“FX HEDGING” ต้นทุนแฝงก้อนใหญ่ ของคนซื้อกองทุนรวม ที่อยากป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน

“FX HEDGING” ต้นทุนแฝงก้อนใหญ่ ของคนซื้อกองทุนรวม ที่อยากป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน

“FX HEDGING” ต้นทุนแฝงก้อนใหญ่ ของคนซื้อกองทุนรวม ที่อยากป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน / โดย ลงทุนแมน
เวลาเราเห็นกองทุน ที่มีคำว่า “FX HEDGE” ต่อท้าย หลายคนมักเข้าใจว่าปลอดภัยเพราะกองทุนได้ทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ถ้ากองทุนมีความเสี่ยงค่าเงินที่ไม่ได้ปกป้องก็จะมีคำเตือนมากมายให้เรารับทราบ และหลายคนก็กลัวที่จะซื้อกองทุนที่ไม่ปกป้องความเสี่ยงค่าเงิน
ซึ่งก็ถูก แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด..
ยกตัวอย่างเช่น กองทุนไทยไปลงทุนใน Invesco Nasdaq 100 ETF กองทุนอิงดัชนีเทคโนโลยีสหรัฐ ซื้อขายกันเป็นดอลลาร์สหรัฐ
ผลตอบแทนทั้งหมดก็จะ = ผลตอบแทนกองทุน + ผลตอบแทนอัตราแลกเปลี่ยน (ซึ่งเป็นส่วนต่าง ณ วันที่ขาย เทียบกับวันที่ซื้อ)
ถ้าค่าเงินบาทอ่อนลงหลังจากวันที่ซื้อ เราก็จะแลกกลับมาเป็นเงินไทยได้มากขึ้น ในทางกลับกันเราก็อาจขาดทุนได้หากค่าเงินบาทแข็งขึ้น
หลายกองทุน จึงเลือกที่จะมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน หรือทำการ HEDGING ค่าเงินเพื่อล็อกอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า เพื่อให้ผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยนใกล้เคียง 0
แต่เบื้องหลังการล็อกอัตราแลกเปลี่ยนแบบนี้
แน่นอนว่ากองทุนไม่ได้ทำโดยฟรี ๆ
แต่จะกลายเป็นว่า
ผลตอบแทนทั้งหมด = ผลตอบแทนกองทุน + ต้นทุนการจ่ายค่าประกันอัตราแลกเปลี่ยน (HEDGING)
แล้วต้นทุนของการ HEDGING เกิดจากอะไร ?
เบื้องหลังก็คือกองทุนก็จะไปทำสัญญากับธนาคาร เรียกว่า FX Forward หรือ FX Swap
โดยจะคุยกันว่า อีก 3 หรือ 6 เดือนข้างหน้า กองทุนจะขอแลกดอลลาร์สหรัฐกลับมาเป็นบาท ที่เราตกลงกันตั้งแต่วันนี้
และพอจะครบกำหนดก็จะต่อสัญญาไปเรื่อย ๆ ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนที่คุยกัน โดยหลักจะถูกคำนวณมาจาก “ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของ 2 ประเทศ”
จากตัวอย่าง กองทุนไทยไปลงทุนใน Invesco Nasdaq 100 ETF ก็จะเป็นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ และไทย
-ดอกเบี้ยสหรัฐ 4% ต่อปี
-ดอกเบี้ยไทย 1.5% ต่อปี
ดอลลาร์สหรัฐ จะอยู่ในสถานะพรีเมียม
ซึ่งกองทุนไทย ก็เลยต้องจ่ายส่วนต่างตรงนี้ เรียกว่า HEDGING COST ก็จะเท่ากับ 4% - 1.5% = 2.5% ต่อปี
หรือทุก ๆ 1,000,000 บาทของกองทุน
จะมีต้นทุนประกันความเสี่ยงประมาณ 25,000 บาท ที่ต้องจ่ายทุก ๆ ปี
นี่ยังไม่รวมถึงอัตราค่าธรรมเนียมจากสถาบันการเงิน ที่กองทุนเข้าทำสัญญาด้วย
ซึ่งที่บอกในช่วงแรกว่าไม่ค่อยมีใครพูดถึงกัน และคนทั่วไปมักจะไม่ค่อยรู้เรื่องนี้
นั่นก็เพราะว่าต้นทุนจะเปลี่ยนแปลงไปตามอัตราดอกเบี้ยระหว่างประเทศ ไม่ได้ถูกประกาศชัดเจนแบบค่าธรรมเนียมว่าผู้ถือหน่วยจะถูกเก็บเท่าไร
แถมจะถูกลง หรือแพงขึ้นก็ได้ ตามดอกเบี้ยนโยบายของ 2 ประเทศที่เปลี่ยนไป ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะถูกหักออกจาก NAV หรือมูลค่าต่อหน่วยกองทุน ที่เราถืออยู่ โดยไม่ได้ระบุในค่าใช้จ่ายค่าธรรมเนียมใน Fund Fact Sheet อีกด้วย
สมมติผลตอบแทน 10%
เราก็จะได้ผลตอบแทนจริง ๆ ราว 7.5%
และต้นทุนประกันค่าเงินตรงนี้ ก็เสียโอกาสที่จะทำผลตอบแทนทบต้นไปด้วยตามระยะเวลาที่เราถือหน่วยลงทุน..
