
ปฏิรูปเมจิ จุดพลิกผันญี่ปุ่น ที่ซามูไร ต้องเจ็บปวด
ปฏิรูปเมจิ จุดพลิกผันญี่ปุ่น ที่ซามูไร ต้องเจ็บปวด /โดย ลงทุนแมน
หนึ่งในซีรีส์ดังจากญี่ปุ่นช่วงนี้ คือ Last Samurai Standing ที่มีเนื้อหาหลักของซามูไรคนหนึ่ง ที่ต้องดิ้นรนสู้ชีวิตเพื่อครอบครัว
หนึ่งในซีรีส์ดังจากญี่ปุ่นช่วงนี้ คือ Last Samurai Standing ที่มีเนื้อหาหลักของซามูไรคนหนึ่ง ที่ต้องดิ้นรนสู้ชีวิตเพื่อครอบครัว
ซึ่งเรื่องราวในเรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับยุคสมัยเมจิ จุดพลิกผันของญี่ปุ่น ที่ทำให้ประเทศพัฒนามาถึงทุกวันนี้
แต่การเปลี่ยนแปลง ก็ต้องมีคนเสียประโยชน์อยู่เสมอ โดยเฉพาะเหล่าซามูไร ที่เป็นกระดูกสันหลังของญี่ปุ่นมานานเกือบ 200 ปี
จากชนชั้นนำของสังคม
กลายมาเป็นชนชั้นล่าง ที่ถูกถีบจากสังคม
โดนมองข้าม ไม่มีเงินและต้องดิ้นรนหาเช้ากินค่ำไปวัน ๆ
กลายมาเป็นชนชั้นล่าง ที่ถูกถีบจากสังคม
โดนมองข้าม ไม่มีเงินและต้องดิ้นรนหาเช้ากินค่ำไปวัน ๆ
ทำไมซามูไร ถึงไม่มีที่ยืนบนจุดพลิกผันของญี่ปุ่น ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ถ้าอยากเข้าใจว่า ซามูไรที่เคยเป็นชนชั้นนำของสังคม กลายเป็นชนชั้นตกอับในสังคมได้อย่างไร ก็อยากให้ทุกคนลองหลับตาลง แล้วย้อนเวลาไปพร้อมกัน
ลองจินตนาการว่า ตอนนี้เราอยู่ในยุคญี่ปุ่นเมื่อ 400 กว่าปีก่อน ดินแดนที่ตอนนี้มีตระกูลโชกุนเรืองอำนาจมากที่สุด และไม่มีใครทัดเทียมได้ที่ชื่อว่า โทกูงาวะ
ตระกูลนี้ขึ้นมาครองอำนาจเหนือญี่ปุ่นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1603 เป็นต้นมา ซึ่งยิ่งใหญ่ถึงขนาดมีอำนาจเหนือจักรพรรดิ และแบ่งอำนาจให้ไดเมียวปกครองพื้นที่ต่าง ๆ ของญี่ปุ่น
แต่ละไดเมียว ก็จะมีทหารของตัวเองที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีว่า ซามูไร ที่ต้องคอยติดตามและคุ้มกันเจ้านายตัวเอง รวมไปถึงครอบครัวของเจ้านาย
ทำให้ซามูไร กลายเป็นชนชั้นนำของสังคมญี่ปุ่นที่ได้รับการยกย่องมากที่สุด เพราะถือว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี คล้ายกับคนรับราชการในไทย ที่มักได้รับการเชิดหน้าชูตาในสังคม
แม้เป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี แต่กลับไม่ค่อยมีกิน
มีใช้มากนัก เพราะต้องพึ่งพารายได้หลักจากแค่ไดเมียว
มีใช้มากนัก เพราะต้องพึ่งพารายได้หลักจากแค่ไดเมียว
แถมซามูไร ยังโดนสั่งห้ามไม่ให้ทำธุรกิจ เช่น ค้าขายเพื่อสะสมความร่ำรวยของตัวเอง และต้องพักอยู่บริเวณรอบ ๆ ของปราสาทเจ้านายไดเมียวเท่านั้น
เหตุผลที่ทำแบบนี้ ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ซามูไรสะสมความร่ำรวยจนมีอำนาจมากขึ้น แล้วกลับมาท้าทายอำนาจของ
ไดเมียวที่เป็นเจ้านายของตัวเองได้
ไดเมียวที่เป็นเจ้านายของตัวเองได้
นอกจากนี้ ก็เพื่อให้ซามูไรสามารถติดตามเจ้านายไปได้ทุกที่ เพราะไดเมียวต้องไปพักที่เมืองหลวงในช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อแสดงให้โชกุนเห็นว่า ยังยอมรับอำนาจเหนือกว่า
เมื่อภาพเป็นแบบนี้ การเป็นซามูไรจึงแทบไม่มีอิสระในชีวิตของตัวเองเลย เพราะต้องไปทำงานให้กับเจ้านายในทุกช่วงเวลา
ทำให้ชนชั้นที่รองลงมาอย่างพวกพ่อค้า เข้ามาฉวยโอกาสทำธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างแคว้นต่าง ๆ ที่ไดเมียวปกครอง จนสะสมความร่ำรวยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แทน
เพราะพวกโชกุน ไดเมียว หรือแม้แต่ซามูไร ก็ต้องซื้อสินค้าจำเป็นและฟุ่มเฟือยจากพวกพ่อค้า ที่เข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ในญี่ปุ่นแค่กลุ่มเดียวเท่านั้น
แถมการเดินทางเพื่อไปหาโชกุนที่เมืองหลวง ก็ต้องซื้อสินค้าในระหว่างเมืองต่าง ๆ ทำให้ตระกูลพ่อค้าเกิดขึ้นตามมาอีกมากมาย
ซึ่งตระกูลพ่อค้าพวกนี้ ก็ได้กลายมาเป็นกลุ่มบริษัทในปัจจุบันที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี เช่น Sumitomo, Mitsui หรือ Kikkoman ก็เริ่มธุรกิจในยุคนี้แทบทั้งหมด
และไม่ใช่แค่การทำธุรกิจในประเทศเท่านั้น แต่ก็เริ่มขยายธุรกิจค้าขายกับต่างประเทศ ซึ่งยิ่งทำให้กลุ่มนี้สะสมความร่ำรวยเพิ่มขึ้นเหนือกลุ่มไดเมียวและซามูไรมากขึ้นไปด้วย
ดังนั้น จากเดิมที่กลุ่มพ่อค้ามีสถานะเป็นกลุ่มชนชั้นที่ต่ำกว่าพวกซามูไร แต่ด้วยความร่ำรวยที่มากขึ้น ทำให้บรรดาซามูไร ต้องพึ่งพาพวกพ่อค้าตามไปด้วย
เวลาผ่านไป การพึ่งพาพ่อค้าของซามูไรก็ยิ่งหนักขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะซามูไรมีรายได้เท่าเดิม แต่มีรายจ่ายที่เยอะมากขึ้น จนต้องลงเอยด้วยการติดหนี้พ่อค้าแทน
และไม่ใช่แค่ซามูไรที่มีรายจ่ายเยอะขึ้น แต่เจ้านายของตัวเองอย่างไดเมียว ก็มีรายจ่ายเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
ไดเมียวที่ไม่ได้ทำการค้าเพื่อหารายได้อยู่แล้ว จึงเก็บเกี่ยวภาษีจากที่ดินของตัวเองมากขึ้น ซึ่งคนที่เดือดร้อน นั่นคือ พวกชาวนา จนเริ่มไม่พอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ อยู่บ้าง
แทนที่จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ตระกูลโชกุนโทกูงาวะ กลับสนใจหลัก ๆ แค่อำนาจที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มพ่อค้า เพราะกลัวว่าไดเมียวอาจร่วมมือกับพ่อค้า แล้วมาโค่นล้มตัวเอง
จึงตัดสินใจเลือกปิดประตูการค้ากับต่างประเทศ
และจำกัดให้ค้าขายกับบางชาติ เช่น จีน เกาหลี หรือฮอลันดาเท่านั้น
และจำกัดให้ค้าขายกับบางชาติ เช่น จีน เกาหลี หรือฮอลันดาเท่านั้น
การทำแบบนี้ แม้ช่วยให้ตระกูลโทกูงาวะเบาใจ แต่กลับสร้างระเบิดเวลาให้พ่อค้าชาวตะวันตกมากขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายก็เกิดการปะทุขึ้นด้วยชายที่ชื่อว่า แมทธิว เพอร์รี
เขาคนนี้ไม่ใช่พ่อค้า แต่เป็นนายพลเรือจัตวาอเมริกัน
ที่เอาเรือรบสีดำมาปิดปากอ่าว เพื่อบีบให้ญี่ปุ่นเปิดประตู
การค้ากับทุกประเทศ ไม่ใช่จำกัดแค่บางประเทศอีกต่อไป
ที่เอาเรือรบสีดำมาปิดปากอ่าว เพื่อบีบให้ญี่ปุ่นเปิดประตู
การค้ากับทุกประเทศ ไม่ใช่จำกัดแค่บางประเทศอีกต่อไป
ซึ่งสุดท้ายญี่ปุ่นก็ยอม เพราะกองทัพเรืออเมริกันตอนนั้นแข็งแกร่งกว่ามาก จนมีหนทางให้ญี่ปุ่นชนะได้ยากมาก
แม้การปลดล็อกนี้จะช่วยให้การค้ากับต่างประเทศของญี่ปุ่นกลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่ในอีกมุมหนึ่งกลายเป็นจุดชนวนนับถอยหลังให้ตระกูลโทกูงาวะ ที่ครองอำนาจมานานแทน
บรรดาไดเมียวเริ่มแตกแยกออกเป็นสองฝั่ง ระหว่างฝั่งที่ต้องการรักษาระบบเดิมเอาไว้
กับฝั่งที่ต้องการเปลี่ยนให้ญี่ปุ่นปรับระบบใหม่ และพาประเทศไปสู่ข้างหน้า
ความขัดแย้งนี้เกิดขึ้นไปทั่วญี่ปุ่น จนในที่สุด ฝั่งที่ต้องการให้ญี่ปุ่นพลิกระบบใหม่ ก็ได้รับชัยชนะ จนฉีกอำนาจของตระกูลโทกูงาวะ และคืนให้กับจักรพรรดิเมจิในปี ค.ศ. 1868
ซึ่งเมื่อจักรพรรดิได้อำนาจคืนจากตระกูลโทกูงาวะ ก็เริ่มพัฒนาประเทศให้ไปสู่ความทันสมัยมากขึ้น ด้วยพลังความร่วมมือหลัก ๆ จากกลุ่มพ่อค้าในยุคก่อนหน้า
กลุ่ม Sumitomo และ Mitsui ก็ได้กลายเป็นกลุ่มหลัก พร้อมกับอีกสองตระกูลอย่าง Mitsubishi และ Yasuda ที่รวมกันเรียกว่า ไซบัตสึ คอยสนับสนุนการพัฒนาประเทศอยู่เบื้องหลัง
ส่วนกลุ่มชาวนา รวมไปถึงกลุ่มคนงานและกรรมกรต่าง ๆ ก็กลายเป็นแรงงานหลักของประเทศ ซึ่งกระจายกันไปทำงานในอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นใหม่ของญี่ปุ่นแทน
แม้ทุกอย่างดูกำลังไปได้ดี ทุกคนมีอาชีพและการงานเกิดขึ้นใหม่ ๆ มากมาย แต่นี่คือฝันร้ายของเหล่าซามูไร
ซามูไร ไม่ได้มีที่ดินหรือทรัพย์สินติดตัวอะไรเลย แถมยังไม่เคยทำอะไรนอกจากการรบเท่านั้น
คนที่ไม่เคยค้าขาย ไม่รู้เรื่องกำไรบัญชี ไม่มีทักษะอาชีพอะไรเลยที่คนในสังคมทำกันอยู่แล้ว ถ้าให้เลิกวางดาบ แล้วไปทำอย่างอื่น คงเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ
เพราะระบบเดิมที่สร้างให้ซามูไรภูมิใจในการเป็นนักรบแค่อย่างเดียว และห้ามทำธุรกิจใด ๆ เลย จึงกลายเป็นอาวุธมาทิ่มแทงให้ซามูไรแทบไร้ค่าในสังคมไปเลยทันที
ซามูไรยิ่งไร้ค่ามากขึ้นไปอีก เมื่อรัฐบาลเมจิตัดสินใจสร้างกองทัพทหารสมัยใหม่ขึ้นมาแทน แปลว่า ต่อไปนี้ญี่ปุ่นจะไม่มีทหารแบบเดิมอีกต่อไปแล้ว
สุดท้าย ชนชั้นนำที่เคยอยู่เหนือทุกคนในสังคม ในยุคสมัยเมจิกลับเป็นชนชั้นที่หายไปเลยในสังคม ไม่มีตัวตน และไม่ได้รับการยอมรับหรือยกย่องอีกต่อไป
แม้ซามูไรจะเป็นคนในสังคมที่ต้องเจ็บปวดมากแค่ไหน
การทิ้งดาบและล้มลงของซามูไร ก็อาจเป็นราคาที่ต้องจ่ายให้กับประเทศ เพื่อให้เดินต่อไปข้างหน้าได้
การทิ้งดาบและล้มลงของซามูไร ก็อาจเป็นราคาที่ต้องจ่ายให้กับประเทศ เพื่อให้เดินต่อไปข้างหน้าได้
แลกกับการที่ญี่ปุ่นก้าวขึ้นมาแข็งแกร่งในเวลาอันรวดเร็ว
และเป็นรากฐานให้ประเทศพัฒนาได้ทันสมัยมาถึงทุกวันนี้
และเป็นรากฐานให้ประเทศพัฒนาได้ทันสมัยมาถึงทุกวันนี้
ซึ่งในทุกประเทศ ก็คงมีจุดพลิกผันบางอย่างที่ทำให้ตัวเองไปสู่ข้างหน้าแบบรวดเร็ว เหมือนกับการหาโดมิโนตัวแรกให้เจอ แล้วผลักมันล้มต่อกันไปเรื่อย ๆ
ญี่ปุ่นเจอโดมิโนตัวแรกที่ล้มตึงด้วยกองทัพเรือดำอเมริกัน
แล้วฉุดให้โดมิโนปฏิรูปเมจิล้มตามไปด้วย
แล้วฉุดให้โดมิโนปฏิรูปเมจิล้มตามไปด้วย
แต่การล้มของโดมิโนทุกครั้ง ก็สั่นสะเทือนไปทั่วสังคม แบบที่เกิดกับซามูไร ที่ครั้งหนึ่งเคยยิ่งใหญ่มากแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายก็มีวันล้มได้อยู่ดี..