มนุษย์เงินเดือนวัย 35 เพิ่งเริ่มลงทุน ยังทันไหม ?

มนุษย์เงินเดือนวัย 35 เพิ่งเริ่มลงทุน ยังทันไหม ?

มนุษย์เงินเดือนวัย 35 เพิ่งเริ่มลงทุน ยังทันไหม ? /โดย ลงทุนแมน
“ตอนนี้อายุ 35 ปีแล้ว เพิ่งจะมาคิดเรื่องลงทุน สายไปแล้วหรือเปล่า ?”
เชื่อว่านี่คงเป็นคำถาม ที่มนุษย์เงินเดือนวัยกลางคนจำนวนไม่น้อย กำลังหาคำตอบอยู่
เมื่อเห็นหลายคนสร้างพอร์ตการลงทุนจนเติบโต
ก็ยิ่งทำให้คนที่ไม่เคยคิดเรื่องการลงทุน หันกลับมามองตัวเอง
เพราะย้อนมองกลับไป ถ้าเราเรียนจบตอนอายุ 22 ปี ก็เท่ากับเวลาผ่านมา 13 ปีแล้ว
และถ้าหากมองไปข้างหน้า เราตั้งใจว่าจะเกษียณที่อายุ 60 ปี ก็เท่ากับว่า เราเหลือเวลาอีก 25 ปี
หลายคนจึงอาจเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า และถ้าเราเริ่มลงทุนในตอนนี้ยังทันไหม ?
คำตอบของคำถามนี้ ลงทุนแมนจะชวนคิดไปพร้อม ๆ กัน ในบทความนี้..
เป้าหมายการลงทุนของเรา คืออะไร ?
ณ จุดนี้ ถ้าใครยังนึกไม่ออก เป้าหมายที่ง่ายที่สุดอาจเป็น “เงินใช้ยามเกษียณ”
ลองคิดดูว่า หากเราเกษียณตอนอายุ 60 ปี และคาดว่าจะมีอายุถึง 90 ปี เท่ากับว่าเราจะต้องใช้ชีวิตในช่วงเกษียณ 30 ปี
สมมติเราอยากมีเงินใช้ในช่วงเกษียณเดือนละ 30,000 บาท
ถ้าเราใช้วิธีเก็บออมเงินปกติ เท่ากับว่าเราจะต้องมีเงินในมือจำนวน 10.8 ล้านบาท ณ วันที่เกษียณ
นั่นเท่ากับว่าในตอนอายุ 35 ปีนั้น เราจะต้องออมเงินถึงเดือนละ 36,000 บาท ติดต่อกันทุกเดือน เป็นเวลา 25 ปี ซึ่งถือว่าหนักเอาการ สำหรับมนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่
มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจหมดหวัง..
เพราะการออมเงินถึงเดือนละ 36,000 บาท ในตอนอายุ 35 ปี ที่แม้จะมีเงินเดือนสูงในระดับหนึ่งแล้ว แต่ก็มักมีค่าใช้จ่ายที่มากเป็นเงาตามตัวเช่นเดียวกัน
ถ้าอย่างนั้น หากเราลองเปลี่ยนวิธีเป็นการลงทุนในหุ้นหรือกองทุน ที่สามารถให้เงินปันผลได้ 5% ต่อปี
เราก็จะได้เงินปันผลราว 360,000 บาทต่อปี หรือก็คือ 30,000 บาทต่อเดือนนั่นเอง
และเพื่อให้ได้เงินปันผลในจำนวนนี้ ในตอนอายุ 60 ปี เราจะต้องมีเงิน 7.2 ล้านบาท
ทันใดนั้น เป้าหมายก็ลดลงมาจาก 10.8 ล้านบาท เหลือ 7.2 ล้านบาท เท่ากับว่า ในตอนอายุ 35 ปีนั้น เราจะต้องออมเงินเดือนละ 24,000 บาท ติดต่อกันทุกเดือนไปจนเกษียณ
มาถึงตรงนี้หลายคนคงมีความหวังขึ้นมาบ้าง
ยิ่งถ้าเราลงทุนอย่างต่อเนื่อง 25 ปี ด้วยผลตอบแทนที่เหมาะสม เป้าหมายนี้ ก็อาจไม่ได้ห่างไกลอย่างที่คิด..
แล้วเราจะเริ่มลงทุนอย่างไรดี ?
หากใครเคยติดตาม ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ยอดนักลงทุนในตำนานของเมืองไทย ก็อาจเคยได้ยินเรื่องของแก้ว 3 ประการ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของการลงทุน
โดยประกอบไปด้วย เงินต้น เวลา และผลตอบแทน ซึ่งแก้ว 3 ประการนี้ จะเป็นตัวกำหนดผลของการลงทุนนั่นเอง
สำหรับคนอายุ 35 ปี “เวลา” ที่ผ่านไปนั้น คือสิ่งที่ควบคุมไม่ได้แล้ว แต่แน่นอนว่า เราก็ไม่ควรปล่อยให้เวลาที่เหลือผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์
ขณะที่เงินต้นและผลตอบแทน เป็นสิ่งที่เรายังพอควบคุมได้
สำหรับมนุษย์เงินเดือนอายุ 35 ปีนั้น แม้อาจเสียเปรียบเรื่องเวลา แต่อาจมีความได้เปรียบเรื่องของ “เงินต้น” ตามฐานเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นตามอายุงาน
ซึ่งแน่นอนว่า หากยิ่งมีเงินต้นสูงในตอนที่เริ่มลงทุน มูลค่าพอร์ตการลงทุนในวันเกษียณ ก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
ทีนี้มาที่เรื่องของผลตอบแทนกันบ้าง
ต้องบอกว่า จริง ๆ แล้ว ผลตอบแทนจากการลงทุนนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
เพราะในโลกการลงทุน มีสินทรัพย์ที่เราสามารถเลือกลงทุนได้อยู่มากมาย เช่น หุ้น, ตราสารหนี้, ทองคำ หรือแม้แต่สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency)
ซึ่งสินทรัพย์แต่ละอย่าง ก็มีผลตอบแทน ตลอดจนความเสี่ยงที่แตกต่างกัน
ประเด็นก็คือ เราต้องเข้าใจในสินทรัพย์ที่เราลงทุน ให้ดีที่สุด เช่น หากเราสนใจลงทุนในหุ้น เราก็ต้องเข้าใจว่าหุ้นนั้นคือตัวแทนของบริษัท
โดยหุ้นที่ทำผลตอบแทนได้ดี ก็มักมาจากผลกำไรที่แข็งแกร่ง ของบริษัทนั่นเอง
เมื่อเห็นภาพองค์ประกอบสำคัญของการลงทุนแล้ว เราลองมาดูเชิงตัวเลขกันบ้าง..
สมมติหากเรามีเงินเดือน 40,000 บาท เราเลือกหักเงินสักเดือนละ 6,000 บาท หรือราว 15% ของเงินเดือนมาลงทุนในทุก ๆ เดือน ยาวนานต่อเนื่อง 25 ปี
โดยสินทรัพย์ ที่เราลงทุนนั้น สามารถสร้างผลตอบแทนได้เฉลี่ย 10% ต่อปีแบบทบต้น
ในวันที่เราเกษียณ พอร์ตการลงทุนของเราจะมีมูลค่าถึง 7.5 ล้านบาท ซึ่งมาจากเงินต้น 1.8 ล้านบาท ขณะที่อีก 5.7 ล้านบาทนั้น เป็นกำไรที่สร้างขึ้นโดยสิ่งที่เรียกว่า “ผลตอบแทนทบต้น”
และเมื่อเทียบกับเป้าหมายของเรา ที่ต้องการเงินในวันเกษียณที่ 7.2 ล้านบาทนั้น จะเห็นว่าการลงทุนนั้นช่วยให้ฝันของเราเป็นจริงได้
ย้อนกลับไปคำถามแรกว่า มนุษย์เงินเดือนวัย 35 ปีแล้ว เพิ่งจะมาคิดเรื่องลงทุน สายไปแล้วหรือเปล่า ?
คำตอบคือ.. ยังทัน
แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่ามูลค่าเงินต้น และผลตอบแทนของเรา จะทำงานได้ดีแค่ไหน ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่
สุดท้ายแล้ว การลงทุนไม่ได้มีสูตรตายตัว หรือสูตรสำเร็จ
โดยผลตอบแทน 10% ต่อปีที่ยกมานั้น ก็เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของความเป็นไปได้ แม้จะเริ่มต้นจากเงินเล็ก ๆ ในวัย 35 ปี
ซึ่งในความเป็นจริง เราอาจทำผลตอบแทนได้มากหรือน้อยกว่านี้ก็ได้ หรือแม้แต่ปรับเปลี่ยนเงินต้นตามความเหมาะสมก็ได้
นอกจากนี้ ในโลกจริง ๆ อาจมีต้นทุนอื่น ๆ เช่น เงินเฟ้อ ภาษี ที่จะเข้ามากัดกินผลตอบแทนด้วย
เพียงแต่สิ่งสำคัญก็คือ เราต้องมีวินัยในการลงทุน รวมถึงการบริหารจัดการเงิน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ และช่วยให้เราสามารถทำตามเป้าหมาย ที่ตั้งใจไว้ได้..
หมายเหตุ : บทความที่นำเสนอนี้เป็นเพียงแนวทางและมุมมองเท่านั้น ผู้อ่านคือผู้ตัดสินใจแต่เพียงผู้เดียว ในการรับความเสี่ยงและผลตอบแทนจากการลงทุน โปรดศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบและพิจารณาถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องด้วยตัวเองเสมอ
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon