ทำไมญี่ปุ่น ถึงแข่งกันออก รถไฟนำเที่ยว ขบวนใหม่ ๆ ทุกปี ?

ทำไมญี่ปุ่น ถึงแข่งกันออก รถไฟนำเที่ยว ขบวนใหม่ ๆ ทุกปี ?

ทำไมญี่ปุ่น ถึงแข่งกันออก รถไฟนำเที่ยว ขบวนใหม่ ๆ ทุกปี ? /โดย ลงทุนแมน
หลายคนคงทราบดีว่าในตอนนี้ ประเทศไทย มีขบวนรถไฟนำเที่ยวอยู่หลายขบวน
โดยได้นำขบวนรถไฟจากญี่ปุ่นมารีโนเวต ให้เป็นแบบไทย ๆ
และสามารถสร้างเม็ดเงิน เข้ากระเป๋าการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้มากพอสมควร
สำหรับในประเทศญี่ปุ่นก็เช่นกัน รถไฟนำเที่ยวของประเทศญี่ปุ่น
ก็สร้างรายได้ และดึงนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยวญี่ปุ่นได้เป็นจำนวนมาก
เบื้องหลังแนวคิดทำ รถไฟท่องเที่ยวของญี่ปุ่น คืออะไร ?
แล้วโมเดลบริหารรถไฟ นั้นเป็นอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ญี่ปุ่น เริ่มพัฒนารถไฟนำเที่ยว หรือ Joyful Train ขบวนแรก ก็คือช่วงปี 1983 ซึ่งเป็นช่วงที่ JNR หรือการรถไฟญี่ปุ่นเดิมเกิดปัญหาขาดทุน
เนื่องจากในช่วงนั้น เป็นช่วงที่โครงสร้างพื้นฐานของญี่ปุ่น อย่างทางด่วนมอเตอร์เวย์ ได้ถูกสร้างขึ้นเกือบทุกจังหวัด ทำให้การเดินทางด้วยรถยนต์สะดวกขึ้นมาก ๆ
และคนญี่ปุ่น ก็เริ่มเปลี่ยนวิธีการเดินทางจากรถไฟ ไปใช้รถยนต์มากขึ้นเรื่อย ๆ
จึงเป็นโจทย์ให้กับทางการรถไฟญี่ปุ่น หรือ JNR ว่าจะทำอย่างไร ให้ผู้คนกลับมาใช้บริการรถไฟ เป็นยานพาหนะหลักในการเดินทางมากขึ้น โดยเฉพาะเส้นทางในชนบท ที่มีรถไฟวิ่งแต่ไม่มีคนนั่ง เพราะไปใช้ถนนกันหมด
ซึ่งการทำรถไฟท่องเที่ยว ก็เป็นหนึ่งในคำตอบของเรื่องนี้
โดยไอเดียการทำรถไฟท่องเที่ยวก็คือ บริการที่เหนือกว่ารถไฟปกติ พร้อมด้วยตู้โดยสารที่ออกแบบตกแต่งเป็นพิเศษ เพื่อให้ผู้โดยสารได้ประสบการณ์การเดินทางกับรถไฟที่ดีที่สุด โดยไม่ได้เน้นว่าจะต้องส่งผู้โดยสารไปถึงปลายทางเพียงอย่างเดียว
รถไฟ Joyful Train ได้ถูกพัฒนาอย่างจริงจัง ก็ตอนที่การรถไฟญี่ปุ่น หรือ JNR ได้ผ่าตัดปฏิรูปองค์กร
จากองค์การของรัฐที่มีขนาดใหญ่ ไปเป็นบริษัทเดินรถไฟ JR ทั้ง 7 แห่ง ซึ่งบริษัทเดินรถไฟทั้ง 7 แห่ง จะเป็นบริษัทเอกชน ที่ทำธุรกิจเดินรถไฟตามภูมิภาคของตัวเอง
การปฏิรูปการรถไฟญี่ปุ่น จากที่เป็นของรัฐให้กลายเป็นบริษัทเอกชน ก็มีข้อดีตรงที่การบริหารงานในรูปแบบเอกชน ผู้บริหารก็จะคิดแบบบริษัท
โดยผู้บริหาร จะมีอำนาจในการวางโครงสร้างองค์กรใหม่ทั้งหมด พัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพ
หาทางลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และเพิ่มกำไรให้กับองค์กร
ถึงแม้ว่ากลุ่มบริษัท JR เป็นเอกชนที่ดำเนินกิจการรถไฟ บริหารสถานี และทำธุรกิจต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่
แต่กลุ่มบริษัท JR ก็ไม่ได้มีอำนาจที่จะยกเลิกเส้นทางการเดินรถไฟที่ขาดทุนออกไป เพราะการยกเลิกเส้นทางรถไฟที่ไม่สามารถทำเงิน
จะต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาล และรัฐบาลท้องถิ่นก่อน
เมื่อเป็นแบบนี้ โจทย์สำคัญของบริษัทเดินรถเหล่านี้ ก็ต้องมาคิดต่อว่าจะทำอย่างไร ให้มีรายได้และกำไรเพิ่ม จากเส้นทางท้องถิ่นที่ไม่ค่อยมีใครใช้กัน
และรถไฟท่องเที่ยว หรือ Joyful Train ก็คือคำตอบ..
โดยบริษัทที่ขยันทำรถไฟท่องเที่ยวมากที่สุด ก็คือบริษัท JR Kyushu ผู้ให้บริการรถไฟเส้นทางสายหลักในเกาะคีวชู ที่อยู่ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น
เหตุผลที่ JR Kyushu ต้องขยันทำรถไฟท่องเที่ยวเยอะ ๆ ก็เพราะว่าเป็นเกาะทางตอนใต้ มีประชากรน้อย
และอยู่ห่างจากฮับของเมืองใหญ่อย่างโตเกียว หรือโอซากามาก ทำให้เส้นทางรถไฟในต่างจังหวัดมีคนมาใช้บริการน้อย จึงไม่สามารถทำรายได้และกำไรให้กับบริษัท JR Kyushu มากนัก
ดังนั้น JR Kyushu จึงเลือกทำ Joyful Train เพื่อหาทางเพิ่มรายได้ให้กับตัวเอง และดึงดูดนักท่องเที่ยว ให้เข้ามาเที่ยวในเกาะคีวชูเยอะ ๆ
รถไฟท่องเที่ยวขบวนแรกที่ JR Kyushu ได้ออกแบบ คือขบวนรถไฟ Yufuin No Mori ในปี 1986
ซึ่งขบวนรถไฟนี้จะวิ่งจากสถานี Hakata สถานีหลักของเมืองฟูกูโอกะ ไปยังยูฟุอิน ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ท่ามกลางหุบเขาในจังหวัดโออิตะ
รถไฟ Yufuin No Mori เป็นรถไฟที่ออกแบบให้เป็นคอนเซปต์รถไฟสีเขียวเข้มกลางป่า มีกระจกหน้าต่างกว้าง และเสพธรรมชาติได้อย่างสบาย
ตั้งแต่ขบวนรถไฟท่องเที่ยวขบวนนี้ เปิดให้บริการ ก็ได้รับผลตอบรับอย่างดี กลายเป็นขบวนรถไฟดังของเกาะคีวชู ที่นักท่องเที่ยวต้องไป
ส่วนเมืองยูฟุอิน จากที่เป็นเมืองเล็ก ๆ ไม่มีใครสนใจ ก็กลายเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสธรรมชาติ หรือเสพบรรยากาศที่นี่
ซึ่งโมเดลรถไฟท่องเที่ยวนี้ ไม่ใช่แค่บริษัทรถไฟ ที่ได้ประโยชน์หรือเก็บค่าโดยสารได้มากขึ้น
แต่ยังสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ จากการท่องเที่ยวในท้องถิ่นได้ด้วย
ต่อมาขบวนรถไฟ Yufuin No Mori ก็กลายเป็นโมเดลกรณีศึกษา สำหรับบริษัทเดินรถไฟกลุ่ม JR หรือบริษัทรถไฟเอกชนทั่วประเทศ
โดยเฉพาะในช่วงหลัง ๆ ที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และประชากรลดน้อยลงเรื่อย ๆ ทำให้คนในพื้นที่ เข้ามาใช้บริการรถไฟน้อยลง
ดังนั้น บริษัทรถไฟ ก็จำเป็นต้องทำโมเดลรถไฟท่องเที่ยว และรถไฟที่ออกแบบมาเพื่อเจาะกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวมากขึ้น
อย่าง JR Kyushu ก็ได้ปั้นรถไฟท่องเที่ยวขบวนใหม่ออกมาเรื่อย ๆ อย่าง
- ปี 2011 ออกรถไฟท่องเที่ยวขบวน Aso Boy! รถไฟสำหรับครอบครัว
มีโซนเล่นสำหรับเด็กและคาเฟ วิ่งในจังหวัดคูมาโมโตะ
- ปี 2013 ออกรถไฟท่องเที่ยวขบวน Seven Stars in Kyushu
ซึ่งเป็นทริปรถไฟหรูเดินทางเที่ยวรอบเกาะคีวชู มีทั้งทริป 2 วัน 4 วัน โดยได้รับการบริการระดับโรงแรม
- ปี 2017 ออกรถไฟท่องเที่ยวขบวน Aru Ressha เป็นรถไฟธีมขนมหวานสุดหรู
ตกแต่งแบบสไตล์ตะวันตก ตัวรถตกแต่งเป็นสีทอง นิยมวิ่งในจังหวัดโออิตะ
- ปี 2022 ออกรถไฟท่องเที่ยวขบวน Two Stars 4047 เป็นรถไฟวิ่งรอบ ๆ
จังหวัดซากะและจังหวัดนางาซากิ ผ่านทะเล 2 ฝั่งของทั้ง 2 จังหวัด และภายในรถไฟ
ก็มีการขายอาหาร และจัดแสดงสินค้าท้องถิ่น จากจังหวัดซากะและจังหวัดนางาซากิด้วย
จะเห็นได้ว่า ขบวนรถไฟท่องเที่ยวเหล่านี้ ไม่ได้เน้นวิ่งตามเมืองใหญ่ ๆ
แต่จะเน้นเส้นทางวิ่งไปตามเมืองเล็ก ๆ หรือจังหวัดเล็ก ๆ เพื่อกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และรถไฟท่องเที่ยว ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจของเกาะคีวชูอย่างแท้จริง
นอกจากภูมิภาคคีวชูแล้ว เราไปดูขบวนรถไฟท่องเที่ยวตามภูมิภาคอื่น ๆ ในญี่ปุ่น
ตั้งแต่เหนือจดใต้บ้าง อย่าง
- JR Hokkaido บริษัทเดินรถไฟในเกาะฮอกไกโด
มี Furano Lavender Express เป็นรถไฟ Limited Express สีม่วงเข้ม ที่ให้บริการเฉพาะช่วงหน้าร้อน
โดยวิ่งตรงจากเมืองซัปโปโร ไปชมดอกลาเวนเดอร์ที่เมืองฟูราโนะในเที่ยวเดียว
- JR East บริษัทเดินรถไฟในกรุงโตเกียว เซ็นได นิกโก และในภูมิภาคโทโฮกุ
มี Resort Shirakami เป็นรถไฟท่องเที่ยว ที่ขึ้นชื่อว่าวิ่งในเส้นทางที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น
โดยวิ่งผ่านทั้งทะเลและป่ามรดกโลก ระหว่างเมืองอากิตะ กับเมืองอาโอโมริ ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น
มี Koshino Shu*Kura เป็นรถไฟที่เน้นการท่องเที่ยวเชิงสาเก
โดยมีเส้นทางวิ่งในจังหวัดนีงาตะ ซึ่งผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินกับ การชิมสาเกท้องถิ่นของนีงาตะ
ที่มีให้เลือกหลากหลาย พร้อมกับชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลญี่ปุ่นได้
- JR Central บริษัทเดินรถไฟในเมืองนาโกยะ และเมืองท่องเที่ยวอย่าง กิฟุ ทากายามะ
มี Wide View Nanki ที่วิ่งจากเมืองนาโกยะ ไปที่จังหวัดวากายามะ
จุดเด่นคือมีหน้าต่างบานใหญ่พิเศษ ให้ชมวิวทะเลแปซิฟิกและภูเขาสลับซับซ้อนได้แบบเต็มตา
- JR West บริษัทเดินรถไฟในเมืองโอซากา เกียวโต และเมืองต่าง ๆ ในภูมิภาคชูโกกุ
มี Twilight Express Mizukaze ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นขบวนรถไฟที่หรูหราที่สุดในญี่ปุ่น
บริการเหมือนกับโรงแรม 5 ดาว วิ่งผ่านชายฝั่งทะเลทั้ง 2 ด้านของภูมิภาคชูโกกุ ระหว่างเมืองเกียวโต และเมืองชิโมโนเซกิที่อยู่ทางใต้สุด
- JR Shikoku บริษัทเดินรถไฟในเกาะชิโกกุ
มี Anpanman Train ซึ่งเป็นรถไฟที่ตกแต่ง และวาดลวดลายเป็นตัวละครอันปังแมน
ซึ่งเป็นผลงานของอาจารย์ผู้ที่เกิดในจังหวัดโคจิ จังหวัดทางตอนใต้ของเกาะชิโกกุ
ปัจจุบัน ขบวนรถไฟ Anpanman ก็เป็นขบวนรถไฟท่องเที่ยว ที่เปิดให้บริการหลายเส้นทางทั่วทั้งเกาะชิโกกุ
และในปัจจุบัน ก็ไม่ใช่แค่กลุ่มบริษัท JR เท่านั้นที่ทำรถไฟท่องเที่ยวขึ้นมา
แต่ผู้ให้บริการรถไฟเอกชนเจ้าอื่น ๆ ก็ทำรถไฟท่องเที่ยวแข่งกับ JR เช่นกัน อย่าง
- Tobu Railway ผู้ให้บริการรถไฟเอกชน ในพื้นที่กรุงโตเกียว และจังหวัดทางตอนเหนือ
ได้เปิดตัวรถไฟ Spacia X ในปี 2023 ซึ่งเป็นขบวนรถไฟ Limited Express ที่ทำขึ้นมาเพื่อการท่องเที่ยว
มีเส้นทางจากสถานีวัดอาซากุสะในโตเกียว ไปที่เมืองนิกโก เมืองท่องเที่ยวยอดฮิตที่อยู่ไม่ไกลจากโตเกียวนัก
โดยตัวรถไฟออกแบบให้ดูหรูและล้ำสมัย มีทั้งคาเฟและเลานจ์ในตัว
- Kintetsu Railway ผู้ให้บริการรถไฟเอกชน ในพื้นที่ภูมิภาคคันไซ
ได้เปิดตัวรถไฟ Aoniyoshi ในปี 2022 เพื่อเป็นขบวนรถไฟท่องเที่ยวเชื่อมต่อ 3 เมืองหลัก
ในภูมิภาคคันไซ ได้แก่ เมืองโอซากา เกียวโต และนารา
แล้วบริษัทเดินรถไฟในญี่ปุ่น ก็ยังมีโปรเจกต์รถไฟท่องเที่ยว ที่รอเปิดตัวมาแข่งกันอีก อย่าง
- Nankai Railway บริษัทเดินรถไฟเอกชนในพื้นที่ภูมิภาคคันไซ แถว ๆ โอซากา ก็จะเปิดตัวรถไฟนำเที่ยว Gran Tenku ในปี 2026
- JR Hokkaido ก็จะเปิดตัวรถไฟนำเที่ยว Red Star และ Blue Star ในปี 2027
- JR East เปิดตัวรถไฟตู้นอนขบวนใหม่ โดยวิ่งไปทางภูมิภาคโทโฮกุ ในปี 2027
ซึ่งเป็นการเปิดตัวรถไฟนอนครั้งแรกในรอบหลายสิบปี หลังจากที่เคยยกเลิกรถไฟนอนไป
จะเห็นได้ว่า ในช่วงหลัง ๆ ทั้งบริษัทเดินรถไฟเอกชน และกลุ่มบริษัทเดินรถไฟ JR ต่างก็ออกขบวนรถไฟนำเที่ยวมาแข่งกันเพื่อแย่งนักท่องเที่ยว
แทบทุกภูมิภาคในญี่ปุ่น ก็จะมีขบวนรถไฟท่องเที่ยว ที่พาไปในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ และมีดิไซน์สะท้อนเอกลักษณ์ท้องถิ่น รวมถึงของดีประจำพื้นที่นั้น ๆ
แน่นอนว่า ตั๋วรถไฟท่องเที่ยว หรือขบวน Limited Express ที่ออกแบบมาสำหรับนักท่องเที่ยว
ก็ถือเป็นการสร้างรายได้ และเพิ่มอัตรากำไร ให้กับธุรกิจเดินรถไฟในญี่ปุ่นอีกช่องทางหนึ่ง
อย่างขบวนรถไฟท่องเที่ยวบางขบวนอย่าง Seven Stars in Kyushu ที่วิ่งทัวร์รอบเกาะคีวชู
ก็มีราคาตั๋วเริ่มต้นที่ 82,000 บาท (สำหรับ 2 วัน 1 คืน) และแพงสุดก็อยู่ที่ 400,000 บาทเลยทีเดียว
ทั้งหมดนี้ ก็เป็นอีกกรณีศึกษาของบริษัทเดินรถไฟในญี่ปุ่น ที่นำรถไฟท่องเที่ยว เข้ามาแก้ปัญหาในเส้นทางรถไฟที่ขาดทุน ไม่มีคนนั่ง
แล้วนำเส้นทาง และอัตลักษณ์ของพื้นที่ท้องถิ่นนั้น ๆ มาสร้างเป็นมูลค่าผ่านเรื่องราวต่าง ๆ
บนดิไซน์ของตัวรถไฟ สินค้าที่ขายในรถไฟ อาหารที่เสิร์ฟบนรถไฟ และวิวธรรมชาติระหว่างที่เดินทาง
จนกลายเป็นขบวนรถไฟท่องเที่ยว หรือ Joyful Train ที่สมบูรณ์แบบในฉบับของญี่ปุ่นนั่นเอง..
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon