว้ได้อยู่ และวัตถุดิบนั้นยังคงคุณภาพไว้ได้
คุยกับซัปพลายเออร์อย่างไร ให้ได้ข้อเสนอดีที่สุด ?
คุยกับซัปพลายเออร์อย่างไร ให้ได้ข้อเสนอดีที่สุด ?
คุณธีร์บอกว่า อันดับแรกเลย MK นั้นยึดคำว่าคุณภาพมาก่อน ด้วยความสัมพันธ์กับซัปพลายเออร์บางเจ้าถึง 30 ปี
ทำให้คุยง่าย เพราะมัน Win-Win เพราะถ้าขายเยอะ เราก็ยิ่งได้เยอะ และเพราะยิ่งซื้อเยอะ ก็จะทำให้ MK มี Economies of Scaleทำให้ต้นทุนลดลง
บวกกับทาง MK นั้นก็หาซัปพลายเออร์เจ้าใหม่ ๆ เพิ่มด้วย ทำให้มีการแข่งขัน เพื่อทำให้ราคาต้นทุนลดลงอีกด้วย
บริษัทนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหาร Supply Chain อย่างไร ?
ที่หน้าสาขา จะมีนวัตกรรมตัวหนึ่งที่ใช้สั่งของ โดยทาง MK ให้ความสำคัญกับทางข้อมูลเพื่อให้สั่งของได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น
โดยปัจจุบันนี้ได้มีการให้ AI ช่วยสั่งสินค้าแทนแล้ว ส่วนคนค่อยมา Approve ตอนจบก็พอ
ทำให้คุยง่าย เพราะมัน Win-Win เพราะถ้าขายเยอะ เราก็ยิ่งได้เยอะ และเพราะยิ่งซื้อเยอะ ก็จะทำให้ MK มี Economies of Scaleทำให้ต้นทุนลดลง
บวกกับทาง MK นั้นก็หาซัปพลายเออร์เจ้าใหม่ ๆ เพิ่มด้วย ทำให้มีการแข่งขัน เพื่อทำให้ราคาต้นทุนลดลงอีกด้วย
บริษัทนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหาร Supply Chain อย่างไร ?
ที่หน้าสาขา จะมีนวัตกรรมตัวหนึ่งที่ใช้สั่งของ โดยทาง MK ให้ความสำคัญกับทางข้อมูลเพื่อให้สั่งของได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น
โดยปัจจุบันนี้ได้มีการให้ AI ช่วยสั่งสินค้าแทนแล้ว ส่วนคนค่อยมา Approve ตอนจบก็พอ
ซึ่งคุณธีร์บอกว่า ด้วยนวัตกรรมสั่งของแบบนี้ จะทำให้พนักงานทำงานได้ดีขึ้น และทาง MK ก็จะลดวัตถุดิบเหลือทิ้งน้อยลงอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการนำหุ่นยนต์มาใช้ที่ร้านสาขา เนื่องจากขาดพนักงาน
และนวัตกรรมนี้ช่วยแบ่งเบางานของมนุษย์ ส่วนมนุษย์ ก็จะมีเวลาไปส่งต่อคุณค่าแก่ลูกค้าได้มากขึ้น
อีกจุดแข็งของกลุ่ม MK คือมี Infrastructure Supply Chain ที่ดีแต่แรกอยู่แล้ว
อีกจุดแข็งของกลุ่ม MK คือมี Infrastructure Supply Chain ที่ดีแต่แรกอยู่แล้ว
และพอมีแบรนด์อื่น ๆ เช่น Yayoi หรือแหลมเจริญ ก็สามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ได้ เกิดเป็นการแชร์ Infrastructure ให้แบรนด์ย่อยต่าง ๆ ในเครือ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
เมื่อถามคุณธีร์ว่า อะไรคือความผิดพลาด ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นซ้ำ ?
เมื่อถามคุณธีร์ว่า อะไรคือความผิดพลาด ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นซ้ำ ?
คำตอบคือ เรื่องของ Supply Stability เพราะเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ซึ่งตอนนี้ทาง MK มีข้อมูลแล้ว ทำให้ทางด้าน Supply Chain มีความมั่นคง
เพราะว่าถ้าเกิดทำบุฟเฟต์ แต่ไม่มีของ ก็จะทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่ดี ซึ่งตอนนี้ทาง MK มีข้อมูลวัตถุดิบสินค้าที่ดีมาก ๆ
คุณธีร์ย้ำว่า DNA ของ MK คือการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรม
คุณธีร์ย้ำว่า DNA ของ MK คือการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรม
เราต้องพัฒนาไปเรื่อย ๆ แม้จะวันละ 1% เพราะการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นำไปสู่การเติบโต และโอกาสนั้นมักมาพร้อมกับปัญหา ซึ่งทำให้เราได้เรียนรู้
ทาง MK ก็ได้มีการส่งเสริมแนวคิดในการพัฒนาตัวเอง เช่น แนวคิด Kaizen โดยให้ทุกคนในองค์กรสามารถส่งหัวข้อในการพัฒนา ว่าเราจะพัฒนาได้อย่างไร ซึ่งก็มีหลายไอเดียที่ถูกนำเอามาใช้จริง
ส่วนแนวคิดเรื่องการพัฒนาตัวเองวันละนิดในทุก ๆ วัน ก็คือแนวคิดที่คุณพ่อและคุณแม่ของคุณธีร์ ส่งต่อมาให้เป็นวัฒนธรรม MK ในยุคปัจจุบัน
ส่วนแนวคิดเรื่องการพัฒนาตัวเองวันละนิดในทุก ๆ วัน ก็คือแนวคิดที่คุณพ่อและคุณแม่ของคุณธีร์ ส่งต่อมาให้เป็นวัฒนธรรม MK ในยุคปัจจุบัน
และทาง MK มีการให้พนักงานที่ฝึก Training สอบด้วย และมีทีมตรวจสอบ ถ้าสาขาบริการไม่ได้มาตรฐาน ก็จะมีการให้กลับไปฝึก Training ใหม่ ซึ่งทาง MK ให้ความสำคัญกับงานหน้าบ้านมาก ๆ
และคุณธีร์บอกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการฟังเสียงของลูกค้า เพื่อพัฒนาสินค้าให้ตรงใจลูกค้ามากขึ้น
ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้ MK สามารถอยู่ได้ในระยะยาว อย่างตัวบุฟเฟต์ ก็มาจากเสียงเรียกร้องของลูกค้า รวมถึงสภาพเศรษฐกิจด้วย
ทำไมต้องเป็น MK พรีเมียมบุฟเฟต์ ?
คุณธีร์บอกว่า One size doesn’t fit all
ราคา 299 บาท ก็จะได้ลูกค้ากลุ่มหนึ่ง แต่ก็มีลูกค้าบางกลุ่มที่เต็มใจยอมจ่ายมากกว่านี้ แต่ขอให้มีเมนูที่ตนเองชอบ
ทำไมต้องเป็น MK พรีเมียมบุฟเฟต์ ?
คุณธีร์บอกว่า One size doesn’t fit all
ราคา 299 บาท ก็จะได้ลูกค้ากลุ่มหนึ่ง แต่ก็มีลูกค้าบางกลุ่มที่เต็มใจยอมจ่ายมากกว่านี้ แต่ขอให้มีเมนูที่ตนเองชอบ
ทำให้มีตัวเลือกราคา 499, 699 และ 899 บาท ซึ่งจะตอบโจทย์ลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่ง
ซึ่งตอนนี้ทาง MK ได้มีการออก MK พรีเมียมบุฟเฟต์ มา 8 สาขาแล้ว
ทั้งหมดนี้จะเริ่มเห็น Segmentation ที่ชัดเจนมากขึ้น
สุดท้าย มาถึงคำถามที่ว่า..
MK จะเป็นผู้นำตลาดสุกี้ ในอนาคตต่อไปหรือไม่ ?
คุณธีร์เผยว่า มั่นใจ 100% ว่ายังเป็นผู้นำอยู่
เพราะว่า MK นั้นมีความพร้อมครบหมดแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องหลังบ้าน หรือจำนวนสาขา ซึ่งทางลูกค้าบอกว่าคุ้มค่ามากขึ้น ทำให้มองว่านี่คือสัญญาณที่ดี
และคุณธีร์ ก็กำลังมองหาว่า จะวางรากฐานอย่างไรในอนาคต เพื่อให้เติบโตได้มากกว่านี้..
สุดท้าย มาถึงคำถามที่ว่า..
MK จะเป็นผู้นำตลาดสุกี้ ในอนาคตต่อไปหรือไม่ ?
คุณธีร์เผยว่า มั่นใจ 100% ว่ายังเป็นผู้นำอยู่
เพราะว่า MK นั้นมีความพร้อมครบหมดแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องหลังบ้าน หรือจำนวนสาขา ซึ่งทางลูกค้าบอกว่าคุ้มค่ามากขึ้น ทำให้มองว่านี่คือสัญญาณที่ดี
และคุณธีร์ ก็กำลังมองหาว่า จะวางรากฐานอย่างไรในอนาคต เพื่อให้เติบโตได้มากกว่านี้..