เช่นจากเดิม ถ้าเราไม่ทำประกันอัตราแลกเปลี่ยน การที่เราได้กำไร 10% หมายความว่า ถ้าเงินต้น 100 บาท ปีถัดไปเราจะมี 110 บาทไปลงทุนต่อ แต่คนที่ทำประกันอัตราแลกเปลี่ยน จะมีเงินเพียง 107.5 บาทไปลงทุนต่อ
คำถามคือแล้ว HEDGING ดีหรือไม่ดี ?
ก็ต้องบอกว่า HEDGING ไม่ได้แย่ มันจะมีประโยชน์ในกรณีที่ค่าเงินบาทแข็ง ทำให้เราได้กำไรจากค่าเงินชดเชยตอนแลกเงินกลับ แต่อย่างที่กล่าวไปการ HEDGING ไม่ใช่พระเอกที่จะชนะทุกสถานการณ์
เปรียบเสมือนการ HEDGING เป็นการทำประกัน สิ่งที่เราแลกมาก็คือ ต้นทุนที่เราต้องจ่ายค่าประกันทุกปี และในยุคที่ดอกเบี้ยสหรัฐสูง ๆ ต้นทุนการประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ก็จะยิ่งแพงตามไปด้วย
ซึ่งถ้าอัตราแลกเปลี่ยน วนไปวนมา อยู่ในกรอบเดิม เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี 20 ปี ต้นทุนเสียโอกาสในการทำ HEDGING จะทบต้นเป็นหลายสิบเปอร์เซนต์ จนทำให้กองทุนนั้นแพ้ดัชนี Benchmark หรือค่าเฉลี่ยกองทุนอื่นในกลุ่ม ไปมากเลยทีเดียว..
------
ครั้งแรก.. TLUS500RMF และ TLUSNDQRMF กองทุน RMF อิงดัชนี S&P 500 และ Nasdaq 100 ชนิด UNHEDGED เปิดจอง IPO แล้ว จนถึงวันที่ 4 ธ.ค. นี้ ! ซื้อได้ที่แอป WealthX และ บลจ.ทาลิส เท่านั้น
ทั้ง 2 กองทุน เป็น Feeder Fund ซึ่งลงทุนในกองทุนรวมที่บริหารจัดการ
-TLUS500RMF ลงทุนในกองทุนหลัก iShare Core S&P 500 ETF
-TLUSNDQRMF ลงทุนในกองทุนหลัก Invesco NASDAQ 100 ETF
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดและเริ่มต้นลงทุนได้ที่ บล.เวลท์เอกซ์ 02-6669477 LINE ID: @wealthx และ บลจ.ทาลิส 02-0150215, 02-0150216, 02-0150222
กองทุนรวมบางกองทุน ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
กองทุนเหล่านี้มีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์และจากอัตราแลกเปลี่ยน จากการลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศ
กองทุนรวมเหล่านี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน RMF กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษีของกรมสรรพากร
ผู้ถือหน่วยลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และจะต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เคยได้รับภายในกำหนดเวลา นอกจากนี้จะต้องชำระเงินเพิ่ม และ/หรือเบี้ยปรับตามประมวลรัษฎากร
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon